“โชคดีที่ศพยังอยู่ในสภาพดี ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้!”
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาทดลองทราบถึงข้อจํากัดของพรสวรรค์ในการคัดลอกมานานแล้ว หากศพไม่สมบูรณ์เกินไป เขาก็จะไม่สามารถตรวจสอบพรสวรรค์ได้ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าไม่สามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้
“คัดลอกพรสวรรค์เงาทมิฬ!”
เย่เทียนคิดและเริ่มคัดลอก
พริบตาเดียว พรสวรรค์เงาทมิฬก็ถูกคัดลอกสําเร็จ
เย่เทียนไม่ได้กลับบ้าน แต่เริ่มผสานพรสวรรค์ในทันที
การผสานพรสวรรค์เงาทมิฬไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่เย่เทียนมากนัก เพราะในตอนนี้ความแข็งแกร่งของร่างกายเย่เทียนเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก บวกกับการผสานพรสวรรค์หลายต่อหลายครั้ง ทําให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บปวดของเย่เทียนเพิ่มขึ้น
ดังนั้นร่างกายจึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย นอกจากเหงื่อที่ไหลออกมา ก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
สิบนาทีผ่านไป พรสวรรค์เงาทมิฬก็ถูกผสานอย่างสมบูรณ์
ในเวลานี้พรสวรรค์ของเย่เทียนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
[มนุษย์: เย่เทียน
พรสวรรค์ในการฝึกฝน: ปานกลาง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ระดับเริ่มต้น
พรสวรรค์ด้านดาบ: ปานกลาง
พรสวรรค์เงาทมิฬ: ระดับเริ่มต้น]
“มีพรสวรรค์สี่ชนิดแล้ว!”
เย่เทียนพอใจกับพรสวรรค์ของเขามาก เขาไม่รู้สถานการณ์ของฐานทัพอื่น แต่เขามั่นใจว่าไม่มีใครที่มีพรสวรรค์มากกว่าไปกว่าเขาในฐานหลินไห่
ที่ฐานหลินไห่ เขาจะเป็นผู้ที่มีความสามารถมากที่สุด
“หลี่ฉุนผู้นี้น่าจะมีทรัพย์สินติดตัวอยู่บ้างใช่หรือไม่?”
เย่เทียนตรวจสอบศพของหลี่ฉุนอย่างละเอียด
เขาพบว่าดาบของหลี่ฉุนไม่เลวนัก มันเป็นดาบสีดําที่มีรอยเลือดอยู่ตรงกลาง ดาบดําเล่มนี้ไม่มีรอยบิ่นจากการต่อสู้เมื่อครู่แม้แต่น้อย แต่ดาบของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้
“ดาบดําเล่มนี้น่าจะเป็นอาวุธเวทย์ เราสามารถใช้มันเป็นอาวุธได้!”
เย่เทียนเก็บดาบดําของหลี่ฉุนด้วยความปิติยินดี จากนั้นก็ค้นเสื้อผ้าของหลี่ฉุน
ไม่นานทั่วทั้งร่างของหลี่ฉุนก็ถูกเย่เทียนค้นหาโดยละเอียด
เย่เทียนค้นพบหนังสือลับ , บัตรสีทองสามใบ, บัตรสีขาวห้าใบ, และธนบัตรธรรมดา
เมื่อเห็นผลลัพธ์เหล่านี้ เย่เทียนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าการคัดลอกพรสวรรค์เงาทมิฬเสียอีก
เพราะบัตรทองใบหนึ่งมีมูลค่าถึง 1 ล้านหยวน บัตรสีขาวเท่ากับ 10,000 หยวน รวมแล้วเป็นเงินมากกว่า 3 ล้านหยวน!
“บัตรทองนั้นเปรียบได้กับบัตร ATM ในชาติที่แล้วของเรา ฐานหลินไห่ไม่สามารถสร้างบัตรทองนี้ได้ ว่ากันว่ามันถูกสร้างขึ้นจากฐานทัพขนาดใหญ่ และธนาคารของฐานทัพขนาดใหญ่ก็มาเปิดขึ้นในฐานหลินไห่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็สามารถนำบัตรทองพวกนี้ถอนเงินออกมาได้!” เย่เทียนคิดกับตัวเอง
กระเป๋าตังค์ของเย่เทียนมีเงินเพิ่มมากกว่าสามล้านหยวนในพริบตา และคุณค่าของเย่เทียนก็พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว บวกกับพรสวรรค์ของเงาทมิฬ เขารู้สึกว่าเขาสามารถเติบโตได้ในระยะเวลาอันสั้น แม้กระทั่งเติบโตจนตระกูลโม่ไม่สามารถเมินเฉยได้อีกต่อไป
“ตอนนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไข โม่เฉ่าเป่ย!”
เย่เทียนปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ตอนนี้ไม่เขาก็โม่เฉ่าเป่ยต้องตายกันไปข้าง
แม้ว่าเขาจะยังไม่แก้แค้นโม่เฉ่าเป่ย แต่หากหลี่ฉุนไม่กลับไป โม่เฉ่าเป่ยจะต้องรู้ว่าหลี่ฉุนทำงานผิดพลาด การลอบสังหารครั้งต่อไปโม่เฉ่าเป่ยอาจจะว่าจ้างนักรบขั้นปลายหรือแม้แต่นักรบชั้นยอด มาเลยก็ได้
ดังนั้น
เขาจึงจำเป็นต้องกําจัดโม่เฉ่าเป่ยโดยเร็วที่สุดเท่าที่ เพื่อที่จะปลดเปลื้องปัญหาทั้งหมดที่เขาอาจจะต้องเผชิญ
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะสังหารโม่เฉ่าเป่ยด้วยสถานะของตัวเองได้ หากเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องถูกตระกูลโม่ตามแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
“งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน!”
เย่เทียนมองไปที่ร่างของหลี่ฉุนและยิ้ม
ตอนนี้เขามีพรสวรรค์เงาทมิฬและดาบดําของหลี่ฉุน เขาสามารถปลอมตัวเป็นหลี่ฉุนได้อย่างแน่นอน!
“ก่อนอื่นต้องจัดการศพของหลี่ฉุนก่อน!”
เย่เทียนรีบหาที่ว่างและไม่เป็นที่สังเกต ขุดหลุมลึกฝังศพหลี่ฉุนจากนั้นก็ปกปิดร่องรอย
แม้ว่าในอนาคตศพนี้จะถูกเปิดเผย แต่มันก็คงจะนานมากแล้ว ในตอนนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรอีก
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เย่เทียนรีบกลับบ้าน
หลังจากกลับไปเย่เทียนไม่ได้รีบพักผ่อน แต่เริ่มทําความคุ้นเคยกับพรสวรรค์เงาทมิฬ
เขาพบว่าพรสวรรค์เงาทมิฬไม่ได้ท้าทายสวรรค์อย่างที่คิด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบอยู่ในเงามืดตลอดเวลา
การอยู่ในเงามืดต้องใช้พลังปราณ และมีเงื่อนไขว่าต้องอยู่ในเงาเท่านั้นหากมีแสงส่องเข้ามาร่างกายจะถูกเปิดเผย
ประการที่สองภายใต้สถานะเงาไม่สามารถโจมตีได้ เมื่อโจมตีร่างก็จะถูกเปิดเผย และหากถูกโจมตีในขณะหลบอยู่ในเงาก็จะถูกบังคับให้ออกจากการหลบซ่อนทันที
พรสวรรค์เงาทมิฬเหมาะสําหรับการซ่อนตัวและลอบสังหาร ในช่วงเวลาที่สําคัญก็สามารถใช้หลบเลี่ยงศัตรูได้ มันไม่เหมาะกับการต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้าโดยตรง
“จำได้ว่า ยังมีตําราลับอีกเล่มหนึ่ง!”
เย่เทียนหยิบตําราลับที่ค้นพบในส่งของหลี่ฉุนออกมา และอ่านมันอย่างละเอียด ยิ่งเขาอ่านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
นี่คือตําราลับวิชาดาบ – ดาบเงา!
ดาบเงามีเพียงแค่กระบวนท่าเดียว เป็นดาบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า
แต่สิ่งที่ทําให้เย่เทียนตื่นเต้นจริงๆก็คือคำอธิบายบนเส้นทางแห่งดาบ แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ด้านดาบ แต่เขาก็ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเส้นทางแห่งดาบมากนัก
วิถีดาบแบ่งออกเป็นสามระดับ นั่นคือ รูปแบบ พลัง และเจตจำนง แม้ว่าคนทั่วไปจะใช้ดาบได้ แต่มันเป็นเพียงรูปแบบเท่านั้น แต่ไม่สามารถควบคุมพลังได้ หากต้องการควบคุมพลังต้องมีพรสวรรค์ในด้านดาบ
นอกจากนี้ ทักษะดาบเงาเป็นทักษะดาบระดับทองแดง เรียกได้ว่าเป็นทักษะดาบที่ทรงพลังมาก หากฝึกสําเร็จพลังการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพียงพอที่จะต่อสู้ข้ามระดับได้
“ตามที่ระบุไว้ข้างต้น ทักษะดาบแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ เหล็กดํา ทองแดง เงิน และระดับทอง คนทั่วไปสามารถฝึกทักษะดาบระดับเหล็กดำได้ แต่หากไม่มีตำราทักษะดาบ เขาจะไม่สามารถฝึกทักษะดาบแม้แต่ระดับเหล็กได้ ไม่ต้องพูดถึงทักษะดาบระดับทองแดงเลย แม้ว่าหลี่ฉุนจะมีทักษะดาบระดับทองแดง แต่โชคร้ายที่เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านดาบ มิฉะนั้นคงเป็นเราที่จะต้องตายในวันนี้! “เย่เทียนกล่าวด้วยความยินดี
“ให้โม่เฉ่าเป่ยมีชีวิตอยู่อีกสักสองสามวัน ฉันจะฝึกทักษะดาบเงาก่อน เมื่อสามารถใช้ทักษะดาบเงาได้คล่องแคล่วแล้ว ค่อยลงมือ!”
เย่เทียนตัดสินใจ
ด้วยพรสวรรค์ด้านดาบระดับกลาง เขาสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะดับได้อย่างง่ายดาย ภายในเวลาเพียง 3 วันทักษะดาบระดับทองแดงที่คนธรรมดาไม่สามารถฝึกฝนได้ไปตลอดชีวิต เย่เทียนฝึกฝนได้ถึงขั้นเริ่มต้น
นอกจากนี้วิถีดาบของเย่เทียนก็พัฒนาขึ้นอีกเล็กน้อย นับว่าเป็นก้าวสำคัญของทักษะด้านดาบของเขา ในตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าระดับกลางของทักษะดาบเงาก็อยู่ไม่ไกลนัก
กลางดึกคืนหนึ่ง
ตระกูลโม่ ภายในที่พักของโม่เฉ่าเป่ย
โม่เฉ่าเป่ยรู้สึกหงุดหงิดมาก สามวันผ่านไปเขายังไม่ได้ขาวใดๆจากเงาทมิฬ
หลี่ไห่ยืนอยู่ข้างๆโม่เส้าเป่ย สามารถสัมผัสได้ถึงความโกรธของนายน้อยได้อย่างชัดเจน
“ผู้อาวุโสหลี่ เจ้าเงาทมิฬนั่นคงไม่หอบเงินของข้าหนีไปหรอกนะ? นี่ก็สามวันแล้วไม่มีข่าวคราวใดๆ หรือว่ามันที่เป็นถึงนักรบไม่สามารถหาโอกาสลงมือกับผู้ฝึกยุทธ์ได้? “โม่เฉ่าเป่ยกล่าวอย่างเย็นชา
“นายน้อย แม้ว่าเงาทมิฬจะเป็นพวกโลภมาก แต่ทุกครั้งที่มีคนจ้างวานเขาจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้า แต่เขาก็ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถืออยู่เสมอ บางทีเขาอาจจะรับภารกิจอื่นในเวลาเดียวกัน จึงยังไม่มีโอกาสได้ลงมือ” หลี่ไห่คาดเดา
“ขอให้มันเป็นอย่างที่ท่านว่า ไม่งั้นข้าจะทำให้เงาทมิฬรู้ถึงความน่ากลัวของตระกูลโม่ของพวกเรา !” โม่เฉ่าเป่ยพยายามระงับความโกรธของและโบกมือให้หลี่ไห่ออกไป
หลี่ไห่ออกจากที่พักของโม่เฉ่าเป่ยและเดินออกไปจากสวน
ค่ำคืนนี้มืดมาก หลี่ไห่สัมผัสได้ถึงรังสีฆ่าฟันเบาบางที่ปกคลุมคฤหาสน์ตระกูลโม่
หลี่ไห่รู้สึกหวาดกลัว แต่ไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา
“ข้าคงจะคิดมากไป ใครจะกล้าลงมือกับตระกูลโม่ ? ”
ขณะที่เขากําลังจะจากไป ร่างๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างๆ เขา พร้อมกับดาบสีดำที่พุ่งเข้ามา
ดาบนี้รวดเร็วมาก แม้ว่าปฏิกิริยาการตอบโต้ของหลี่ไห่จะเร็วแค่ไหน เขาก็ไม่อาจตั้งตัวได้ทัน
วินาทีก่อนที่เขาจะสิ้นสติ เขาก็นึกถึงคนๆหนึ่ง เงาทมิฬ!
“ทําไมมันถึงฆ่าข้า?”
นี่เป็นความคิดสุดท้ายของอาวุโสหลี่ไห่!