ตอนที่ 209 อวี๋ไม่ได้ตาย (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“ยังหาตัวไม่พบ”

หลังคำพูดหนักหน่วงของตงฟางไป๋ แม้เล่อเหยาเหยาจะเตรียมใจไว้แล้ว ทว่ายังคงผิดหวังเช่นเดิม

ยังตามหาไม่พบหรือ!

สามวันสามคืนแล้วมิใช่หรือ!

“ไม่พี่ใหญ่ พวกเราต้องตามหาต่อไป ส่งคนออกตามหามากขึ้นได้หรือไม่ ข้าขอร้องท่าน อวี๋เขาเพียงตกลงไปในแม่น้ำ เขาว่ายน้ำได้ไม่ตายแน่ และวรยุทธ์เขาสูงส่งมิใช่หรือ ดังนั้นเขาต้องยังมีชีวิต!”

เล่อเหยาเหยาตะโกนสุดเสียงดังลั่นออกมา คล้ายโน้มน้าวผู้อื่นและตนเอง

ตงฟางไป๋เห็นท่าทางตื่นตระหนกของเล่อเหยาเหยา ในใจเจ็บปวด แต่ยังตัดใจเอ่ยปากขึ้น

“เหยาเหยา เจ้าวางใจเถิด แม้ตามอวี๋กลับมาได้ อาจช่วยชีวิตเขาไม่ได้”

“พี่ใหญ่ ท่านหมายความเช่นไร เหตุใดท่านจึงเอ่ยว่าแม้ตามกลับมา ไม่สามารถช่วยชีวิตได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาตกตะลึงชั่วขณะ พลันคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงกุมมือตงฟางไป๋แน่น ก่อนเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า

“พี่ใหญ่ ท่านเจออวี๋มาแล้วใช่หรือไม่ ท่านต้องรู้บางอย่างแน่แต่ไม่บอกกับข้า มิฉะนั้นเหตุใดตอนนี้ท่านจึงปรากฎตัวขึ้น เหตุใดจึงตามหาข้าพบ!”

เมื่อเผชิญกับการซักถามของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋รู้ว่าตนปิดบังไม่ได้อีกต่อไป จึงถอนหายใจออกมารอบหนึ่ง ก่อนดึงเล่อเหยาเหยามานั่งลงบนเตียง แล้วเอ่ยปากขึ้น

“เหยาเหยา เจ้าใจเย็นฟังข้าก่อน ถูกต้องความจริงข้าพบกับอวี๋มาแล้ว คืนนั้นที่เจ้าไปจากหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งเขามาหาข้า”

“อะไรนะ คืนนั้นที่ข้าไปจากหมู่บ้านแพทย์อันดับหนึ่งหรือ!”

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาตะลึงในใจ ดวงตาเบิกกว้าง หงุดหงิดในใจอย่างยิ่ง

คืนนั้น เหตุใดเธอต้องจากไปในคืนนั้น มิฉะนั้นเธออาจได้พบกับอวี๋เร็วกว่านี้

อาจเพราะรับรู้ถึงความกังวลในใจของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้นอดเอ่ยปากเตือนสติไม่ได้

“เหยาเหยา แม้คืนนั้นเจ้าไม่จากไป อวี๋ก็คงไม่พบหน้าเจ้าอยู่ดี!”

“เพราะเหตุใด!”

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาตกใจในใจ ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาจ้องเขม็งไปที่ตงฟางไป๋ ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้นเพียงเอ่ยเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอวี๋ออกมา

เดิมทีในปีนั้นขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ต่อสู้กับพรรคพวกที่เหลือของลัทธินอกรีต ไม่ระวังถึงถูกซัดลงไปในเหว ต่อมาเหลิ่งจวิ้นอวี๋อาศัยวรยุทธ์ของตน แม้จะรอดพ้นจากอันตราย แต่กลับถูกกิ่งไม้ก้อนหินในหุบเหวขีดข่วนเหนื่อยล้า

และในเหวนั้นไร้ผู้คน มีเพียงงูพิษและสัตว์ร้าย

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกลงไปแม้ไม่ตาย แต่ใต้เหวมีพิษมากมาย สัตว์ร้ายร้ายกาจ

เขาที่บาดเจ็บและเหนื่อยล้า แม้ก่อนหน้านี้จะวรยุทธ์สูงส่งเช่นไร ยากที่จะรอดปลอดภัย

รวมทั้งเกิดความหิว ดังนั้นตอนนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงทานผลไม้ในเหวไม่หยุด พลางต่อสู้กับงูพิษสัตว์ร้าย พลางตามหาทางออก

แต่เหวนี้ กลับคล้ายเขาวงกต เขาอยู่ข้างล่างเหวหาทางออกมาตลอดห้าปี จนในที่สุดหาทางออกมาได้

เดิมทีเรื่องแรกหลังเขาออกมาคือไปตามหาเล่อเหยาเหยา ผู้ใดจะรู้ขณะนั้นเขากลับพบว่าร่างกายตนผิดปกติ

เลือดที่ไหลออกมาเป็นสีแดงอมม่วง นั่นคือสัญลักษณ์ของการถูกพิษ

หลังออกมาจากเหวลึก เขาลองไปพบหมอ แต่หมอทุกคนต่างเอ่ยว่าไร้ความสามารถ จากนั้นเขาจึงไปหาตงฟางไป๋ เดิมคิดว่าตงฟางไป๋ที่เป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่ง จะต้องมีวิธีรักษาเขา

ผู้ใดจะรู้…

“พี่ใหญ่ อวี๋เขาถูกพิษใดกันแน่ หรือกระทั่งท่านไม่อาจช่วยชีวิตเขาได้!”

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาร้องไห้หนักอย่างไร้สุ้มเสียง

เพราะตงฟางไป๋เล่าเรื่องการอยู่ในเหวลึกของอวี๋ สิ่งของมีพิษมากมาย และอาการบาดเจ็บจากความเหนื่อยล้า

คนที่สูงส่งดุจเซียนบนสวรรค์เช่นเขา รอดชีวิตกลับมาได้ แต่เขากลับทุกข์ทรมานมากขนาดนั้น

ตอนนี้เธอจึงนึกขึ้นได้ว่า ตอนจับปลาที่ทะเลสาบเทพธิดา ผิวหนังที่เขาเปิดเผยออกมาต่างคือรอยบาดแผล ไม่มีที่ใดที่ดูดี

ห้าปีมานี้ อวี๋ใช้ชีวิตผ่านมาเช่นไรกันแน่!

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งปวดใจแทนชายหนุ่ม

ตงฟางไป๋ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา กลับถอนหายใจยาวๆ ออกมา ก่อนส่ายหน้าเอ่ยขึ้น

“พิษที่อวี๋ได้รับ ข้าไม่เคยรู้จักมาก่อน รู้เพียงเขามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน”

“ดังนั้น เขาจึงไม่ยอมมาเจอข้า กลัวข้ารู้แล้วจะเสียใจ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“ถูกต้อง อวี๋พูดว่าเจ้าเจ็บปวดครั้งเดียวเพียงพอแล้ว ไม่อยากให้เจ้าเห็นเขาตายอีกครั้ง เขาอยากให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

“ฮ่า ๆ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาตายไปแล้ว ข้าจะมีชีวิตต่อไปได้เช่นไร ข้าควรทำเช่นไร”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาของเล่อเหยาเหยาล่องลอยคล้ายถูกคนดูดวิญญานไป ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้นกังวลอย่างหนัก

เพราะเขาก็เสียใจกับเรื่องพี่น้องของตน และยังกังวลว่าจะเกิดเรื่องกับน้องสาวของตน

“เหยาเหยา เจ้าอย่าทำเช่นนี้ เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าและท่านพ่อท่านแม่ต่างปวดใจ อวี๋เขา แม้จะจากไปแล้ว ก็อาจไม่วางใจ”

สำหรับคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาคล้ายไม่ได้ยิน ดวงตาเป็นประกายครู่หนึ่ง พลันคล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แววตาปรากฎแสงที่ไม่ได้เห็นมาก่อนขึ้นมา

ก่อนกัดฟันเอ่ยขึ้น

“ไม่ ข้าต้องตามหาอวี๋ ต้องตามหาเขา หากมีชีวิตต้องเจอคน ตายข้าก็ต้องเห็นศพ!”

เวลาเพียงพริบตาเดียวผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว

“เหยาเหยา ล้มเลิกเสียเถิด ไม่ต้องตามหาอีกแล้ว อวี๋เขาตายไปแล้ว!”

เสียงแฝงความโมโหและกังวลใจดังออกมาจากปากของตงฟางไป๋ที่นุ่มนวลสง่างาม

หนึ่งเดือนผ่านไป เห็นเพียงชายหนุ่มงามสง่าผู้นี้ เวลานี้ใบหน้ากลับเปี่ยมด้วยความเหนื่อยล้าและซีดเซียว เพราะหนึ่งเดือนมานี้ เพื่อน้องสาวผู้นี้เขาลำบากมาไม่น้อย

แต่ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวเช่นใด น้องสาวของเขายังคงดื้อรั้น ไม่ยอมล้มเลิกเช่นเดิม

“พอแล้ว พี่ใหญ่ อวี๋คือสหายของท่าน เหตุใดท่านจึงสาปแช่งเขาเช่นนี้ เขาอาจยังไม่ตาย!”

เมื่อยังไม่ถึงตอนสุดท้าย ไม่เห็นศพของอวี๋ เล่อเหยาเหยาไม่เชื่อว่าอวี๋เสียชีวิตไปเช่นนี้เด็ดขาด

เป็นไปไม่ได้ อวี๋เขายังไม่ตาย!

เล่อเหยาเหยามั่นใจ แต่กลับไม่รู้เลยว่าเธอเวลานี้ซีดเซียว เพราะการออกตามหาด้วยตนเองตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอผอมแห้งราวกับจะปลิวไปตามสายลม

เมื่อเห็นเธอผอมลงทุกวัน จะไม่ให้ตงฟางไป๋ปวดใจเช่นไร!

“เหยาเหยา ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า และเป็นสหายของอวี๋ หากเป็นไปได้ ข้าก็หวังให้เขามีอายุยืนยาว อยู่เคียงข้างเจ้าไปตลอดชีวิต แต่ความจริงคือความจริง เจ้ายอมรับความจริงเสียเถิด ดูเจ้าตอนนี้สิ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเจ้าออกตามหาเขาไม่หยุด ไม่ดื่มน้ำทานอาหาร จนผอมลงไปมากมาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ!”

ตงฟางไป๋แม้จะอารมณ์ดี แต่ก็มีช่วงที่โมโห โดยเฉพาะเมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่สนใจสุขภาพตนเช่นนี้ เขามองอย่างปวดใจ

เล่อเหยาเหยารู้ว่าตงฟางไป๋ห่วงใยตน แต่เธอไม่สามารถหยุดตามหาอวี๋ได้จริงๆ หากให้เธอเอาแต่นั่งรอข่าวคราวของเขาอยู่ที่บ้าน เธอกลัวว่าตนอาจบ้าเสียสติ

หนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งเดือนเต็มๆ อวี๋ท่านตายไปแล้วจริงหรือ หากท่านตาย ข้าควรทำเช่นไร!

เซวียนเอ๋อร์ควรทำเช่นไร! ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยาปวดแปลบในใจอย่างรุนแรง

แต่ทันใดนั้น น้ำตาเธอพลันแห้งเหือด เธอรู้สึกเพียงเสียใจปานจะขาดใจ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

ความจริง น้ำตามีวันแห้งเหือดไปจริงๆ

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยาหลุบดวงตาคู่งามลง สีหน้าซีดเซียวนั้นดูสิ้นหวังตามท่าทางของเธอ ดูคล้ายตุ๊กตาแตกสลาย ทำให้คนทรมานยิ่งนัก

และฉีอิงอิง ที่อยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน ก็อดเจ็บปวดในใจไม่ได้

เพราะเธอทราบดีว่าการรักคนผู้หนึ่งความรู้สึกเป็นเช่นไร ดังนั้นย่อมเข้าใจความรู้สึกของเล่อเหยาเหยา

หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นกับคนที่เธอรัก เกรงว่าตอนนี้เธอคงล้มลงไปแล้ว

แต่เธอไม่อยากเห็นเล่อเหยาเหยาออกตามหาอย่างเสียสติเช่นนี้ทุกวัน ดังนั้นจึงคิดแล้วคิดอีก คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยกับเล่อเหยาเหยา

“พี่เหยาเหยา ข้าเชื่อว่าคนดีย่อมไม่มีภัย ข้าได้ยินมาว่าที่ต้าหลี่นี้มีวัดเจ้าแม่กวนอิมศักดิ์ลิทธิ์มากแห่งหนึ่ง มิสู้พวกเราไปขอร้องพระพุทธองค์กัน เพื่อให้พี่อวี๋ปลอดภัยดีหรือไม่”

“วัดเจ้าแม่กวนอิมหรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉีอิงอิง เล่อเหยาเหยาที่เสียใจพลันดวงตาเปล่งประกายชั่วขณะ แม้เธอจะไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่หนึ่งเดือนมาแล้ว เธอตามหามานานเช่นนี้ยังไม่พบร่องรอยของอวี๋ อวี๋ยังมีชีวิตหรือตาย เธอก็ไม่รู้ หรือเธอควรไปขอพรจากพระพุทธองค์ให้ช่วยเธอและคุ้มครองอวี๋

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ทางฉีอิงอิง ที่อยู่ด้านข้างรับรู้จากสีหน้าของเธอว่าเธอหวั่นไหวแล้ว จึงอดถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาไม่ได้

กลับเป็นตงฟางไป๋ที่อยู่อีกด้าน ดึงตัวฉีอิงอิง ออกมา ก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า

“เจ้าคิดพิเรนทร์อันใดอีก เหยาเหยาเสียใจมามากพอแล้ว”

“ท่านลุง ท่านเอ่ยเช่นนี้หมายความเช่นไร หรือมีเพียงท่านที่ห่วงใยพี่เหยาเหยาหรือ จากสถานการณ์และอารมณ์ของพี่เหยาเหยาตอนนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พี่เหยาเหยาคงบ้าเสียสติเป็นแน่ ดังนั้นแม้รู้ว่าพี่อวี๋อาจจะ…แต่เมื่อคนสิ้นหวัง มักอยากมีความหวัง ทำให้ตนสามารถมีชีวิตต่อไปได้”

ฉีอิงอิง ทำท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทว่ากลับทำให้ดวงตาดำขลับของตงฟางไป๋เป็นประกายชั่วขณะ ทว่าในที่สุดคล้อยตามพวกเขา