บทที่ 277: ความรู้สึกประหลาด
เย็นวันนั้นโรเอลนวดหน้าผากของตน ขณะเดินออกจากห้องสมุดมุ่งหน้าไปยังส่วนใจกลางสถาบัน
หอประชุมนานาชาติแห่งปัญญามีบันทึกมากมายเกี่ยวกับพิมพ์เขียวของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่ปัญหาก็คือพวกมันล้วนเป็นพิมพ์เขียวที่ช่างมืออาชีพวาดขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ทำงานในด้านการก่อสร้างเข้าใจ มันจึงเหนื่อยมากสำหรับคนธรรมดา ๆ อย่างโรเอล ที่จะถอดรหัสสัญลักษณ์และตัวย่อทั้งหมดเหล่านั้น
ข้อดีคือความพยายามของโรเอลนั้นได้ผล เขาสามารถจดจำแผนผังของอาคารส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้แล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ต้องสับสนวุ่นวายเส้นทางเหมือนแมลงวันหัวขาดอีกต่อไป
และตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่โรเอลจะได้พบกับ ‘อาจารย์’ ผู้เข้มงวดของเขา
โรเอลสวมเสื้อคลุมและผ้าพันคอเดินผ่านฝูงชนอย่างสุขุม พูดรหัสผ่านอันน่าอายตามปกติ ก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องเรียน
ทันทีที่สบตากับเด็กสาวที่ยืนอยู่บนแท่น เขาก็พบว่าหัวใจของตนนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะเอาซะเลย
วันนี้เธอสวมชุดสีม่วง
ลิเลียนสวมชุดยาวสีม่วงแบบดั้งเดิมที่พริ้วไหวไปมาตามการเคลื่อนไหว ทำให้โรเอลไม่สามารถเพ่งมองไปที่เธอได้ตรง ๆ คล้าย ๆ กับชุดที่เธอใส่เมื่อวาน ชุดนี้ดูหลวมเล็กน้อยและมีสายรัดรอบเอว ชุดด้านบนเผยให้เห็นไหล่เล็กน้อย ปกปิดผิวเนียนสวยเอาไว้บางส่วน พร้อมกับมีโบว์หูกระต่ายสีม่วงดูสง่างามติดอยู่ที่คอ
ต้องยอมรับเลยว่าสีม่วงเป็นสีที่เข้ากับลิเลียนได้ดีมาก มันเข้ากับดวงตาสีอเมทิสต์ของเธอได้อย่างลงตัว เน้นย้ำถึงบรรยากาศน่าเกรงขามรอบตัวเธอ
โฉมงามผู้เยือกเย็นแต่น่าพิศวงนี่คือบรรยากาศรอบตัวลิเลียน อย่างไรก็ตามบรรยากาศของวันนี้ทำให้รู้สึกหนาวยิ่งกว่าเดิม
โรเอลทราบถึงเหตุผลที่ที่บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเเบบนี้ได้ในทันที แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา หนุ่มน้อยนั่งลงอย่างสงบเชื่อฟัง รอให้ชั้นเรียนเริ่ม ซึ่งทางลิเลียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเริ่มชั้นเรียนในทันที
ความรู้สึกด้านลบที่ลิเลียนมีต่อเขา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชั้นเรียนของเธอเลย บทเรียนของเธอยังคงเฉียบคมเต็มไปด้วยรายละเอียดเช่นเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากลัวก็คือ ทุกครั้งที่โรเอลต้องการจะถามอะไร ลิเลียนก็จะสามารถตอบคำถามนั้นได้ล่วงหน้า เพียงเสี้ยววินาที ทำให้โรเอลสงสัยว่าเธอใช้คาถาเวทอ่านใจเขาอยู่รึเปล่า?
ถึงอย่างนั้นโรเอลก็ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ เนื่องจากลิเลียนมักจะอธิบายเหตุผลผ่านแนวความคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสมอ ไม่ว่าเขาจะเข้าใจส่วนหนึ่งของมันหรือไม่ก็ตาม การทำซ้ำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ ทำให้โรเอลรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าพูดคำร้องเรียนใด ๆ ออกไปต่อหน้ารุ่นพี่ผู้เย็นชาคนนี้
แม้ว่านี่จะเป็นคำไหว้วานจากคริส แต่มันก็เป็นความจริงที่ลิเลียนได้สละเวลาอันมีค่าของเธอมาสอนพิเศษให้กับโรเอล อย่างน้อย ๆ สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้เพื่อตอบแทนก็คือการให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับทุก ๆ อย่างที่เธอพูด แม้ว่ามันจะซ้ำซากก็ตาม
ความตั้งใจในการเรียนรู้อย่างจริงจังของโรเอล ดูเหมือนจะทำให้ลิเลียนรู้สึกพอใจเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปครึ่งทางของบทเรียน พวกเขาก็เริ่มการฝึกภาคปฏิบัติ
แม้ว่าโรเอลจะไม่มีหวังในการควบคุมพลังเวทอย่างละเอียดอ่อน แต่ถ้าหากเป็นการบีบอัดพลังเวทมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การบีบอัดพลังเวทเป็นแนวคิดแรก ๆ ที่สร้างขึ้นและวิจัยโดยภาคีแห่งพลังงาน แนวคิดหลักของมันก็คือการเสริมสร้างคุณภาพของพลังเวท เพื่อขยายความรุนแรงของคาถา
การฝึกบีบอัดพลังเวทของลิเลียน สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการต่อสู้กันตัวต่อตัว
แน่นอนว่ามันไม่ใช่การต่อสู้กันตัวต่อตัวจริง ๆ ในแง่นี้ พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันจริง ๆ แต่แสดงออกผ่านทางเส้นใยพลังเวท หรือในกรณีของโรเอลก็คือเชือกพลังเวท ฟาดมันเข้าด้วยกัน โดยเส้นใยพลังเวทของใครถูกตัดก่อนถือเป็นฝ่ายแพ้
แกร่ก!
หลังจากเกิดรอยแตกเล็กน้อย เชือกพลังเวทของโรเอลก็ถูกผ่าเป็นสองท่อนโดยแทบจะไม่มีแรงต้านทานเลย เขามองดูเส้นใยพลังเวทที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในมือ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันนั้นเองลิเลียนก็เริ่มวิจารณ์ผลการใช้พลังเวทของเขา
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าความหนาไม่มีประโยชน์? สิ่งที่เธอต้องการคือทักษะในการควบคุมตั้งแต่แรก การทำให้มันใหญ่ก่อนจะพยายามบีบมันลงไม่ใช่วิธีที่ถูก เธอต้องเปลี่ยนแปลงมันตั้งแต่แรก”
“สิ่งที่เธอกำลังปล่อยออกมาตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากน้ำเลย เธอต้องกระชับมันให้มากขึ้นตั้งแต่แรกถึงจะประสบความสำเร็จได้”
“…”
บางทีอาจเป็นเพราะความผิดพลาดของโรเอลนั้นเห็นได้ชัดเกินไป คนที่ไม่ค่อยพูดแบบลิเลียนจึงพูดมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตามคำสอนของเธอไม่ได้ลดความมุ่งมั่นในตัวโรเอลแต่อย่างใด มันกลับทำให้เขามีสีหน้าแปลก ๆ แทน
ทั้งสองคนต้องอยู่ใกล้ ๆ กันเพื่อดำเนินการ ‘การต่อสู้’ ดังนั้นลิเลียนจึงเดินลงจากแท่นยืนมาที่ด้านหน้าโต๊ะของโรเอล เป็นผลให้โรเอลต้องเผชิญกับหน้าท้องที่เพรียวบางของเธอ
ภารกิจที่โรฝากฝังผุดขึ้นมาในใจของโรเอลในเวลาอันเลวร้ายนี้ ทำให้ใบหน้าของเขาแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดอย่างเหลือล้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถเพ่งมองหรือลดสายตาลงได้เลย
“มัวรออะไรอยู่? ลองอีกครั้งสิ”
เสียงอันเรียบเฉยของลิเลียนทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของโรเอลเย็นลงเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองลิเลียน สบตากับเด็กสาวที่มองมาที่พร้อมด้ายที่ส่องประกายระยิบระยับระหว่างนิ้วของเธอ
ปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราต้องใจเย็นลงก่อน ท้องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับฉันซะหน่อย!
โรเอลพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น มุ่งความสนใจกลับไปที่การฝึกบีบอัดพลังเวท ภายใต้การแนะนำของลิเลียน ในที่สุดเขาก็มีพัฒนาการบางอย่าง หลังจากโดนฟาดเส้นใยพลังเวทพังในทีเดียวมามากกว่าสิบครั้ง ในที่สุดเขาก็สามารถทนรับการปะทะได้หนึ่งครั้ง
“!”
โรเอล ดีใจมากที่ได้เห็นเส้นเชือกสีแดงเล็ก ๆ ของตน รอดชีวิตจากการทำลายล้างของลิเลียน
“รุ่นพี่ ฉัน…”
แกร่ก!
ก่อนที่โรเอลจะได้เปล่งเสียงด้วยความยินดี ลิเลียนก็ฟาดด้ายสีเงินของเธอลงไปอีกครั้งอย่างไร้ความปราณี ตัดเชือกสีแดงเข้มออกเป็นสองท่อน ทำให้รอยยิ้มของเด็กหนุ่มแข็งทื่อ คำพูดอันตื่นเต้นที่ปลายลิ้นของเขาหายไปในทันที โรเอลกะพริบตาอย่างว่างเปล่าครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ เพื่อบีบอัดพลังเวทของตนอีกครั้ง
บางทีอาจจะเป็นเพราะลิเลียนรู้สึกว่าการกระทำธรรมดา ๆ ของเธอ กระทบต่อแรงจูงใจของโรเอล เด็กสาวจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“พยายามได้ดี ลงมือต่อเถอะ”
คำพูดสั้น ๆ เหล่านี้แทบจะฟังดูไม่เหมือนการให้กำลังใจเลย แต่โรเอลกลับเงยหน้าขึ้นมองลิเลียนด้วยสายตาที่ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่”
โรเอลเผยรอยยิ้มอันเจิดจรัสที่ทำให้ลิเลียนอึ้งไปครู่หนึ่ง เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจ
อีกแล้ว มีอะไรผิดปกติกับเรากันแน่
ดวงตาสีอเมทิสต์ของลิเลียนหรี่ลงเล็กน้อย แม้ใบหน้าของเธอจะยังคงสงบเช่นเคย แต่หัวใจนั้นกลับตกอยู่ในความสับสน
ในตอนที่ลิเลียนตัดเชือกพลังเวทของโรเอลก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะปลอบใจเขา ถึงแม้ว่าผลการฝึกซ้อมครั้งแรกของเขาจะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ
จริง ๆ แล้ว ลิเลียนควรจะหวังให้โรเอลล้มเหลวด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้นเธอจะได้ประโยชน์มากกว่า เด็กสาวสามารถทำหน้าพี่เลี้ยงแบบส่ง ๆ ก็ได้ ขอให้เป็นไปตามภาระหน้าที่ที่คริสไหว้วานก็พอ
แต่เมื่อลิเลียนได้เห็น โรเอลฉลองความสำเร็จเล็ก ๆ ของเขาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง เด็กสาวก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กระตุ้นอยู่ในใจ ทำให้เธอคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกนี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ลิเลียนให้กำลังใจเขา
นี่หรือคืออาถรรพ์? หรืออะไรกันแน่?
ลิเลียนไตร่ตรองเรื่องนี้ในขณะที่เริ่มสอนบทเรียนต่อไป ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
ในไม่ช้า ค่ำคืนก็เริ่มดึกขึ้นและในที่สุดชั้นเรียนของพวกเขาก็จบลง
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
ลิเลียนกล่าว
โรเอลถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเอนกายที่อ่อนล้าลงบนเก้าอี้
การบีบอัดพลังเวทเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนกว่าที่โรเอลคาดไว้มาก การควบคุมและบีบอัดพลังเวทเป็นงานยากที่ต้องให้ความสนใจอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะทำแยกกันก็ตาม แต่ตอนนี้โรเอลถูกคาดหวังให้ทำพวกมันให้สำเร็จพร้อม ๆ กัน นี่ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยลงมือทำมันมาก่อนอย่าเขา
ให้ตายสิ เราต้องทำแบบนี้ทุกคาบเลยเหรอ? โรเอลบ่นในใจ
เด็กหนุ่มยังคงนั่งบนเก้าอี้เฝ้ารออย่างอดทน ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ เขาจะออกจากห้องเรียนหลังลิเลียนสิบนาทีเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพบเห็นว่าอยู่ด้วยกัน ทว่าวันนี้เขาแปลกใจมากที่อีกฝ่ายยังไม่กลับไปในทันที แต่กลับยังอยู่ในห้องเรียนต่อ
โรเอลหันไปมองลิเลียน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเธอกำลังอยู่ในห้วงความคิด
“รุ่นพี่? ยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”
“วันนี้ฉันเจอพอล”
“!”
ลิเลียน ก็เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับโรเอลที่กำลังตกตะลึง ใบหน้าของเธอดูเฉยเมยเช่นเคย เหมือนเกราะที่ทะลวงผ่านเข้าไปไม่ได้ ทำให้ไม่ว่าใครก็อ่านความคิดของเธอไม่ได้
“ทำไมเธอถึงยอมรับเขาล่ะ?”
ลิเลียนถามอย่างไม่ใส่ใจ
“…”
โรเอลรู้สึกว่าคำตอบของเขามีความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนแล้วตอบอย่างช้า ๆ
“มีเหตุผลมากมายที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของผม แต่สองเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ หนึ่งผมไม่สามารถทนการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นในสถาบันนี้ได้ สอง ผมเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในตัวเขา”
“ก่อนหน้านี้ผมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวตนของพอลในฐานะลูกชายนอกสมรสของราชวงศ์แอคเคอร์มันน์ไปแล้ว ผมเชื่อว่าเขาไม่ควรจะต้องรับผิดชอบต่อการเกิดของตัวเอง และเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเหยื่อ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถยอมรับการกดขี่และการเลือกปฏิบัติที่มีต่อเขาได้ ในขณะที่พวกคุณไม่มีใครคาดหวังกับพอล ผมเห็นพรสวรรค์ในตัวเขา และเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต”
“ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวทั้งหมดของผม และมุมมองสายตาของผมในการเฟ้นหาผู้ที่มีศักยภาพ คุณพอใจกับคำตอบนี้รึเปล่าล่ะ?”
“…”
โรเอลมองไปที่ลิเลียน ด้วยความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาพร้อมให้คำตอบอย่างจริงจัง
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโรเอลไม่ใช่แค่รุ่นพี่อีกต่อไป แต่เป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีน ตอนนี้เธออยู่ระหว่างการประเมินเจตนาเบื้องหลังการตัดสินใจรับตัวพอลของเขา หากลิเลียนถือว่าการกระทำของโรเอลเป็นการกระทำที่มุ่งร้าย มันก็มีโอกาสที่เธอจะพยายามใช้อิทธิพลของตนเพื่อควบคุมตัวพอล ป้องกันไม่ให้ฝ่ายอื่นใช้ประโยชน์จากเขา
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ลิเลียนอาจจะถึงขั้นส่งพอลกลับไปยังจักรวรรดิออสทีนด้วยซ้ำ
ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่โรเอลยอมรับได้
แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่กลับรู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์ได้ผ่านพ้นไป ลิเลียนยังคงจ้องมองโรเอล พยายามมองผ่านความคิดภายในใจเขา แต่ยิ่งเธอมองเขามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเชื่อมั่นในความจริงใจของเด็กหนุ่มมากขึ้นเท่านั้น
จ้องตากันมานาน ในที่สุดเด็กสาวก็พูดขึ้น
“เข้าใจแล้ว”
มันเป็นคำตอบสั้น ๆ ตามปกติของลิเลียน แต่มันเป็นเหมือนเสียงแตรแห่งชัยชนะสำหรับโรเอล แม้ใบหน้าของเธอจะแทบไม่มีอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมา แต่โรเอลรู้ดีว่าเธอยอมรับเหตุผลของเขาแล้ว
ได้ตัวพอล แอคเคอร์มันน์แล้ว!