แต่แม้ต้องตาย เธอก็ไม่ปล่อยมือ เพราะความเจ็บปวดในการสูญเสียเขาครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว เธอจะสูญเสียเขาเป็นครั้งที่สองได้เช่นไร!

“อวี๋ ข้าขอร้องท่าน พยายามออกแรงอีกนิด ข้าใกล้จะหมดแรงแล้ว ขอร้องท่านล่ะ”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยไม่หยุด ส่วนน้ำตานั้นไหลรินออกมาจากดวงตาเธอไม่หยุดเช่นกัน

เพราะเหตุใด!

สวรรค์จึงทำกับพวกเขาเช่นนี้!

เมื่อส่งอวี๋กลับมาตรงหน้าเธอแล้ว เหตุใดตอนนี้กลับทำกับพวกเธอเช่นนี้!

เธอไม่ต้องการให้อวี๋ตกลงไป ไม่ต้องการให้อวี๋ตาย!

“อวี๋ ขอร้องท่านล่ะ รีบพยายามเข้า รีบดึงมือข้าขึ้นมา”

“เหยาเหยา ยอมแพ้เถิด ข้าไม่ไหวแล้ว”

“ไม่ ข้าไม่ปล่อยมือเด็ดขาด ไม่ง่ายกว่าจะพบหน้าท่านอีกครั้ง ข้าจะไม่ให้ท่านจากข้าไปอีกแล้ว ไม่อีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารีบเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและอ้อนวอน

เมื่อเห็นท่าทางดื้อรั้นของเธอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้ว่าแม้ตายเธอไม่ยอมปล่อยมือ ดังนั้นจึงกัดฟันเอ่ยปากขึ้น

“เหยาเหยา ข้าถูกพิษรุนแรงจนไม่สามารถมีชิวิตต่อไปได้แล้ว แม้เจ้าดึงข้าขึ้นไป ข้าก็ต้องตาย ดังนั้นขอเจ้าปล่อยมือข้าเถิด ข้าตายไปไม่เป็นไร แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าจบชีวิตตามไปด้วย”

แม้ไม่อยากเอ่ยขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จำเป็นต้องเอ่ยออกมา

หลังเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดนี้ของเขา ภายในสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้นมา ก่อนพลันขาวโพลน

“อะไรนะ ถูกพิษรุนแรง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาตะลึงอย่างที่สุด

แต่ก็รู้ถึงเหตุผลว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เหตุใดเห็นชัดว่าอวี๋กลับมา ทว่ากลับไม่กล้าแสดงตัวกับเธอ

ที่แท้เขากลัวเธอเสียใจ ดังนั้นจึงไม่ไปพบเธอ อยากใช้ช่วงเวลาที่มีจำกัดนี้อยู่ข้างกายเธอ

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาหยุดนิ่ง น้ำตาดุจไข่มุกร่วงหล่นจากสร้อยคอที่ขาด ไหลรินจากดวงตาอาบสองแก้มไม่หยุด

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น ในใจเจ็บปวดชั่วขณะ แต่เขายังเอ่ยปากขึ้นต่อว่า

“ดังนั้นเหยาเหยา เจ้าปล่อยมือเถิด” แม้ตาย คนเดียวเพียงพอแล้ว

“ไม่ แม้จะเป็นเช่นนี้ ข้าไม่ปล่อยมือเด็ดขาด หากต้องตาย พวกเราจะตายพร้อมกัน!”

เล่อเหยาเหยากังวลในใจ ก่อนกัดริมฝีปากแน่น พร้อมกัดฟันเอ่ยขึ้น

เพราะเธอทนกับช่วงเวลาที่แยกจากเขามามากพอแล้ว

ดังนั้นแม้ตาย ก็ตายไปด้วยกันเถิด

ถึงอย่างไรเธอไม่หวาดกลัวความตาย แต่…

“เจ้าตายแล้ว เซวียนเอ๋อร์ของพวกเราจะทำเช่นไร!”

ทราบดีว่าเล่อเหยาเหยาดื้อรั้นไม่กลัวความตาย จึงกลัวเธอคิดตกตายไปพร้อมกับตน เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงวิตกในใจ จึงพลันรีบเอ่ยปากขึ้น

เล่อเหยาเหยาได้ยินเจ็บปวดในใจ

ถูกต้อง หากเธอตายไปแล้ว เซวียนเอ๋อร์จะทำเช่นไร!

เขายังเด็กขนาดนั้น เดิมทีเขาไร้บิดาอยู่แล้ว หากตอนนี้กระทั่งมารดาก็ไร้สิ้น เขาจะเป็นเช่นไร!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาปวดใจดังไฟแผดเผา ทว่าช่วงตัดสินใจไม่ได้นั้น

ทันใดนั้นเรี่ยวแรงของเธอลดหายไป มือที่จับกุมเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไว้ค่อยๆ คลายออก เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว

“ไม่ ไม่นะ…”

“เหยาเหยา”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาร้องห่มร้องไห้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ถอนหายใจอย่างจนปัญญา

สุดท้ายเมื่อมือของเขาแยกจากกัน ร่างกายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงตกลงไปในเนินเขา

“ไม่ อวี๋”

เมื่อเห็นร่างนั้นตกลงไป เล่อเหยาเหยาร้องปานขาดใจ ล้มร้องตะโกนอยู่บนพื้น

สุดท้ายจึงแน่วแน่ในใจ คิดกระโดดตามลงไป

แต่เธอเพียงก้าวออกไปได้แค่ก้าวเดียว กำลังจะกระโดดลงไปในเนินเขาสูงชันนั้น กลับแน่นที่เอว มีพลังหนึ่งดึงเธอกลับมา

“เหยาเหยา เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เหตุใดจึงจะกระโดดลงไป!”

เสียงโมโหดังขึ้น เล่อเหยาเหยาได้ยินเงยดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตามองไป เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นเคยตรงหน้านี้ ฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไป ภาพตรงหน้ามืดมน ก่อนล้มลงหมดสติไป

มืด ตรงหน้ามืดมิด ความมืดนี้คล้ายปากของปีศาจแสนดุร้าย ทำให้คนหวาดกลัวเมื่อได้เห็น

เล่อเหยาเหยายืนโดดเดี่ยวอยู่กลางความมืดนั้น ในใจหนาวเหน็บ เธออยากไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่ในใจกลับยึดติดว่าต้องตามหาอวี๋ หาเขาให้พบ!

“อวี๋ ท่านอยู่ที่ใด อวี๋ ท่านได้โปรดออกมาเถิด อวี๋!”

“เหยาเหยา ข้าอยู่ที่นี่!”

อาจเพราะได้ยินเสียงเรียกของเธอ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นั้นจึงเดินออกมาจากความมืด

เล่อเหยาเหยาเพียงเห็นก็ดีใจ และไม่สนใจสิ่งใดพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างตรงหน้า

แต่ขณะเธอกอดชายหนุ่ม สิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดกลับเป็นอากาศว่างเปล่า

“นี่ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”

ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาตะลึงงันเบิกกว้าง ก่อนหันมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา

ส่วนชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน แต่เธอกลับสัมผัสเขาไม่ได้ เพราะเหตุใด หรือ..

“เหยาเหยา ลืมข้าเถิด ข้าตายไปแล้ว”

ชายหนุ่มสีหน้าซีดเซียว ระหว่างคิ้วปกปิดความเสียใจและจนใจเอาไว้ไม่ได้

เล่อเหยาเหยาได้ยิน หัวใจคล้ายพลันตกจากสวรรค์ลงสู่นรก

“ไม่ ท่านห้ามพูดเช่นนี้ ท่านยังไม่ตาย ท่านไม่ได้ตาย อวี๋ ได้โปรดกลับมาเถิด กลับมาอยู่ข้างกายข้าได้หรือไม่ ได้โปรดอย่าจากข้าไปเลย!”

“เหยาเหยา ขออภัย ข้าตายไปแล้วจึงกลับไปไม่ได้ และไม่มีวันกลับไปได้อีกแล้ว เจ้าโปรดดูแลตนเองให้ดี มีชีวิตต่อไปแทนข้า และดูแลเซวียนเอ๋อร์ เขายังเล็ก ไร้บิดาแล้ว ไม่อาจไร้มารดาอีกต่อไป”

“ไม่ ข้าไม่ต้องการเช่นนี้ อวี๋ ได้โปรดอย่าจากข้าไป”

“เหยาเหยา ข้ามีเวลาไม่มาก ข้าต้องไปแล้ว พวกเราเจอกันชาติหน้าเถิด” เอ่ยจบร่างของชายหนุ่มล่องลอยห่างออกไปไกลเรื่อยๆ

เล่อเหยาเหยาเห็นร้องไห้ตะโกนไล่ตามไม่หยุด แต่ไม่ว่าเธอจะไล่ตามเช่นไรก็ตามไม่ทัน จนกระทั่งร่างของชายหนุ่มหายไปจากสายตาของตนจนหมดสิ้น

“ไม่ อวี๋ ไม่ ไม่!”

“เหยาเหยา ตื่นเถิด เหยาเหยา!”

เสียงร้อนรนกังวลใจดังขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาตื่นขึ้นมาจากความมืดมิดนั้น

เพียงลืมตาขึ้น เล่อเหยาเหยายังคงหวาดกลัวในใจ พลันแยกแยะไม่ได้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน

เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างกาย สองมือยื่นออกไปกุมมือชายหนุ่มไว้แน่นทันที ก่อนตะโกนอย่างร้อนใจ

“ห้ามไป ห้ามไป!”

“ได้ๆ ข้าไม่ไป เหยาเหยาไม่ต้องกังวล”

หลังได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา ชายหนุ่มอดเอ่ยปลอบใจไม่ได้

เสียงนุ่มนวลงามสง่านี้ ทำให้คนฟังอดดุจตกอยู่ในภวังค์ไม่ได้

แต่หลังได้ยินเสียงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยากลับดุจหล่นจากสวรรค์ลงสู่เหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง

“พี่ใหญ่ เป็นท่าน!”

เมื่อความพร่ามัวตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หลังเห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายชัดเจน เล่อเหยาเหยาได้สติ ก่อนพึมพำขึ้น

โดยไม่ปิดบังความผิดหวังในน้ำเสียง

ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น ดวงตาคู่งามอดเป็นประกายความเสียใจและผิดหวังไม่ได้

สุดท้ายเขาเพียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา

เล่อเหยาเหยาไม่รับรู้ถึงสีหน้านี้ของตงฟางไป๋ เพราะหลังได้สติคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบร้อนเอ่ยปากถามขึ้น

“พี่ใหญ่ อวี๋ยังไม่ตาย เขายังไม่ตาย ทว่าเขาตกจากเนินเขาลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกรากนั้น พวกเรารีบไปตามหาเขาเถิด!”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ พลันเลิกผ้าห่มขึ้นคิดออกไปตามหาเขา

แต่เพียงสองเท้าเหยียบพื้น ร่างกายกลับคล้ายพลันถูกสูบพลังออกไป จึงอ่อนระทวยอย่างไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายแทบล้มลงบนพื้น โชคดีตงฟางไป๋มาทันเวลา จึงรับตัวอ่อนระทวยของเธอไว้ได้

“เหยาเหยา เจ้าเป็นไข้สลบมาสามวันสามคืน ตอนนี้เพิ่งฟื้นกลับมา ควรพักผ่อนก่อนเถิด!”

เมื่อได้ยินคำพูดเปี่ยมไปด้วยความกังวลปวดใจของตงฟางไป๋ สมองของเล่อเหยาเหยากลับระเบิด ‘ตูม’ ขึ้นพลันขาวโพลน ผ่านไปนานจึงเอ่ยปากอย่างไม่เชื่อหูว่า

“อะไรนะ ข้าเป็นไข้ และยังสลบไปกว่าสามวันสามคืน!”

“ถูกต้อง เหยาเหยา”

“เช่น เช่นนั้นอวี๋กลับมาแล้วหรือ ข้าอยากเจอเขา ตอนนี้เขาเป็นเช่นไร!”

เพียงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับอวี๋ เล่อเหยาเหยาจะร้อนใจอย่างยิ่ง จึงหันไปเอ่ยถามตงฟางไป๋ไม่หยุด

แต่สำหรับคำถามของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางไป๋กลับแข็งทื่อ จากนั้นดูมีท่าทางลังเล

เห็นเช่นนั้น ใจของเล่อเหยาเหยาแตกสลายลง ความหนาวเหน็บคืบคลานจากหัวใจขึ้นสู่เหนือศีรษะ

“พี่ใหญ่ ท่านบอกความจริงกับข้า ตอนนี้อวี๋เป็นเช่นไร!”

“เหยาเหยา เจ้าใจเย็นฟังข้าก่อนได้หรือไม่”

เห็นใบหน้าซีดเซียวเพราะกังวลร้อนใจของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ยิ่งปวดใจ

แต่เล่อเหยาเหยาจะสามารถใจเย็นได้เช่นไร!

พี่ใหญ่ ท่านรีบบอกข้ามาว่าตอนนี้อวี๋เป็นเช่นไรได้หรือไม่ เขาตอนนี้ตามตัวพบหรือยังไม่พบ มีชีวิตหรือว่า…”

คำสุดท้ายนี้ เล่อเหยาเหยาพูดไม่ออก จึงกลายเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์

ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น สุดท้ายยังเอ่ยปากออกมา

“คือ อวี๋เขา…”