Ep.262 เรื่องผิดพลาด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

ณ เมืองห้าหุบเขา สายลมเย็นพัดผ่านใบไม้แห้งปลิวไปทั่วเมืองจนทหารยามสองคนยืนสั่นเทาด้วยความหนาว

“จ้างซานเอ้อ เจ้าคิดว่านั่นคืออะไร?”

“สิ่งใดกัน?”

“สุดปลายถนนที่มีควันโขมงอยู่ เจ้าได้ยินเสียงพื้นสั่นสะเทือนนี่หรือไม่?”

“ข้าได้ยิน…พระเจ้า นั่นมันทัพทหารม้า!”

สองทหารยามมองออกไปด้านนอกกำแพงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเห็นชายคนหนึ่งสวมชุดศึกควบม้ามา “ปิดประตูเมืองและเตรียมการตั้งรับ! จากนี้ไปอย่าให้ใครเข้าออกเมืองห้าหุบเขา! ลั่นกลองรบเตือนศัตรูกำลังใกล้เข้ามา!”

“ตึง…ตึง…ตึง…”

เสียงลั่นกลองรบสนั่นไปทั่วเมืองห้าหุบเขา หูเถี่ยหนิงนั่งอยู่ในจวนผู้ว่าการด้วยท่าทีวิตกกังวลพลางขมวดคิ้วกล่าว “เหตุใดกัน…เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้…หลงเซียนหลินอยู่ที่ไหน?” ทหารค่ายเขาเหินไปไหนกันหมดยามที่ข้าต้องการที่สุด!”

ทหารเกษียณอายุนายหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างคำนับพลันเอ่ยขึ้น “ท่านผู้ว่า แม่ทัพหลงเซียนหลินนำทัพเขาเหินไปยังเมืองหน้าด่านชางหนานพื่อฝึกตามคำสั่งของท่านมิใช่หรือขอรับ?”

“ท่านสวี่ เช่นนั้นลองตอบข้ามาว่าข้าควรทำอย่างไร?” หูเถี่ยหนิงสับสน

สวี่สงบสติอารมณ์และถอนหายใจ “หากซูฉินกล้านำทัพบุกมายังเมืองห้าหุบเขาเช่นนี้แสดงว่าข่าวเรื่องการฟอกเงินของเรารู้ถึงหูองค์จักรพรรดิแล้วเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่คิดก่อเหตุประทุษร้ายขุนนางได้ ทว่าหากเราส่งกองทหารออกไปก็เท่ากับต่อต้านจักรวรรดิเช่นกัน ข้าจึงอยากแนะนำว่าให้อยู่ในเมืองรอกองทัพของซูฉินเข้ามาและทำการเจรจา บางทีเราอาจหลีกเลี่ยงได้ขอรับ”

“หลีกเลี่ยงอย่างนั้นรึ?”

หูเถี่ยหนิงสบถ “ฟอกเงินมีโทษทัณฑ์ถึงตาย ยังจะมีทางใดหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้อีก?”

“ท่านอย่าลืมสิขอรับ” สวี่คลี่ยิ้มก่อนจะกล่าวต่อ “แม่ทัพเซี่ยงอวี้หลานชายของท่านยังคงทำหน้าที่ผู้บัญชาการสารวัตรทหารในเมืองหลวงนะขอรับ ไม่ว่าจะเป็นการมอบรางวัลหรือลงโทษล้วนเป็นอำนาจของเขาทั้งสิ้น แม้แต่ซูฉินยังเทียบเขาไม่ได้ หากจะให้กล่าว…ท่านมีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้คุมกฏแห่งเมืองหลวง ดังนั้นต่อให้ท่านถูกซูฉินแจ้งจับ ผู้บัญชาการเซียงอวี้ก็สามารถยื่นอุทธรณ์แก่องค์จักรพรรดิได้ ตราบใดที่ยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน ท่านจะรักษาชีวิตไว้ได้อีกนานขอรับ”

หูเถี่ยหนิงแววตาลุกโชน “ท่านหมายถึง…ให้ข้ายอมไปกับพวกมันก่อนและค่อยกลับมาอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้วขอรับ!”

สวี่กล่าวต่อ “ท่านอย่าได้กังวล…แกล้งยอมแพ้ไปก่อน ท่านทำงานให้มณฑลชางหนานมาหลายปี เพียบพร้อมไปด้วยลูกศิษย์ นอกจากนี้เรายังมีเหรียญทองกว่าสิบล้านเหรียญเก็บไว้ที่เทือกเขาฉินหลิง อีกทั้งข้าได้สั่งให้คนไปที่หลิงหนานเพื่อร้องขอให้ฉินอี้ช่วยเหลือท่านแล้ว แม้ท่านจะไม่ได้กลับมาเป็นผู้ว่าการ แต่อย่างน้อยเขาก็คงช่วยให้ท่านได้เป็นผู้อาวุโสดูแลเมืองหยินซาน ท่านเห็นด้วยหรือไม่?”

“ทำตามที่ท่านว่าเลย!” หูเถี่ยหนิงตอบ

“ขอรับ!”

สวี่หันไปออกคำสั่งแก่คนทหารคนอื่นๆ ก่อนจะกลับมาหาหูเถี่ยหนิง “แต่งตัวเถิดขอรับท่านผู้ว่า เราจะได้ออกไปพบกับกองกำลังของซูฉิน กองกำลังที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิ คงไม่เสียเวลามารอเราเช่นนี้ขอรับ”

“อืม”

หูเถี่ยหนิงเอ่ยถามขณะสวมชุดประจำตำแหน่งผู้ว่าการพร้อมเกราะ “กองกำลังในเมืองเหลืออยู่เท่าไร?”

สวี่ตอบ “ทหารค่ายเขาเหินหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายไปกับแม่ทัพหลง ตอนนี้เหลืออยู่ในเมืองเพียงสามหมื่น ซึ่งจากการรายงานกองทัพจากเมืองหยาดสายัณห์มีราวเจ็ดหมื่นคน พี่น้องซูฉินและซูอวี่นำทัพทหารเขี้ยวกระบี่และฉินหลงด้วยตนเอง คงหมายจะเอาชนะโดยไม่ต้องเปลืองแรงมาก”

“เข้าใจละ…”

หูเถี่ยหนิงกล่าวต่อ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ ข้าไม่น่าไว้ใจให้พวกสำนักอัศวินขุดเหมืองตั้งแต่แรก บัดซบ…ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้เด็กชั่วหลินมู่อวี่ มิเช่นนั้นเรื่องเหมืองทองก็จะไม่ถูกเปิดเผย!”

“มาพูดเอาตอนนี้คงไม่ช่วยอะไรขอรับท่านผู้ว่า…”

“เออ…”

ด้านนนอกเมือง กองทัพหยาดสายัณห์เคาะโล่จนเกิดเสียงอึกทึกดังแข่งกับเสียงลั่นกลองของเมืองห้าหุบเขา “หูเถี่ยหนิงจงออกมาพบท่านแม่ทัพบัดเดี๋ยวนี้!”

ซูฉินในชุดศึกชูดาบยาวในมือขึ้นขณะนั่งอยู่บนหลังม้าสีดำ “ข้า…ซูฉิน นำราชโองการจากองค์จักรพรรดิมาแจ้งแก่เจ้าหูเถี่ยหนิง! หากเจ้าไม่ยอมเปิดประตูเมือง ข้าจะใช้กำลังบุกเข้าไป อยากจะรู้นักว่ากำแพงเมืองเจ้ากับปลายหอกของพวกข้าอะไรจะแข็งกว่ากัน!”

ยามเฝ้าประตูรีบโค้งคำนับแก่ซูฉิน “ท่านแม่ทัพ นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมาก ท่านผู้ว่าการออกราชการอยู่ขณะนี้จึงไม่สามารถมาพบท่านได้ขอรับ ขอท่านโปรดไตร่ตรองอีกครั้งเถิด…”

“ข้าก็ไตร่ตรองอยู่!”

ซูฉินตะโกนลั่น “เปิดประตูเสีย มิเช่นนั้นข้าจะพังมันเข้าไป!”

ทหารยามหนุ่มคนหนึ่งเอ่ย “เมืองห้าหุบเขาเป็นเมืองหลวงของมณฑลชางหนาน ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้ได้อย่างไร หากท่านยังคิดจะใช้กำลังก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”

“บังอาจนัก!”

ซูฉินโมโหหนัก ดึงบังเหียนม้าไปยังแนวหน้าแถวกองทัพเขี้ยวกระบี่พลางชูดาบยาวในมือ “ถึงเวลาจัดการกับกบฏของอาณาจักรแล้ว พี่น้องทั้งหลายเตรียมบุกได้!”

เสียงลั่นกลองศึกดังสนั่นกว่าครั้งไหน ขณะที่กองทัพซูฉินเตรียมพร้อมบุกเข้าเมืองได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้นประตูเหล็กหนาก็เปิดออก หูเถี่ยหนิงและลูกน้องควบม้าออกมาจากในเมือง

ซูฉินขมวดคิ้ว ด้านข้างมีแม่ทัพหญิงอายุราวสามสิบปี หน้าตาละม้ายคล้ายฉินอิน แม่ทัพผู้นี้คือซูอวี่ของสาวของซูฉิน

ซูอวี่เมื่อเห็นหูเถี่ยหนองเดินออกมาก็เผยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ดูเหมือนเราคงไม่ต้องโจมตีเมืองแล้ว หูเถี่ยหนิงคงออกมาขอประนีประนอม”

ซูฉินยิ้มก่อนจะควบม้าเข้าไปหาหูเถี่ยหนิง “ ไม่เจอกันนานผู้ว่าการหูเถี่ยหนิง…”

หูเถี่ยหนิงรีบลงจากม้าและคุกเข่าพลางยื่นตราผู้ว่า “ข้าไม่ทราบว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิจึงกล่าวหาข้าเช่นนี้ หากพระองค์อยากให้ข้าตาย ข้าคงขัดขืนไม่ได้ นี่คือหยินโฉว ตราผู้ว่าการแห่งมณฑลชางหนาน ท่านแม่ทัพโปรดรับไปเถิด”

“เจ้ารู้ดีนี่ว่าต้องทำเช่นไร”

ซูฉินยิ้ม “แต่ท้ายที่สุดแล้วกฎก็คือกฎ นำตัวมันไปใส่กรงขังแล้วทำการยึดเมืองห้าหุบเขาเสีย!”

“ขอรับ!”

กลุ่มทหารหยาดสายัณห์นำรถเข็นมา มันบรรทุกกรงที่มีรูปทรงแปลกประหลาด ทุกซี่ของมันจะล้อมรอบไปด้วยหนามแหลม ทำให้นักโทษที่ถูกขังด้านในไม่สามารถขยับตัวได้ มิเช่นนั้นจะถูกหนามแทง

“ร…รถหนาม”

หูเถี่ยหนิงฉายแววตาแห่งความโกรธออกมาทันใด “ท่านแม่ทัพหมายความว่าอย่างไร จะใช้รถหนามกับข้าอย่างนั้นรึ?”

“เจ้ามีปัญหารึ?”

ซูฉินเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าทำผิดฐานฟอกเงิน ยังไม่เพียงพอต่อการได้นั่งรถหนามอีกหรือ?”

“เจ้า!”

หูเถี่ยหนิงสบถออกมาอย่างฉุนเฉียว สวี่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันเอ่ยกระซิบ “ท่านผู้ว่าขอรับ อดทนไว้เถิด ซูฉินเป็นคนบ้าบิ่น ไม่มีประโยชน์จะขัดขืนขอรับ”

เมื่อได้ฟังดังนั้นหูเถี่ยหนิงก็สงบปาก “ตามที่ท่านต้องการเลยแม่ทัพซูฉิน!”

ซูฉินคลี่ยิ้ม “ถอดเกราะหูเถี่ยหนิงออก”

ทหารหลายนายกรุเข้ามาช่วยกันถอดเกราะหูเถี่ยหนิงออกตามคำสั่ง

หูเถี่ยหนิงรู้สึกเหมือนถูกกระทำเกินเหตุ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา ทว่าทันทีที่มือของทหารนายหนึ่งสัมผัสร่างของหูเถี่ยหนิง เขาก็พลันชักดาบยาวจากเอวออก “ไอ้สารเลว!”

ซูฉินเห็นหูเถี่ยหนิงชักดาบออกพร้อมกับเสียง “ฉึก” ที่ดังมาจากทางด้านหลัง ปลายธนูแหลมปักทะลุคอของหูเถี่ยหนิงจนเลือดสาด! มือของเขายังง้างดาบอยู่กลางอากาศ ไม่ทันได้ทำสิ่งที่ตั้งใจร่างหนาก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจทันที!

หูเถี่ยหนิงตายแล้ว!

ซูฉินยืนอึ้งก่อนจะมองหามือธนู “จางซ่านทง! ไอ้คนโง่เง่าเจ้ายิงหูเถี่ยหนิงทำไม?”

จ่าจางซ่านทงถือันธนูอยู่ในมือ ก่อนจะรีบโค้งคำนับ “ข้าเห็นหูเถี่ยหนิงยกดาบหมายจะสังหารท่านแม่ทัพ ข้าจึงชิงยิงเขาก่อนขอรับ”

ซูฉินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ไอ้โง่! องค์จักรพรรดิและองค์หญิงมิได้ต้องการให้สังหาร เจ้าบังอาจขัดต่อพระประสงค์ของทั้งสองพระองค์!”

จางซ่านทงรีบลงจากหลังม้าและคุกเข่าโดยพลัน “ข้าน้อยสมควรตาย โปรดท่านแม่ทัพลงโทษข้าเถิด!”

“ช่างเถิด…ข้าไม่อยากเสียเวลากับเจ้า”

ซูฉินมองศพของหูเถี่ยหนิงพลางพูดพึมพำ “ตายไปเสียก็ดี คนอย่างชั่วมัน…”

ทันใดนั้นก็มีเสียงม้าควบมาแต่ไกล พร้อมกับชายคนหนึ่งถือทวนเหล็กตะโกนลั่นแหวกฝูงชนมา “หลีกไป หลีกทางให้ข้า!”

คนที่รีบเร่งเข้ามาไม่ใช่ใครแต่เป็นหลงเซียนหลิน!

เมื่อหลงเซียนหลินเข้ามาในวงล้อมได้สำเร็จ เขาก็พบพ่อตาของตนนอนจมกองเลือดด้วยธนูปักคาอยู่ หลงเซียนหลินสั่นเทิ้มเข่าทรุดลงกับพื้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด “ท่าน…ท่าน…”

“เจ้าคือหลงเซียนหลินรึ?” ซูฉินเอ่ยถามขณะเดินเข้าไปหา

หลงเซียนหลินไม่เอ่ยสิ่งใดนอกจากอุ้มร่างไร้วิญญาณของหูเถี่ยหนิงมุ่งหน้าเข้าเมืองหน้าหุบเขา

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

ซูฉินคำรามลั่น “หลงเซียนหลินข้าบอกให้เจ้าหยุด!”

กระทั่งหลงเซียนหลินหยุดอยู่ตรงประตูเมือง เขาหันกลับไปมองซูฉินด้วยสายตาแห่งความเคียดแค้นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ปิดประตูเมือง เตรียมพร้อมรบ!”

…………………