ตอนที่ 265 ข้ามาใช้หนี้แล้ว!

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

ซูเฉี่ยนอวิ๋นกำลังจะกลับบ้าน ไม่คิดว่าจะได้เจอบุรุษที่ขี่สุนัขมา

“สหายอันหลิน เจ้ามาได้อย่างไร”

นัยน์ตาสีน้ำเงินของซูเฉี่ยนอวิ๋นฉายความประหลาดใจ เอ่ยด้วยเสียงนุ่มละมุน

อันหลินขี่สุนัขร่อนลงมาหาซูเฉี่ยนอวิ๋น พูดยิ้มๆ ว่า “ข้ามาใช้หนี้น่ะสิ!”

“ใช้หนี้หรือ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นกะพริบดวงตาที่สุกใสดุจผืนทะเลปริบๆ จู่ๆ ก็ตบเข่าฉาด นึกออกแล้ว “อ้อ! สหายอันหลินอยากจะจ่ายค่ายาเซียนขั้นสองเม็ดนั้นหรือ”

“อันที่จริงพี่ฉางเอ๋อก็ไม่ได้บอกให้เจ้าจ่ายค่ายาเซียนเม็ดนั้นนี่นา ต่อให้เจ้าจะชดใช้หนี้บุญคุณครั้งนี้ให้ได้ ก็ต้องเก็บเงินให้ได้พอสมควรแล้วค่อยคืนสิ เก็บเงินแค่ปีสองปี คืนทีละนิดมันยุ่งยากเกินไป ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก…”

อันหลินเกาหัว “แต่ข้าคิดว่าข้าเก็บได้พอสมควรแล้วนี่นา”

ซูเฉี่ยนอวิ๋นยิ้มบางๆ อธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า “ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดนะ ยาเซียนชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่กี่แสนหินวิญญาณจะจัดการได้…ข้าไม่ได้พูดให้เจ้าตกใจนะ อย่างเม็ดยาสรรสร้างชีวิตแทบจะเทียบเท่ายาเซียนขั้นหนึ่งนั้น หากไม่มีร่วมสิบล้านหินวิญญาณก็อย่าไปเลย”

ซูเฉี่ยนอวิ๋นรู้ว่าในปีสองปีนี้อันหลินมีรายได้ไม่น้อย คาดว่าคงจะมีสักหนึ่งล้านหินวิญญาณ สำหรับนักพรตทั่วไปแล้ว เงินก้อนนี้นับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ล้นฟ้า แต่เงินก้อนนี้กลับไม่เพียงพอจะชดใช้ยาเซียนเม็ดนั้น บุ่มบ่ามเอาเงินไปแบบนี้ จะทำให้ฉางเอ๋อไม่พอใจเอาได้

นางกังวลว่าหากอันหลินได้ยินราคาของยาเซียนเม็ดนี้จะกดดันเกินไป จึงปลอบโยนเสียงหวานว่า “สหายอันหลินค่อยๆ เก็บเงินเถอะ พี่ฉางเอ๋อไม่ถือสาเอาความหรอก”

อันหลินลูบคาง “อืม…สิบสี่ล้านแปดแสนหินวิญญาณก็ยังไม่พอหรือ”

“อืม สิบสี่ล้านแปดแสนหินวิญญาณก็ไม่…” ซูเฉี่ยนอวิ๋นพูดได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดชะงัก

นางเงยหน้าขึ้น ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เจ้ามีสิบสี่ล้านแปดแสนหินวิญญาณหรือ!”

“ก็ใช่น่ะสิ บังเอิญโชคดีน่ะ แหะๆ…” อันหลินพูดอย่างเขินอาย

ซูเฉี่ยนอวิ๋นตกใจจนพูดไม่ออก โชคแบบไหนกันถึงได้เก็บเงินสิบสี่ล้านกว่าหินวิญญาณในเวลาไม่ถึงสองปี ต่อให้นางจะเป็นราชนิกุล เห็นความมั่งคั่งมาทุกชนิด ก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อมากอยู่ดี

ต้องรู้ว่าเงินก้อนนี้สำหรับเซียนสวรรค์ระดับหวนสู่ความว่างเปล่า ก็ยังนับเป็นเงินมหาศาลก้อนหนึ่ง แต่อันหลินกลับเก็บออมได้ภายในระยะเวลาสองปี…บ้าไปแล้ว!

ซูเฉี่ยนอวิ๋นสงบสติอารมณ์ นัยน์ตาคู่งามจดจ้องอันหลิน เมื่อเห็นอากัปกิริยาที่ไม่เหมือนล้อเล่นของเขาแล้ว สุดท้ายก็พยักหน้าจริงจัง “ได้ ข้าจะพาเจ้าไปที่วังจันทรา”

บนแผ่นดินสีเงินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตมีต้นหอมหมื่นลี้ล้นหลามปานผืนทะเล

ดอกหอมหมื่นลี้ส่งกลิ่นหอมขจรขจาย ชวนให้ลุ่มหลง

หากคนธรรมดาอยู่ที่นี่ ได้สูดดมกลิ่นหอมของดอกหอมหมื่นลี้ที่แฝงพลังจันทรา จะยืดอายุได้ถึงสิบปี

อันหลินขี่ต้าไป๋ ลอดผ่านป่าหอมหมื่นลี้ตามซูเฉี่ยนอวิ๋น มาถึงหน้าพระราชวังใหญ่โตโอ่อ่าแห่งหนึ่ง

วังแผ่รัศมีสีขาวนวลกระจ่าง แลดูบริสุทธิ์ผุดผ่องสุขสงบ

หน้าประตูมีป้ายแขวนเขียนไว้ว่า ‘ห้ามบุรุษและสุนัขเข้า’

ใบหน้านวลลออของซูเฉี่ยนอวิ๋นฉายความรู้สึกผิด พูดกับต้าไป๋ว่า “ต้าไป๋ วังจันทรามีข้อห้าม เจ้ารออยู่หน้าประตูก่อนนะ”

อันหลินหัวเราะร่า กระโดดลงจากต้าไป๋ ลูบหัวมันแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย ห้ามสุนัขเข้า ไปเล่นก่อนไป”

ต้าไป๋ถลึงตา “ตะลึงโลก! ห้ามบุรุษและสุนัขเข้า…แต่อันหลินเข้าไปได้ เบื้องหลังมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่…โฮ่ง”

อันหลิน “…”

ไม่คิดเลยว่าเขาแค่เอ่ยปากหยอกเย้านิดหน่อย กลับถูกแว้งกัด ท่าทางกลับไปต้องสั่งสอนต้าไป๋สักหน่อยแล้ว

ซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ยินคำพูดของต้าไป๋ ใบหน้าผุดผ่องก็ขึ้นสี พูดเสียงอ่อนว่า “สหายอันหลิน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ เจ้ายังเป็นผู้ชาย ข้า…ข้าให้เจ้าเข้าไปเป็นกรณีพิเศษ!”

มุมปากของอันหลินกระตุก เรื่องที่ฉันยังเป็นผู้ชายต้องอธิบายจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ สหายซูเธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!

จากนั้นซูเฉี่ยนอวิ๋นก็ลากอันหลินเดินเข้าไปในอาณาเขตของวังจันทรา

อันหลินเห็นนางฟ้ารับใช้สวมชุดขาวพลิ้วไหว มีผ้าบางขาวคลุมหน้ามากมาย

พวกนางก้มหัวคำนับอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นซูเฉี่ยนอวิ๋น เห็นได้ชัดว่าฐานะในวังจันทราของซูเฉี่ยนอวิ๋นไม่ธรรมดา

ทว่าเมื่อพวกนางเห็นอันหลิน นัยน์ตากลับมีแต่ความสงสัย โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูกกระเดือกที่ปูดออกมาของอันหลิน ก็ยิ่งตื่นเต้นชอบกล ดวงตาเป็นประกาย

สายตาแบบนี้อันหลินคุ้นเคยดี ตอนที่เขาไปดูหมีแพนด้าที่สวนสัตว์ ก็สายตาแบบนี้เหมือนกัน

ทั้งคู่เยื้องย่างขึ้นไป วังจันทรามีทั้งสิ้นเก้าชั้น ฉางเอ๋ออยู่ชั้นบนสุด

“ไม่ต้องให้คนไปรายงานก่อนหรือ” อันหลินตื่นเต้นนิดหน่อย

ซูเฉี่ยนอวิ๋นส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ตั้งแต่ที่เจ้าก้าวเข้ามาในวังจันทรา พี่ฉางเอ๋อก็รู้แล้วว่าเจ้ามา นางไม่ขัดขวาง หมายความอนุญาตให้เจ้าเข้าพบแล้ว”

อันหลินพยักหน้า จะได้พบยอดฝีมือท่านหนึ่ง จะบอกว่าไม่ตื่นเต้นคงเป็นไปไม่ได้

แต่ละคนมีสมญานามลือเลื่องดุจสายฟ้าฟาด มือปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งแดนจิ่วโจว เทพเจ้าที่อันดับหนึ่งแห่งสรวงสวรรค์ หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสวรรค์ ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่า…สมญานามนานาชนิด ทำให้อันหลินกดดันอย่างยิ่ง

มาถึงชั้นแปด จู่ๆ ก็มีเสียงที่ดังบ่อยครั้งในความฝันแว่วมา

“เอ๊ะ ซูซู เจ้าพาบุรุษเข้ามาได้อย่างไร”

“โอ้! นี่มันเจ้าทึ่มอันไม่ใช่หรือ”

อันหลินแน่นหน้าอกทันทีที่ได้ยิน เจ้าทึ่มอันบ้านแกสิ!

เขาเหลียวมองไปทางห้อง เห็นร่างที่เปลือยเปล่า ขาวผ่องเป็นยองใย…

กระต่าย!

กระต่ายสูงเกือบครึ่งตัวคนกระโดดลงมาโผล่ตรงหน้าอันหลิน ดวงตาแววระยับดุจทับทิมจ้องชายหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ในมือกำสากหยกที่เอาไว้บดยา

“เสี่ยวเยว่ เจ้าว่าสหายอันหลินเช่นนี้ได้อย่างไร” ซูเฉี่ยนอวิ๋นพูดอย่างไม่พอใจ

กระต่ายดวงจันทร์ฮึดฮัดในลำคอ “ซูซู หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะทดสอบไอคิวของเจ้าทึ่มอันตอนนี้เลย ถึงตอนนั้นก็จะรู้เอง”

อันหลินได้ฟังก็แข้งขาอ่อนแรงทันที เขานึกถึงความน่ากลัวที่ถูกสากหยกทุบจนสลบเหมือดครั้งแล้วครั้งเล่า

“โธ่! เสี่ยวเยว่เลิกก่อกวนได้แล้ว สหายอันหลินมาที่นี่เพื่อใช้หนี้!” ซูเฉี่ยนอวิ๋นยู่ปาก ดวงตาสีน้ำเงินถลึงใส่กระต่ายดวงจันทร์ แม้จะแสดงออกว่าโมโห แต่กลับดูน่ารักยิ่งนัก

กระต่ายดวงจันทร์ตาลุกวาว พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ใช้หนี้หรือ เจ้าจะไปแดนมนุษย์อีกแล้วหรือ ขนมขบเคี้ยวของข้าจวนจะหมดพอดีเลย แครอทแห้งอร่อยเหลือเกิน เจ้าซื้อมาแปดสิบชั่งก็พอแล้ว มันฝรั่งทอดรสแครอทยี่สิบลัง เฟรนช์ฟรายส์รสแครอทสามจัน…”

“เฮ้อ…ไม่ใช่เรื่องนี้ ครั้งนี้เขาได้หินวิญญาณเป็นกอบเป็นกำ อยากจ่ายค่ายาเซียนให้พี่ฉางเอ๋อ” ซูเฉี่ยนอวิ๋นรีบชี้แจงเป็นพัลวัน

“ได้หินวิญญาณมากมายเลยหรือ” เมื่อกระต่ายดวงจันทร์ได้ยินว่าไม่ใช่ไปแดนมนุษย์ หูยาวและขาวก็ลู่ลงมา เห็นได้ชัดว่าผิดหวัง มันเงยหน้าขึ้นมองอันหลิน ยกสากหยกในมือขึ้นเล็กน้อย “ได้มากี่หินวิญญาณ”

อันหลินเห็นสากหยกในมือกระต่ายดวงจันทร์ก็หวั่นวิตก พูดตามความจริงว่า “สิบสี่ล้านแปดแสนหินวิญญาณ”

กึก

สากหยกในมือกระต่ายดวงจันทร์ตกลงพื้น ถลึงตามองอันหลิน

“สิบสี่ล้านแปดแสนหินวิญญาณหรือ เจ้า…เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง จะเป็นไปได้อย่างไร!”

อันหลินจนปัญญา จึงฉายพื้นที่ภายในแหวนมิติให้กระต่ายดวงจันทร์ดู

เมื่อกระต่ายดวงจันทร์เห็นหินวิญญาณที่กองเป็นภูเขา รวมถึงหินปราณกองพะเนินแล้ว ร่างกายก็สั่นระริก “เจ้าปล้นธนาคารหรือ ไม่สิ…เงินมากมายปานนี้ น่าจะปล้นราชวงศ์แล้ว! ไม่มีเหตุผลอยู่ดี เจ้ามีปัญญาที่ไหน… มันอธิบายไม่ได้ คนโง่มีโชคของคนโง่จริงๆ…”

อันหลินเห็นกระต่ายดวงจันทร์โยงไปเรื่องที่เขาเป็น ‘คนโง่’ อีกแล้ว ก็อดโมโหไม่ได้ สะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “หึ! ความสามารถของอันหลินคนนี้ หาใช่สิ่งที่ผู้น้อยอย่างเจ้าจะเทียบเทียมได้!”

“โอ้! เจ้าบังอาจวางมาดกับข้าหรือ!”

กระต่ายดวงจันทร์ร้องเสียงหลง ยกสากหยกขึ้นแล้วฟาดลงมา

ปึก

สากหยกมีสรรพคุณทำให้วิงเวียนศีรษะ หน้าผากของอันหลินถูกกระแทกเข้าอย่างจังโดยไม่ทันตั้งตัว ตาเหลือกแล้วหน้ามืดทันที