ตอนที่ 493 ความสัมพันธ์คลุมเครือกับคำโกหก / ตอนที่ 494 แฟมมิลีแมนเข้าครัว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 493 ความสัมพันธ์คลุมเครือกับคำโกหก

 

 

หลินจยาอวี่เบิกตาโพลงพยายามพูดด้วยใจสงบนิ่ง “จากมุมมองทางชีววิทยาความรักเพศเดียวกันนี้เป็นวิวัฒนาการระดับสูงไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่ฟังจือหันแต่งงานแล้ว ผู้ชายที่มีครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ยุ่งไม่ได้เด็ดขาด ฉะนั้นคุณตัดใจจากเขาซะเถอะ”

 

 

“ถ้าตัดใจไม่ได้ทำไง”

 

 

“ลู่เสวี่ยเฉิน บางคำก็อย่าให้ฉันต้องพูดออกมาต่อหน้า ต่อให้รักอย่างไรก็ไปเป็นมือที่สามเขาไม่ได้ ถ้ากล้าทำร้ายอวี๋กานกานล่ะก็ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

 

 

หลินจยาอวี่ขู่เตือน

 

 

อวี๋กานกานเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธอจะไม่ปล่อยเมียน้อยที่เป็นผู้ชายคนนี้เด็ดขาด ขืนยังทำลายความรักของเพื่อนรักเธอยิ่งไม่อนุญาตให้คนนั้นเป็นสามีในนามของเธออีกต่อไป

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหัวเราะแหะๆ “ผู้ชายอย่างฟังจือหันใจร้ายใจดำ เสี่ยวอวี๋กานไม่ใช่มวยถูกคู่ของเขาหรอก ถ้าผมฉุดฟังจือหันไปก็ถือว่าเป็นการช่วยเธอยกภูเขาออกจากอกมากกว่า”

 

 

สายตาของหลินจยาอวี่คมดั่งมีดมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างเย็นเยือกกระตุกมุมปาก “กรุณาอย่าหาข้ออ้างเพื่อที่คุณจะใช้ตีท้ายครัวคนอื่น”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินแสดงออกอย่างจริงจังหนักแน่น “ไม่หรอก ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่ตีท้ายครัวใครเด็ดขาด”

 

 

หลังจากเคลียร์กันครั้งนี้จบหลินจยาอวี่ก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องย้ายออกอีก ท่าทีก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นซึ่งไม่เหมือนการจงใจรักษาระยะห่างแบบนั้นอีก

 

 

แบบนี้ก็ดี แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนที่เธอปฏิบัติต่ออวี๋กานกานล่ะ

 

 

อย่างไรเสียต่อให้ห่างจากเขาไปไกล ถึงแม้จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควรแต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูกของเขา

 

 

เพื่อลูกต่อให้เขาต้องอันตรายถูกหลินจยาอวี่โขกสับ เขาก็ยังจะทำอย่างไม่ลังเลสักนิด

 

 

เพื่อความปลอดภัยมาพักหลังเจอฟังจือหันหลายครั้งลู่เสวี่ยเฉินมักจงใจแกล้งพูดหยอกล้อฟังจือหันต่อหน้าหลินจยาอวี่

 

 

เช่นเดียวกับวันนี้

 

 

อย่างเช่นไม่เจอกันหลายวันนายดูหล่อขึ้นเยอะเลย

 

 

อย่างเช่นมีความรู้สึกมาตั้งหลายปี ทำไมนายต้องเย็นชาใส่ขนาดนี้

 

 

อย่างเช่นบางครั้งฉันก็รู้สึกชอบนายมาก ทำไมเราไม่มาลองกันสักตั้งล่ะ เป็นต้น

 

 

คำพูดเลี่ยนๆ เหล่านี้ลู่เสวี่ยเฉินตั้งใจพูดให้หลินจยาอวี่ได้ยิน หากจะทำการรุกฆาตก็ต้องลับอาวุธให้คมเสียก่อน

 

 

หลินจยาอวี่ตั้งข้อสังเกตอยู่หลายครั้งก็พบว่าข้างกายของลู่เสวี่ยเฉินก็ไม่มีผู้หญิงคนไหน อีกทั้งเขาก็ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อผู้หญิงที่มาชอบเขา ท่าทีประหลาดจนน่าสงสัย จนถึงตอนนี้ก็แทบเชื่อสนิทอย่างไม่สงสัย

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินมองผู้หญิงในอ้อมกอดของเขา เธอสวยจริงๆ สวยจนแม้กระทั่งวิญญาณก็ถูกพรากไปจนหมดสิ้น กลิ่นหมออบอวลเตะปลายจมูกทำให้ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่

 

 

อวี๋กานกานไม่สบายใจเรื่องหลินจยาอวี่

 

 

เมื่อเห็นว่าเธอกับลู่เสวี่ยเฉินออกไปตั้งนานแล้วยังไม่กลับเข้ามาจึงแสดงสีหน้ากังวลและออกมาตามหา

 

 

พอดีกับที่เห็นลู่เสวี่ยเฉินตระกองกอดหลินจยาอวี่เบาๆ ในอ้อมแขน ทั้งสองคนกระซิบพึมพำคุยกัน ท่าทีแบบนี้ดูอย่างไรก็รู้สึกถึงความคลุมเครือ

 

 

อวี๋กานกานอึ้งอ้าปากค้าง

 

 

ถ้าหากเธอจำไม่ผิดล่ะก็ สองคนนี้แต่งงานกันแค่ในนามไม่ใช่เหรอ

 

 

เมื่อเห็นอวี๋กานกานหลินจยาอวี่จึงเผลอดันตัวลู่เสวี่ยเฉินออก เมื่อมือของลู่เสวี่ยเฉินลู่ตกลงมาที่ไหล่ของหลินจยาอวี่ เขามองอวี๋กานกานแล้วเอ่ยถาม “เสี่ยวอวี๋กาน เธอออกมาทำไม”

 

 

อวี๋กานกกานเก็บงำความสงสัยไว้ในใจแล้วเอ่ยถาม “ท้องเธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม ให้ฉันจับชีพจรให้เธอดีกว่าไหม”

 

 

หลินจยาอวี่มองอวี๋กานกานด้วยสายตาอ่อนโยนแฝงด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอกฉันไม่เป็นอะไร ไปเถอะเราไปกินข้าวกันต่อดีกว่า”

 

 

หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางกลับอวี๋กานกานก็ถามฟังจือหันด้วยความสงสัย “คุณรู้บ้างไหมว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่”

 

 

“ผมไม่รู้”

 

 

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์คลุมเครือแปลกๆ”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 494 แฟมมิลีแมนเข้าครัว

 

 

ตั้งแต่ที่หลินจยาอวี่ท้องก็กินเก่งขึ้นมาก เพิ่งจะกินข้าวกับอวี๋กานกานไปเมื่อครู่นี้ กลับบ้านกับลู่เสวี่ยเฉินดูทีวีได้แป๊บเดียวก็หิวอีกแล้ว

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินชินไปแล้วล่ะ เขามองเธอแล้วถาม “คืนนี้คุณอยากกินอะไรไหม”

 

 

“ตู้เย็นเหลืออะไรก็กินอันนั้นแหละค่ะ”

 

 

“ได้ รอแป๊บ” ลู่เสวี่ยเฉินหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องครัว

 

 

เขาหยิบผักจากตู้เย็นถกแขนเสื้อขึ้นแล้วค่อยๆ ล้างและหันผัก ใบหน้ารูปหล่องดงามไม่มีใครเทียบยามเข้าครัวช่างขัดกันเหลือเกินแต่การหยิบจับของเขากลับดูสะอาดเรียบร้อยและคล่องแคล่วมาก

 

 

หลายคืนมานี้ถ้าหลินจยาอวี่หิวมักจะเรียก ‘รูมเมท’ อย่างลู่เสวี่ยเฉินมาเข้าครัวเสมอ ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าลู่เสวี่ยเฉินขี้หงุดหงิด นิสัยเสียแต่ทำอาหารเก่งใช้ได้เลยทีเดียว

 

 

เธอเคยถามลู่เสวี่ยเฉินว่า “ทำไมคุณถึงทำอาหารเป็น”

 

 

“เพราะฟังจือหันทำไม่เป็น” ลู่เสวี่ยเฉินหมายถึงสมัยเรียนต่างประเทศอยู่หอเดียวกันกับฟังจือหัน ชีวิตเขาตกเป็นทาสฟังจือหันอย่างน่าสังเวช

 

 

ฟังจือหันคนใจไม้ไส้ระกำไม่อยากกินอาหารตามสั่งเดลิเวอร์รี่จึงวางแผนทำทุกหนทางให้เขาทำกับข้าวให้

 

 

ตอนนี้คิดๆ ดูก็รู้สึกโมโห

 

 

ส่วนหลินจยาอวี่เข้าใจผิดแล้วคิดว่าลู่เสวี่ยเฉินลงมือตุ๋นซุปเพื่อตามจีบฟังจือหัน

 

 

แต่ว่าตอนนี้ท้องเธอยังไม่โตมากนัก ลูกเพิ่งจะสามสี่เดือนเองก็กินจุซะแล้ว รอเธอคลอดออกมาก่อนเกรงว่าต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ

 

 

ผ่านครู่หนึ่งลู่เสวี่ยเฉินก็ทำอาหารโภชนาการครบถ้วนแต่รสชาติเบาไม่จัดจ้านออกมา

 

 

หลินจยาอวี่อร่อยจนหยุดไม่ได้ ลู่เสวี่ยเฉินผัดผักมีกลิ่นน้ำมันและควันติดตามตัวเขาควรจะไปอาบน้ำได้แล้ว เมื่อออกมาเห็นอาหารที่ตัวเองทำถูกกินจนเกลี้ยงทั้งหมด

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินมองจานชามว่างเปล่าบนโต๊ะอาหารก็อึ้งชะงักอยู่กับที่ เมียเขาชักจะกินเก่งเกินไปแล้ว

 

 

ผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์สวยงามกลับเป็นราชากระเพาะใหญ่ภาพพจน์กินจุช่างขัดกันจริงๆ

 

 

เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ดึกแล้วกินเยอะขนาดนี้ระวังอาหารไม่ย่อยนะคุณ”

 

 

หลินจยาอวี่นึกไม่ถึงเมื่อมองลู่เสวี่ยเฉินจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกินเยอะมากไปแล้ว

 

 

“กับข้าวที่คุณทำอร่อยมาก ถ้าฉันกินไม่หมดถือเป็นการไม่ให้เกียรติคุณ” เธอพูดอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองแล้วลุกขึ้นเก็บจานชาม “กินเสร็จแล้วฉันลุกไปล้างจานออกกำลังสักหน่อย”

 

 

“ไม่ต้อง คุณนั่งเถอะเดี๋ยวผมทำเอง”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินกดหลินจยาอวี่นั่งลง ส่วนตัวเองเก็บจานชามไปล้างที่ห้องครัวค่อยๆ ล้างจนสะอาดดี

 

 

หลินจยาอวี่พิงพนักโซฟาลูบท้องที่กินข้าวจนอิ่มแปล้ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากในครัวจู่ๆ ก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย

 

 

หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ในขณะที่กำลังจะเผลอหลับเธอจึงส่ายหน้าไปมารีบนั่งตัวตรง เดินเข้าไปในห้องครัวคุยกับลู่เสวี่ยเฉินสองสามคำก็กลับห้องไปอาบน้ำ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินล้างจานเสร็จแล้ว หลินจยาอวี่ก็หลับแล้ว ดวงตาปิดสนิทได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเพียงแต่มือและขาปัดป่ายอยู่ข้างนอก

 

 

เขาย่องเข้าไปเบาๆ เอามือของเธอสอดใต้ผ้าห่มแล้วห่มผ้าให้ดีๆ

 

 

เจียงหลีที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วขนตางอนยาวทำให้เขาอยากสัมผัสแต่ก็กลัวปลุกเธอตื่น สุดท้ายยังคงอดทนได้

 

 

สายตาของเขาค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ ในที่สุดก็หยุดตรงหน้าท้องของหลินจยาอวี่โน้มตัวลงเชื่องช้าเอาหูแนบบนผ้าห่มฟังความเคลื่อนไหวข้างในนั้นอย่างเงียบๆ

 

 

ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

 

 

สามสี่เดือนเองจะได้ยินเสียงลูกดิ้นหรือเปล่านะ น่าจะไม่มีหรอกมั้ง นี่เขากำลังทำอะไร ลู่เสวี่ยเฉินยกยิ้มมุมปากแล้วออกไปอย่างเบาเสียงที่สุด