ตอนที่ 95 ข้าผิดหรือ
เหอยาโถวไม่กล่าวคำใดและแบกตะกร้าไว้บนหลังอย่างเงียบ ๆ
“ชื่ออะไร?” หยุนเชวี่ยเอ่ยถามขณะที่ดวงตาไม่กะพริบ
เหอยาโถวนิ่งเงียบ
“ชื่ออะไร? คนมีชื่อเสียงมักมีชื่อจริงด้วยไม่ใช่รึ?”
เหอยาโถวยังคงนิ่งเงียบ
“ลูกหมาลำดับที่สองแห่งตระกูลหลิวยังมีชื่อจริงเลย เขาชื่อหลิวฉางชิง ซึ่งท่านปู่ของเขาตั้งให้น่ะ”
เหอยาโถวปิดปากเงียบ
“เจ้าชื่ออะไร?”
เหอยาโถว…
เหอยาโถวเม้มปากแน่นหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ “ข้าจะบอกอะไรให้ อย่าโวยวายล่ะ”
หยุนเชวี่ยกะพริบตาพร้อมพยักหน้าอีกครั้ง
ขณะที่กำลังสงสัยเกี่ยวกับชื่อจริงของเขาอยู่นั้น เสียงใสกังวานของเหอยาโถวก็ดังขึ้น “เหออวี้เฟิ่ง”
“หืม?”
“เหออวี้เฟิ่ง…”
“พรืด… แค่ก ๆ ๆ” หยุนเชวี่ยระเบิดหัวเราะก่อนสำลักน้ำลายของตนเอง
เหอยาโหวถลึงตาใส่นางอย่างไม่พอใจ
“คือว่า… ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะเจ้าจริง ๆ แค่ก ๆ” หยุนเชวี่ยกล่าวพลางส่งสายตาจริงใจขณะที่สำลักน้ำลายไม่หยุด
“หมอดูตาบอดทำนายว่าข้าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงและข้าจะถูกสวรรค์พาตัวกลับไปจึงต้องตั้งชื่อคล้ายผู้หญิง” เหอยาโถวรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ… เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาหรือ?
“อืม ดีแล้ว” หยุนเชวี่ยพยายามกลั้นสำลักจนทำให้ใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อรู้ว่านางตอบแบบไม่ใส่ใจ เหอยาโถวจึงถลึงตาใส่นางอีกครั้ง
“เฟิ่งหวง… หวงเป็นเพศชาย เฟิ่งเป็นเพศหญิง ชื่อของเจ้า… ไพเราะมาก!” หยุนเชวี่ยปลอบประโลมเขาด้วยกลอน
เหอยาโถวเกิดความสงสัย “จริงหรือ? เจ้าหลอกข้า”
“ข้าพูดจริง”
“แล้วเจ้าหัวเราะอะไร?”
“ข้า…”
“เจ้าหลอกข้าจริงด้วย”
เหอยาโถวไม่ชอบชื่อจริงของตน มันไม่ไพเราะเลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าชื่อเฟิงสือยวินไพเราะมากกว่า เมื่อได้ยินชื่อนี้ทีไรเขารู้สึกว่าเจ้าของชื่อทั้งหล่อและเฉลียวฉลาด
ในเมืองอันผิง
หลังจากส่งเนื้อสัตว์ป่าเสร็จแล้ว หยุนเชวี่ยจึงเดินทางไปที่หน้าร้านของเถ้าแก่หูตามนัดหมาย
“เชวี่ยเอ๋อ!” เจ้าอ้วนเฉียนและต้าจี๋รออยู่ที่นั่นแล้ว
หยุนเชวี่ยโบกมือทักทาย “เจ้ามาถึงตั้งแต่เมื่อไร? ข้าเพิ่งเดินทางไปส่งของตรงร้านขายเนื้อสัตว์ที่อยู่ทางเหนือของถนน”
“เพิ่งมาถึงน่ะ ข้ารออยู่ที่นี่เพียงครึ่งก้านธูปเอง” คิ้วของเจ้าอ้วนเฉียนขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ข้างนาง
“เป็นอะไรไป เจ้าลืมเขาแล้วหรือ?” หยุนเชวี่ยเอียงศีรษะพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เขาคือเหอยาโถวที่มาช่วยข้าขายของอย่างไรล่ะ”
เจ้าอ้วนเฉียน…
ต้าจี๋…
มุมปากของเหอยาโถวกระตุกเล็กน้อย ความอ่อนหวานของเขาหายไปจนหมดสิ้น
“อ้อ!” ไม่นานเจ้าอ้วนเฉียนก็พยักหน้าพลางอ้าปากค้างจนคางเกือบถึงพื้น
เจ้าอ้วนเฉียนมีความทรงจำที่แม่นยำ วันนั้นเขายังเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มอยู่เลย! เหตุใดจู่ ๆ ถึงกลายเป็นผู้ชายเล่า?!
“นี่คือเนื้อสัตว์ป่าบนภูเขาหลังหมู่บ้านของเรา” หยุนเชวี่ยหยิบไก่ฟ้าและกระต่ายป่าออกมาจากตะกร้าด้านหลัง “ท่านแม่ของข้าเป็นคนหมักมันเองกับมือ เจ้าสามารถนำไปปรุงอาหารและกินได้ทันที”
ต้าจี๋รีบยื่นมือไปรับทันที มือหนึ่งถือเนื้อสัตว์ ส่วนอีกมือหนึ่งล้วงถุงเงินออกมาจากอกเสื้อ
“นี่มันอะไรกัน?” หยุนเชวี่ยโบกมือไปมา “ข้าไม่เอาเงิน…”
“ไม่รับไม่ได้ นายน้อยของข้าเอ่ยปากแล้ว… อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถรับของซื้อของขายมาเปล่า ๆ ได้หรอก” ต้าจี๋กล่าวอย่างมุ่งมั่น
เหอยาโถวยกนิ้วเรียวราวกล้วยไม้ขึ้นเกี่ยวผมเล่นตามเคย แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า “เหตุใดถึงรับไม่ได้? ในหมู่บ้านของเรามีธรรมเนียมที่ว่าวันนี้บ้านของเจ้าแบ่งหมั่นโถวให้ข้าสองสามลูก วันถัดไปบ้านของข้าจะแบ่งขนมเปี๊ยะให้บ้านของเจ้าสองสามชิ้นถือเป็นเรื่องธรรมดา เหตุใดเจ้าถึงสนใจเกี่ยวกับธรรมเนียมของคนในเมืองขนาดนี้เล่า?”
“ถูกต้อง มันไม่ใช่ของที่มีค่ามากมายอะไร เพื่อนกันไม่พูดถึงเรื่องเงินทองหรอก” หยุนเชวี่ยดันมือของต้าจี๋กลับไป “และอีกอย่างเจ้าจะเลี้ยงเต้าฮวยเย็นไม่ใช่หรือ?”
“แต่มันเป็นของซื้อของขายนะ”
เจ้าอ้วนเฉียนเป็นคนจิตใจดี เขาเห็นว่าหยุนเชวี่ยมักสวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อและซักซ้ำจนสีซีด ขากางเกงถูกปะซ่อมซ้ำแล้วซ้ำอีก นางต้องมีชีวิตที่ยากลำบากแน่นอน
“บนภูเขาด้านหลังหมู่บ้านของข้ามีสัตว์ป่าเหล่านี้อีกมากมาย ตอนบ่ายท่านพ่อของข้าสามารถจับได้อีกหลายตัวเลยล่ะ”
เหอยาโถวพยักหน้าเห็นด้วย “พ่อของหยุนเชวี่ยแข็งแกร่งมาก เขาเป็นเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่สามารถใช้หน้าไม้จับกระต่าย”
“หากเจ้าให้เงิน ข้าจะไม่ขายและเราจะเลิกเป็นเพื่อนกันด้วย” หยุนเชวี่ยกล่าวพลางพองแก้ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเกิดความลังเล
เฉียนจินเป่าได้ยินดังนั้นจึงร้อนใจ “ไม่ได้นะ!”
“เจ้ายังจะจ่ายเงินอยู่หรือไม่?”
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าจะเลี้ยงเต้าฮวยเย็นพวกเจ้าสองคนเป็นการตอบแทน”
ทางทิศใต้ของถนนในเมืองอันผิงมีร้านขนมที่เปิดมายาวนานกว่าสี่ชั่วอายุคนชื่อร้านเถาหยวนไจ ซึ่งเป็นร้านเล็ก ๆ และการตกแต่งภายในร้านไม่ได้พิถีพิถันนัก
ป้ายชื่อร้านเอียงกระเท่เร่ มองดูก็รู้ว่ามันมีอายุมากแล้ว ภายในร้านมีโต๊ะไม้หกตัว ครึ่งหนึ่งเป็นโต๊ะเล็กส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นโต๊ะใหญ่ ลูกจ้างฟุบหลับลงกับโต๊ะ
เจ้าอ้วนเฉียนเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง
เมื่อได้ยินเสียงคนนั่งลง ลูกจ้างจึงเงยหน้ามองด้วยความเกียจคร้านพลางอ้าปากหาวก่อนเดินเข้ามาถามอย่างงัวเงีย “รับอะไรดี?”
“เชวี่ยเอ๋อ เจ้าสองคนอยากกินอะไร?” เมื่อเห็นดังนั้น เจ้าอ้วนเฉียนจึงแนะนำ “ที่นี่มีทับทิมกรอบ ขนมเกาลัด ขนมเปี๊ยะ ขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวน เค้กงาดำ ขนมแป้งม้วนสอดไส้ถั่วแดง”
“ข้าไม่เคยกินของพวกนี้มาก่อนเลย เจ้าเลือกเองเถิด”
หยุนเชวี่ยไม่ปฏิเสธ แม้ชาวไร่จะมีเงินในกระเป๋าไม่กี่เหรียญ แต่ก็ไม่เคยซื้อขนมราคาแพงเหล่านี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่มีฐานะทางบ้านเช่นนางเลย
เหอยาโถวเลียริมฝีปาก “พี่รองของข้าเคยซื้อขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวนและขนมแป้งม้วนสอดไส้ถั่วแดงของที่นี่มาฝาก มันอร่อยมาก”
“ขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวน ขนมแป้งม้วนสอดไส้ถั่วแดง เต้าฮวยเย็น เค้กออสมัน ปั้นขลิบ โรตีกรอบ และชาสมุนไพรหนึ่งกา” เจ้าอ้วนเฉียนสั่งขนมหวานหกชนิดอย่างชำนาญ
ลูกจ้างส่งเสียง ‘อืม’ ก่อนเดินไปทางห้องครัวและตะโกนว่า “ขนมโก๋มันเทศไส้พุทรากวน ขนมแป้งม้วนสอดไส้ถั่วแดง เต้าฮวยเย็น…”
“ลูกจ้างคนนี้เป็นญาติกับเจ้าของร้านใช่หรือไม่?” หยุนเชวี่ยกระซิบถาม
เหอยาโถวเหลือบมองไปทางลูกจ้าง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
หยุนเชวี่ยหัวเราะคิกคัก “นางขี้เกียจถึงเพียงนั้น ข้าเกรงว่าหากไม่ใช่ญาติกับเจ้าของร้านนางคงถูกไล่ออกไปนานแล้ว”
เมื่อเจ้าอ้วนเฉียนนั่งลง เข็มขัดก็รัดแน่นขึ้น เขามองไปทางหยุนเชวี่ยก่อนยิ้มจนตาหยี “เชวี่ยเอ๋อฉลาดจริง ๆ!”
หยุนเชวี่ยงุนงง
“ลูกจ้างคนนี้เป็นญาติห่าง ๆ ของเถ้าแก่ นางเพิ่งมาทำงานเมื่อเดือนก่อน ตอนมาแรก ๆ นางขยันหมั่นเพียรมาก แต่น่าเสียดาย…”
“ตึง…”
เจ้าอ้วนพูดยังไม่ทันจบ หาน้ำชาใบใหญ่ก็ถูกวางลงตรงหน้าของเขาอย่างแรงจนโต๊ะสั่นไหว ฝากาน้ำชากระเด้งขึ้นทว่าน้ำกลับไม่หกเลอะเทอะเลย
เจ้าอ้วนเฉียนปิดปากเงียบทันที
เด็กทั้งสี่คนเงยหน้ามองลูกจ้างหนุ่มพร้อมกัน
อายุยังน้อย ใบหน้าหมองคล้ำ ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว แขนเสื้อถูกพับขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นอันน่าสะพรึงบนท่อนแขน
ลูกจ้างหนุ่มวางน้ำชาลงโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใดก่อนเดินจากไป
เหอยาโถวกลืนน้ำลายพลางใช้มือป้องปากและกระซิบ “คนผู้นี้หน้าตาเหมือนโจรภูเขามาก”
“เจ้าเคยเห็นโจรภูเขามาก่อนหรือ?”
“เปล่า แต่ข้าเคยได้ยินมาจากนักเล่าเรื่องพเนจรน่ะ หากเขาสวมเสื้อหนังเสืออีกตัวละก็ใช่เลย!”
ต้าจี๋ระเบิดหัวเราะ “อากาศร้อนเช่นนี้ ใครจะใส่เสื้อคลุมหนังเสือให้ตนเองร้อนตาย โจรภูเขาไม่ได้โง่หรอกนะ”
“เมื่อก่อนลูกจ้างคนนั้นทำงานคล่องแคล่วมาก น่าเสียดายที่ขาของเขาหักตอนทำงานเกษตรจึงต้องอยู่แต่ที่บ้าน เขาทำหน้าบึ้งใส่ลูกค้าตลอดทั้งวันแต่ข้าก็ไม่เห็นเจ้าของร้านจะตำหนิเขาเลย…”