กระแสคลื่นพัดโหมปั่นป่วน ตีเอากลิ่นเค็มของทะเลขึ้นมา

เหลียนฟู่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในเรือลำน้อยเดียวดาย ผมสีขาวปลิวสยายไร้ระเบียบ นัยน์ตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของจีเฉิงอวี่บนหัวเรือลำใหญ่

“หัวหน้าขันทีเหลียน ไม่เจอกันเสียนานเลยนะ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างเล่า” ดวงตาของคนทั้งคู่สบกันอยู่นานก่อนจีเฉิงอวี่จะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา น้ำเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มสะท้อนก้องท่ามกลางมหาสมุทรเวิ้งว้าง

เหลียนฟู่ยู่ปาก เอียงศีรษะเล็กน้อยขณะจับจ้องจีเฉิงอวี่ไม่วางตา น้ำเสียงเฉียบคมของเขาเจือความแหบพร่าของวัยชรา

“ราชาอวี่เอ๋ยราชาอวี่… ตอนที่ท่านทำผิดแล้วถูกจักรพรรดิองค์ก่อนลงทัณฑ์ให้ไปเฝ้าสุสานหลวง เหตุผลก็เพราะท่านเป็นโอรสของพระองค์ถึงได้ยังรักษาชีวิตไว้ได้ ท่านควรจะรับโทษตามนั้น เฝ้าสุสานและสำนึกผิดในฐานะที่อกตัญญูต่อผู้เป็นบิดา เหตุใดจึงเลือกหลบหนีออกมาเช่นนี้ การกระทำของท่านทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากไม่น้อย”

กระแสน้ำในมหาสมุทรรุนแรงบ้าคลั่ง คลื่นขนาดใหญ่โถมเข้าใส่ท้ายเรือลำน้อยไม่ขาดสาย ส่งให้มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

ดังนั้นใช้เวลาไม่นานเรือลำน้อยของเหลียนฟู่ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเรือลำใหญ่

“ผนึกขั้นปราณของข้า ถอดยศข้าทิ้ง… ช่างเป็นบิดาที่ดีเสียนี่กระไร ความจริงข้าเองก็อยากทำตัวเป็นลูกที่ดี แต่ก็ไม่คิดจะกวาดสุสานของเขาไปวันๆ เหมือนสุนัขจนตรอกหรอกนะ” นัยน์ตาของจีเฉิงอวี่ที่กำลังมองเหลียนฟู่ราวกับมีสายฟ้าฟาดอยู่ภายใน เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พลางยกขาข้างหนึ่งเหยียบกราบเรือไว้พลางเหยียดยิ้ม

สายตาของจีเฉิงอวี่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเหลือล้น “ข้า จีเฉิงอวี่คนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามารถหรือขั้นปราณ ล้วนดีงามกว่าจีเฉิงเสวี่ยทั้งสิ้น คนที่คู่ควรกับบัลลังก์จักรพรรดิคือข้า แล้วเหตุใดมันจึงตกไปอยู่ในมือน้องสามที่ไม่เอาอ่าวของข้าได้เล่า ข้าถามหน่อยเถิด ข้าด้อยกว่าเจ้านั่นตรงไหนไม่ทราบ

“ข้าไม่คิดว่าตัวเองด้อยกว่า และหากท่านพ่ออยากให้ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ เขาก็ควรหักแข็งหักขาข้าให้ง่อยเปลี้ยเสียตั้งแต่แรก ทว่าเขากลับไม่ทำเช่นนั้น” จีเฉิงอวี่กล่าว

เหลียนฟู่ทอดถอนใจ เขารับรู้ถึงความโกรธแค้นภายในใจของจีเฉิงอวี่มาตลอด แม้ตอนที่ถูกทำให้อับอายด้วยการต้องไปกวาดสุสานของจักรพรรดิองค์ก่อน ดวงตาของชายหนุ่มจะไร้อารมณ์เหมือนสายน้ำนิ่ง แต่ขันทีชรากลับรู้สึกได้ถึงเปลวแค้นที่พัดโหมอยู่ภายในใจของจีเฉิงอวี่ซึ่งไม่เคยมอดดับ

“แต่ท่านฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อน ข้าน้อยผู้นี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนำตัวท่านกลับไป” แม้น้ำเสียงของเหลียนฟู่จะแหบพร่าแต่วาจากลับแจ่มชัด

“ข้ารู้… รู้ว่าจุดประสงค์ของหัวหน้าขันทีเหลียนคือการพาข้ากลับไปยังสุสานจักรพรรดิ เพื่อไปเผชิญหน้ากับหลุมศพเย็นเยียบไร้ชีวิตเหล่านั้นอีกครั้ง แต่หากข้าไม่คิดจะไปเล่า ท่านจะทำเช่นไรหรือ”

จีเฉิงอวี่กอดอกแน่นมองเหลียนฟู่อย่างโอหัง สายตาฉายแววท้าทายไม่แยแส

เหลียนฟู่จ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ยกมือขึ้นจีบนิ้วโป้งและนิ้วกลางเข้าด้วยกัน

“เช่นนั้นข้าก็จะอัดท่านให้น่วมแล้วแบกท่านกลับไปเอง”

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึงก้องปลุกสติของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการที่ยังคงจดจ่ออยู่กับความเก่งกาจของปู้ฟางให้ตื่นขึ้นมา

“เวรเถอะ! ไอ้อสูรนี่มันบ้าคลั่งขึ้นมาอีกแล้ว!”

หัวใจของผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการคนหนึ่งสั่นสะท้านขณะตะโกนออกมาด้วยความตื่นกลัว

ทุกครั้งที่อสูรเวทตัวนี้บ้าคลั่ง มันจะโจมตีใส่กำแพงเมืองไม่หยุดหย่อน กิริยานี้ของมันทำเอาทุกคนงุนงงไม่น้อย และขณะนี้มันก็กลับมาบ้าคลั่งอีกครั้งแล้ว!

ปู้ฟางเพ่งสายตาไปยังจุดหนึ่งนอกเมืองนครใต้ ไม่แน่ว่าเหตุผลที่เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการไม่พบต้นเหตุกิริยาแปลกๆ ของอสูรเวท อาจเป็นเพราะพวกเขามัวแต่ตะลึงกับวิธีการของปู้ฟางก็เป็นได้ แต่ชายหนุ่มนั้นสังเกตไอ้ปลาอ้วน… เอ่อ ปลาอสูรเวทขนาดยักษ์นี่มาตั้งแต่ต้น ดังนั้นเขาจึงรู้กระจ่างว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับปลาปีศาจตรงหน้า

ลูกธนูร่องแร่งที่พุ่งผ่านเส้นขอบฟ้าตรงเข้าปักกลางหลังของปลายักษ์ เป็นตัวการที่ทำให้ปลาอสูรเวทอาละวาดขึ้นมาอีกครา

“มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สินะ” ปู้ฟางหรี่ตา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

ปู้ฟางครุ่นคิดถึงเหตุผลที่จู่ๆ ไอ้ปลาหัวโตตัวอ้วนปี๋นี้ก็มาปรากฏตัวในแม่น้ำมังกรแห่งเมืองนครใต้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย…

ความหวาดกลัวที่ปลาอสูรเวทบ้าคลั่งมีต่อพลานุภาพของมังกรซึ่งส่งออกมาจากมีดทำครัวกระดูกมังกรทองลดทอนลงไปมาก มันอ้าปากที่มีฟันแหลมคมเรียงกันแน่นเพื่อส่งเสียงร้องโหยหวน กลิ่นคาวปลาฉุนจมูกแรงขึ้นกว่าเดิม ดวงตาสีแดงก่ำมองเขม็งมาที่ปู้ฟางผู้ซึ่งถือมีดทำครัวเปล่งแสงสีทองสว่างเจิดจ้าไม่วางตา ท่าทางของมันเกรี้ยวกราดพร้อมเอาเรื่องเป็นอย่างมาก

ตู้ม!

กรงเล็บขนาดมหึมาอีกข้างกระทืบลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นปลาปีศาจก็พุ่งเข้าใส่ปู้ฟางด้วยความเร็วที่ไม่ต่างอะไรจากสายฟ้าแลบ

หัวใจของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการหลายคนเต้นรัว ความรู้สึกหวาดกลัวแพร่ขยายไปทั่วร่าง

ปู้ฟางมองปลาตัวใหญ่ยักษ์ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ไม่มีแม้ร่องรอยตื่นตกใจใดๆ

ปลาปีศาจขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนกระเหี้ยนกระหือรืออยากกัดเขาให้จมเขี้ยวขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของชายหนุ่มเมื่อมันตรงรี่เข้ามาใกล้

ทว่าจู่ๆ ร่างของปู้ฟางก็หายไปจากจุดที่เคยยืน ชายหนุ่มพุ่งตัวขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทิ้งตัวลงบนหัวของอสูรเวทปลา

อสูรเวทระดับเจ็ดทุกตัวล้วนมีพลังกดดันรุนแรง ซึ่งสามารถกดข่มผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการหรืออสูรเวทระดับหกได้อย่างไร้การต้านทาน ทว่าปู้ฟางนั้นกลับไม่ได้รับผลกระทบจากพลังกดดันนี้แม้แต่น้อย เขาสามารถตรงเข้าจู่โจมอีกฝ่ายได้ง่ายดายไร้อุปสรรคเหมือนที่ทำครั้งก่อน เป็นอสูรเวทปลาเสียอีกที่ถูกพลานุภาพของมังกรข่มเอาไว้จนไม่อาจต่อต้านได้

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวอสูรเวทปลาตัวนี้แม้แต่น้อย แม้เขาจะยังไม่บรรลุขั้นจักรพรรดิยุทธการก็ตาม

ปู้ฟางตีลังกากลางอากาศขณะกวัดแกว่งมีดทำครัวกระดูกมังกรทองไปด้วย มีดทำครัวกระดูกมังกรทองเป็นอุปกรณ์กึ่งเทพที่คมกริบ เกล็ดของปลาอสูรมังกรพินาศไม่อาจต้านทานความคมของมีดทำครัวเล่มนี้ได้แม้สักเสี้ยว

ปู้ฟางเสียบมีดทะลวงร่างอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายราวตัดผ่านกระดาษ มีดทำครัวกระดูกมังกรทองแทงทะลุเนื้อของอสูรเวทปลาจนเลือดเริ่มสาดกระเซ็นไปทั่ว

ร่างของปลาปีศาจสั่นเทิ้มไปครู่ใหญ่เมื่อเกล็ดของมันถูกทะลวงจนเปิดออก

“ช่างอ้วนท้วนเสียจริง รสชาติของเนื้ออสูรเวทระดับเจ็ดย่อมไม่ทำให้ผิดหวังแน่” ปู้ฟางพึมพำ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็พ่นลมออกมาเฮือกใหญ่ เพ่งดวงตาเขม็ง ชายหนุ่มกำมีดในมือแน่นก่อนจะเริ่มวิ่งไปบนหลังของปลายักษ์

ปู้ฟางเคลื่อนไหวรวดเร็วทั้งที่สีหน้ายังเรียบเฉย แขนเสื้อสีขาวโบกสะบัด เส้นผมพัดพลิ้วไม่เป็นทรง

ครืดดด!

เสียงโลหะรูดกับเนื้อดังขึ้น ขณะที่ปู้ฟางวิ่งตรงไปด้านหน้า เลือดของปลายักษ์ก็ไหลทะลักออกมาตามบาดแผลที่เกิด อสูรเวทปลาเริ่มโหยหวนเสียงแหลม มันคลุ้มคลั่งสะบัดตัวแรงขึ้นกว่าเดิม

ปู้ฟางกระโจนขึ้นไปในอากาศ สองมือกำแน่นอยู่บนด้ามของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง ก่อนจะปักมีดลงบนร่างของปลายักษ์เต็มกำลัง

ฉึก!

เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น สะท้อนแสงอาทิตย์จนดูราวกับเป็นทับทิมเม็ดงาม

เกล็ดปลาจำนวนมากร่วงกราวลงมากระแทกพื้นเมื่อถูกขอด

หัวใจของเหล่าผู้ฝึกตนขั้นจักรพรรดิยุทธการบีบแน่น แม่เจ้าโว้ย… โหดจัดอะไรเช่นนี้!

“ฮ่าๆๆ! ศิษย์พี่นี่หล่อระเบิดไปเลย! เล่นเอาไอ้ปลายักษ์นี่ถึงตาย แถมยังถลกหนังควักไส้มันออกมาด้วย!” เซียวอวี่ร้องตะโกนอย่างร่าเริง กระโดดกระเด้งไปมาบนหลังคาไม่หยุดเท้า

เซียวเยียนอวี่จับจ้องอสูรเวทปลาระดับเจ็ดที่ถูกเถ้าแก่ปู้แล่ไม่เป็นทรงด้วยความตื่นตะลึง เถ้าแก่ปู้… สุดแสนจะทรงพลังจริงเสียด้วย!

หญิงสาวคิดมาตลอดว่าเจ้าขาวและสุนัขสีดำตัวใหญ่มีหน้าที่คอยคุ้มภัยให้เถ้าแก่ปู้ที่เป็นเพียงพ่อครัวหุ่นสะโอดสะอง นางไม่คาดคิดมาก่อน… ว่าแม้จะถูกแยกจากเจ้าขาว เถ้าแก่ปู้ก็ยังดุดันอำมหิตถึงเพียงนี้

เขาจัดการอสูรเวทปลาได้อย่างคล่องแคล่ว แม้แต่ตอนที่ขอดเกล็ดปลาทิ้งก็ทำได้หมดจดไม่น่าเชื่อ

ริมฝีปากสีแดงสวยของเซียวเยียนอวี่ยกขึ้นน้อยๆ เป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์น่ามอง

เหล่าสมาชิกของตระกูลเซียวต่างพากันสูดลมเย็นๆ เข้าปอด เจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว… ทำแม้กระทั่งขอดเกล็ดอสูรเวทปลายักษ์แสนดุร้าย นี่คิดจะตั้งกระทะทอดปลากันตรงนี้หรืออย่างไร

ขาของเซียวเคอเฉิงอ่อนยวบ ปากยังสั่นระริกไม่หยุด เจ้าเด็กนี่… สามารถสยบอสูรเวทระดับเจ็ดได้จริงๆ หรือ?!

ในตอนนั้นเองเสี่ยวหย่าหญิงรับใช้ของเซียวเยียนอวี่ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา หญิงสาวนึกย้อนไปถึงตอนที่ตระเตรียมห้องนอนแขกโกโรโกโสในคฤหาสน์ตระกูลเซียว ที่แม้แต่ขอทานยังต้องเบ้หน้าเพื่อให้ปู้ฟางได้หลับนอน

นางได้ลบหลู่บุคคลผู้ไร้เทียมทานเข้าให้แล้ว หากปู้ฟางคิดจะเอาคืน เพียงเสี้ยวลมหายใจเดียวมีดทำครัวเล่มนั้นคงเลาะหนังของนางออกมาได้ทั้งร่าง

เสี่ยวหย่าที่ในใจรู้สึกหวาดกลัวจนไม่อาจทานทนได้ทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะเริ่มหวีดร้องออกมาอย่างหวาดผวา

ปู้ฟางกระโจนลงบนพื้น พลังปราณเที่ยงแท้กระจายออกจากร่าง เขาเร่งความเร็วขณะปักมีดทำครัวกระดูกมังกรทองลงบนท้องของปลายักษ์จมด้าม ชายหนุ่มก้าวเท้าถี่ๆ ลากมีดเปิดช่องท้องขาวของปลา ตรงส่วนท้องนั้นไม่มีเกล็ด เขาจึงผ่ามันได้โดยไม่ต้องเสียแรงมากนัก

เลือดของปลายักษ์ไหลหลั่งลงมาราวกับเป็นน้ำตกเชี่ยวกราก ตกกระทบลงบนพื้นดิน

ตอนนั้นเองปลาอสูรมังกรพินาศก็ไม่อาจพยุงตัวให้ยืนอยู่ได้ มันล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น แววบ้าคลั่งในดวงตาหายไปอีกครั้งเมื่อความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ รับรู้ได้ว่าความตายกำลังมาเยือนในไม่ช้าแล้ว

“หือ กลัวหรือ”

ปู้ฟางกระโดดออกมาโดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่เปื้อนเลือดเลยสักหยด มีดทำครัวกระดูกมังกรทองหมุนคว้างอยู่ในมือขณะที่ชายหนุ่มพึมพำออกมาหน้าตาย

ตอนนั้นเองแสงสีทองของมีดก็เจิดจ้าขึ้นกว่าเดิม มันสว่างเสียจนอาจถึงขั้นทำให้ใครหลายคนตาบอดได้

แล้วจู่ๆ แสงนั้นก็หม่นลงราวกับเป็นดาวตกที่หายลับไปกับขอบฟ้าเมื่อมีดสีทองฟันฉับเข้าที่หัวขนาดยักษ์ของอสูรเวทปลาพร้อมเสียงดังสนั่น

ปลาปีศาจตะลึงงัน ร่างของมันไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป…

แม้แต่คนที่เห็นเหตุการณ์ก็ยังอึ้งไป พวกเขายังไม่กล้าประทับจิตประทับใจกับฉากตรงหน้า เพราะไม่แน่ใจว่าอสูรเวทปลาตัวนี้ตายแล้วจริงๆ หรือไม่ มันควรจะตายสิน่า

ตุ้บ!

เสียงของหนักอึ้งตกกระทบพื้นดังก้องไปทั่ว หัวปลาขนาดยักษ์ร่วงออกจากตัวลงมานอนนิ่งกับพื้นพร้อมเสียงดังสนั่น มันตีลังกาหน้าทิ่มดิน กลิ้งอยู่สองตลบพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปในอากาศ

ตายแน่แล้ว!

“ศิษย์พี่ช่างทรงพลังเสียจริง! สุดแสนจะมาดแมน!” เสียงของเซียวอวี่แทบจะหายไปในลำคอ ความรู้สึกชื่นชมที่เด็กหนุ่มมีต่อปู้ฟางนั้นไม่ต่างอะไรจากเลือดที่พุ่งออกจากตัวปลา หลั่งไหลไม่ขาดสายราวน้ำตกรุนแรง

ปู้ฟางทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พลังปราณเที่ยวแท้กระจายหายไปขณะที่ชายหนุ่มหอบหายใจรุนแรง

แสงสีทองหม่นบนมีดทำครัวกระดูกมังกรทองก็ดับไปแล้วเช่นกัน มันกลับมาเป็นมีดสีดำหน้าตาเรียบๆ อีกครั้ง

พลังปราณเที่ยงแท้ขั้นจักรพรรดิยุทธการของชายหนุ่มถูกใช้ไปจนหมดสิ้นในการต่อสู้ครั้งนี้ แน่นอนว่าการรับมือกับอสูรเวทที่ไม่ได้ถูกพลานุภาพของมีดทำครัวกระดูกมังกรทองกำราบเต็มขั้นย่อมต้องเสียเหงื่อมากเป็นธรรมดา

ที่สำคัญที่สุดคือ…ขั้นปราณของเขายังต่ำอยู่มาก ทำให้พลังปราณเที่ยงแท้มีไม่เพอใช้สอย

ชายหนุ่มรู้สึกอยากบรรลุขั้นปราณให้ได้ไวๆ

เซียวเยียนอวี่ค่อยหายใจหายคอโล่งอีกครั้ง เถ้าแก่ปู้ทำได้จริงๆ ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะทรงพลังถึงเพียงนี้ เรื่องในวันนี้ทำให้นางได้รู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับชายหนุ่มเพิ่ม

นางค้นพบความลับที่ไม่มีใครรู้ของเถ้าแก่ปู้อีกเรื่องแล้ว!

ความลับแรกก็คือเถ้าแก่ปู้เข้าหอนางโลม ความลับที่สองคือเถ้าแก่ปู้…แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!

เมื่อนึกย้อนภาพสีหน้าเก้อเขินของเถ้าแก่ปู้ตอนที่รู้ตัวว่าถูกเซียวเยียนอวี่รู้ความลับเข้าให้ หญิงสาวก็รู้สึกอยากหัวเราะออกมา เถ้าแก่ปู้นี่ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ

ทว่าจู่ๆ ในใจของเซียวเยียนอวี่ก็สั่นสะท้าน นางเงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางงุนงง พลางตระหนักได้ว่าเจ้าขาวที่ยืนตัวอ้วนอวดพุงอยู่ด้านหลังมาตลอดมีอาการเปลี่ยนไป

หือ เจ้าขาว…

ดวงตาของเซียนเยียนอวี่หดแคบทันทีที่มองไปยังทิศทางซึ่งปู้ฟางนั่งอยู่

ในจุดที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เงาห้าเงากำลังเร่งความเร็วตรงมายังชายหนุ่ม

เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของคนทั้งห้าย่อมเป็น…เถ้าแก่ปู้ หรือถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือ เถ้าแก่ปู้ที่กำลังนั่งหอบหมดแรงอยู่

ดวงตาจักรกลสีแดงของเจ้าขาวกะพริบวาบก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง มันกระทืบเท้าลงบนกระเบื้องหลังคาอย่างแรงหนึ่งครั้ง ตอนนั้นเองหลังคาทั้งแถบก็ทรุดตัวลง

“จับได้ถึงรังสีสังหารที่มีต่อนายท่าน เปลี่ยนระบบปฏิบัติการ เตรียมสังหาร”