หลังจากฆ่าหลี่ไห่ ร่างของเย่เทียนก็เลือนหายไปในความมืดอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้น?”

โม่เฉ่าเป่ยลุกขึ้นยืนในทันที เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอกประตู แม้ว่ามันจะเป็นเสียงที่เบามาก ในฐานะนักรบ ประสาทการรับรู้ของเขาเหนือกว่าคนธรรมดา

“อาวุโสหลี่ ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น? ”

โม่เฉ่าเป่ยตะโกน แต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ !

“มีบางอย่างเกิดขึ้น!”

โม่เฉ่าเป่ยขบคิดกับตัวเอง

หลี่ไห่เป็นนักรบเช่นกัน ไม่มีทางที่จะไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเขา มันต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นด้านนอกแน่นอน! โม่เฉ่าเป่ยรู้สึกเป็นกังวล

“เราออกไปไม่ได้ ห้ามออกไปเด็ดขาด!”

โม่เฉาเป่ยถอยหลังไปสองก้าว ร่างของเขาพิงเข้ากับกำแพง เขาสัมผัสได้ว่ามีอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น หากเขาเปิดประตูออกไปในตอนนี้เขาอาจจะต้องตาย!

“ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”

โม่เฉาเป่ยตะโกน

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าวิธีนี้จะมีประโยชน์หรือไม่ แต่เขาก็ไม่อยากนั่งรอความตาย

แม้ว่าผู้ฝึกยุทธตระกูลโม่จะมีไม่มากนัก แต่ตราบใดที่ได้ยินเสียงเขา คนของตระกูลโม่ต้องรีบมาที่นี่อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่นักรบชั้นยอดก็อย่าได้คิดจะหนีรอดไปจากตระกูลโม่

ด้านนอกที่พักของโม่เฉ่าเป่ย

เย่เทียนซ่อนตัวอยู่ในความมืด และได้ยินเสียงตะโกนของโม่เฉ่าเป่ย เขาตระหนักได้ว่าแผนล่อให้โม่เฉ่าเป่ยออกมาด้วยตัวเองเห็นทีจะไม่ได้ผลแล้ว

“โม่เฉาเป่ยผู้นี้ระวังตัวและขี้ขลาดเกินไป!”

เย่เทียนถอนหายใจ

ทันใดนั้นเขาก็เลิกซ่อนตัว และเรียกใช้งานพรสวรรค์ด้านความเร็ว พุ่งเข้าไปในห้องของโม่เฉ่าเป่ยด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมถึงสามเท่า

พริบตาเดียวเย่เทียนก็พังประตูเข้าไป

“เป็นเจ้า!”

เมื่อโม่เฉ่าเป่ยเห็นเย่เทียน ใบหน้าแสดงออกอย่างตกตะลึง

ทันใดนั้นเขาก็เห็นดาบดําในมือของเย่เทียน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

“ดาบของเงาทมิฬ แกฆ่าเงาทมิฬไปแล้ว? ”

ในที่สุดโม่เฉ่าเป่ยก็เข้าใจว่าทําไมเขาถึงไม่ได้ข่าวเงาทมิฬ ที่แท้มันก็ตายด้วยน้ำมือของเย่เทียนไปแล้ว

“แกส่งคนมาฆ่าฉันจริงๆ ด้วย!”

ก่อนหน้านี้เย่เทียนมั่นใจเพียงเก้าในสิบส่วนว่าโม่เฉ่าเป่ยเป็นคนสั่งการอยู่เบื้องหลังหลี่ฉุน ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มั่นใจ 100%

“แกยังไม่ไปถึงขั้นนักรบ แม้ว่าแกจะสามารถลอบสังหารหลี่ไห่ได้ แต่อย่าหวังที่จะฆ่าฉันได้ อีก 1 นาที นักรบของตระกูลโม่ก็จะมาถึงที่นี่ อย่าคิดว่าแกจะรอดออกไปได้!”

โม่เฉ่าเป่ยพูดออกมาอย่างใจเย็น แต่ในใจของเขาตื่นตระหนกอย่างมาก

เงาทมิฬเป็นนักฆ่ามากฝีมือที่สามารถทําให้นักรบทุกคนต้องหวาดระแวง แต่มันกลับต้องตายด้วยน้ำมือของเย่เทียน แม้ว่าเย่เทียนจะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาต้องเหนือกว่านักรบขั้นต้นแน่!

“หนึ่งนาที? ไม่ แกจะตายใน 10 วิ! ”

พูดจบ เย่เทียนก็เคลื่อนไหว

“เงาสังหาร!” (***ทักษะดาบที่เย่เทียนฝึกเปลี่ยนชื่อเป็น เงาสังหารนะครับ)

ดาบดํากลายเป็นเส้นแสงสีดําพุ่งเข้าใส่โม่เฉ่าเป่ยราวกับสายฟ้า ด้วยพรสวรรค์ด้านความเร็วก็เพียงพอที่จะฆ่านักรบขั้นต้นได้

แต่โม่เฉ่าเป่ยเป็นอัจฉริยะพลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าระดับเดียวกันมาก ปฏิกิริยาการตอบสนองของเขาก็ไม่ช้า เขาพยายามใช้ดาบยาวในมือป้องกันดาบดําของเย่เทียน

น่าเสียดายที่เขาประเมินเย่เทียนต่ำไป ทักษะวิชาดาบระดับทองแดงแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่

ทันทีที่ประกายดาบปรากฏ แขนขวาของโม่เฉ่าเป่ยก็ถูกตัดขาด

ก่อนที่โม่เฉ่าเป่ยจะกรีดร้องออกมา กระบวนท่าที่สองก็พุ่งเข้าใส่ลําคอของเขา

“ไม่!”

โม่เฉ่าเป่ยตะโกนด้วยความสิ้นหวัง เขาพยายามหลบแต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่ได้เกิดขึ้น

ศีรษะหลุดลอยออกจากร่างในขณะที่ดวงตายังคงเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะตกลงบนพื้นในระยะไกล

หลังจากฆ่าโม่เฉ่าเป่ย เย่เทียนไม่มีเวลาแม้แต่จะตรวจสอบข้าวของ เขารีบออกจากห้องและเร้นกายเข้าสู่เงามืดก่อนจะรีบหนีออกไปจากที่พักของตระกูลโม่

เย่เทียนเดินไปตามเงามืด แม้ว่าเขาจะเดินผ่านคนรับใช้ตระกูลโม่ แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขา

แต่ถึงอย่างนั้นเย่เทียนก็ไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะเขาไม่รู้ว่าในตระกูลโม่จะมีนักรบที่แข็งแกร่งอยู่หรือไม่

หากดูจากภายนอกฐานหลินไห่แห่งนี้มีนักรบเพียงแค่หยิบมือ แต่ในความเป็นจริงแล้ว

ตั้งแต่เขารู้ว่าฐานหลินไห่มีผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์ระดับกลางอยู่ไม่น้อย เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าฐานหลินไห่ต้องมีนักรบระดับสูงอยู่ไม่น้อย

บางทีนักรบระดับสูงเหล่านั้นอาจจะเป็นไพ่ตายของตระกูลใหญ่ พวกมันจะไม่ลงมือง่ายๆ แต่หากพวกมันรู้ว่าผู้มีพรสวรรค์ระดับกลางของตระกูลถูกลอบสังหาร พวกมันจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน

ถ้าต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับสูง ถึงแม้จะมีหนึ่งร้อยเย่เทียน ก็ไม่มีทางรอด!

ไม่นานหลังจากที่เย่เทียนออกจากตระกูลโม่ไป ผู้คนจำนวนมากก็มารวมตัวกันตรงที่พักของโม่เฉ่าเป่ย

หญิงวัยกลางคนที่เห็นหัวของโม่เฉ่าเป่ย กรีดร้องออกมา

“ลูกแม่!” สิ้นเสียงก็สลบไป

สําหรับตระกูลโม่คนอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขามืดมน

“ใครสังหารลูกชายข้า!”

นักรบร่างกายกํายําคนหนึ่งคํารามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับกลิ่นอายที่ระเบิดออกมา มันทําให้ผู้ฝึกยุทธ์และนักรบธรรมดาต่างถอยหลังหลายก้าวโดยไม่กล้าเข้าใกล้

นี่คือนักรบชั้นยอด และยังเป็นนักรบชั้นยอดขั้นกลาง อีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงขั้นปลาย

เขาคือพ่อของโม่เฉ่าเป่ย ผู้อาวุโสสิบของตระกูลโม่ โม่อิน !

“ผู้อาวุโส 10 โปรดสงบอารมณ์ก่อน!”

ชายชราคนหนึ่งรีบพูด

ดวงตาของโม่อินเต็มไปด้วยหยาดน้ําตา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธและเสียใจอย่างถึงท่ีสุด

“ข้ามีลูกชายเพียงคนเดียวและเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับปานกลางของตระกูล แม้แต่ตัวข้าเองก็มีพรสวรรค์เพียงระดับเริ่มต้นเท่านั้น ตระกูลต้องได้ใช้จ่ายออกไปจํานวนนับไม่ถ้วนเพื่อให้ข้าก้าวไปสู่นักรบชั้นยอดขั้นกลาง แต่ข้าก็ไม่สามารถก้าวหน้าได้อีก ลูกชายของข้ามีความหวังที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตนักรบที่ยิ่งใหญ่ เขาเป็นความหวังเดียวของข้า และความหวังของตระกูลโม่ แต่ตอนนี้เขาตายแล้ว ตายทั้งๆที่อยู่ในบ้านของตระกูลโม่ ท่านจะให้ข้าสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร!!!! ”

ทันใดนั้น

กลิ่นอายอันทรงพลังได้แผ่ออกมาจากไม่ไกล ศิษย์ตระกูลโม่ทั้งหมดต่างก้มหัวลงและแสดงออกถึงความเคารพ แม้แต่โม่อินเองก็สงบลงเช่นกัน

พวกเขารู้ว่านี่คือนักรบที่ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียวของตระกูลโม่ โม่ฉางชิง

“ท่านปรมาจารย์ เฉ่าเป่ยตายแล้ว!”

โม่อินคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ําตา

“ข้าเห็นแล้ว!”

โม่ฉางชิงเองก็โกรธไม่แพ้กัน แต่เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว มีเพียงทางเดียวที่ทำได้ นั้นคือหาหนทางแก้แค้นให้โม่เฉ่าเป่ย

โม่ฉางชิงมาถึงที่เกิดเหตุ เขาหันมองไปยังศพของหลี่ไห่และมองไปยังศพของโม่เฉ่าเป่ย

“หลี่ไห่ถูกลอบโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว ส่วนเฉ่าเป่ยถูกบุกเข้าไปในห้องและถูกสังการภายในสองกระบวนท่า ความแข็งแกร่งของนักฆ่าควรจะเป็นนักรบขั้นต้น มันใช้ดาบเป็นอาวุธและมีทักษะเร้นกายที่ร้ายกาจ มิฉะนั้นมันไม่มีทางจะลอบเข้ามาในตระกูลโม่ได้ นอกจากนี้หลี่ไห่ที่อยู่ในระดับนักรบยังไม่สามารถตรวจจับตัวตนของผู้ลงมือได้ นี่มันไม่ใช่วิธีการเร้นกายธรรมดาอย่างแน่นอน! ” โม่ฉางชิงกล่าววิเคราะห์

“เงาทมิฬ!”

โม่อินนึกถึงคนๆหนึ่ง และปลดปล่อยจิตสังหารออกมา

“น่าจะเป็นเงาทมิฬ!” โม่ฉางชิงพยักหน้า

“มีเพียงเงาทมิฬที่มีพรสวรรค์พิเศษเท่านั้นที่สามารถฆ่าหลี่ไห่ได้ในพริบตา หรือแม้แต่บุกที่พักสังหารเฉ่าเป่ย เงาทมิฬเป็นนักฆ่าที่โดยปกติแล้วจะไม่ลงมือกับลูกหลานของตระกูลใหญ่ เว้นเสียแต่ว่าจะมีรางวัลที่มันไม่อาจปฏิเสธได้! ”

พริบตาเดียวเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลโม่ก็ได้เล็งเป้าไปที่ตระกูลใหญ่อื่นๆ ที่เป็นศัตรูกับตระกูลโม่

โม่เฉ่าเป่ยนั้นมีรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ระดับปานกลาง นี่ไม่ใช่ความลับอะไร หากตระกูลโม่ทุ่มทรัพยากรมากมาย ตระกูลโม่อาจจะสามารถสร้างนักรบที่ยิ่งใหญ่เป็นคนที่สองได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลโม่จะต้องขยายอํานาจออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่บางตระกูลต้องการให้เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลใดตระกูลหนึ่งต้องการจะเห็น และไม่แปลกที่ตระกูลใดจะยอมส่งเงาทมิฬมาลอบสังหารโม่เฉ่าเป่ย

“ส่งคนไปตรวจสอบ เจ้าต้องหาให้ได้ว่าตระกูลไหนอยู่เบื้องหลัง เร่งหาตัวเงาทมิฬโดยเร็วที่สุด ข้าจะทําให้มันต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!”