Ep.263 เทพสงครามกับเทพสังหาร

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

“ปัง!”

ประตูเมืองถูกปิดอย่างแรง หลงเซียนหลินยกร่างของหูเถี่ยหนิงให้นายจ่าคนหนึ่งดูแลก่อนจะคว้าทวนยาวและวิ่งขึ้นไปบนกำแพงเมือง “ข้า หลงเซียนหลินกลับมาแล้ว! ปิดประตูเมืองพร้อมรบ! เตรียมพร้อมยิงธนู ลูกหิน และท่อนซุง!”

ด้วยศักดิ์ศรีแห้งกองกำลังเมืองห้าหุบเขา หลงเซียหลินนั้นไม่เป็นรองใคร กลุ่มทหารเมื่อเห็นหลงเซียนหลินกลับมาก็มีกำลังใจอย่างมาก ต่างตระเตรียมสิ่งที่ควรทำในทันที

เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามพร้อมรบ ซูฉินก็โมโหจัดชี้ดาบไปยังเมืองห้าหุบเขาและตะโกนลั่น “หลงเซียนหลิน การตายของหูเถี่ยหนิงเป็นเพียงอุบัติเหตุ อย่าคิดต่อต้านเรามิเช่นนั้นเจ้าจะเสียใจ!”

หลงเซียนหลินมองอย่างเหยียดหยาม “การตายของท่านผู้ว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุอย่างนั้นรึ? ฮ่าๆๆ น่าขันสิ้นดี! ซูฉิน วันนี้เจ้าต้องตกตายที่เมืองห้าหุบเขาแห่งนี้ ต่อให้มันจะเป็นอุบัติเหตุก็ตาม!”

“ไอ้สารเลว!”

ซูฉินคำรามลั่น “บุกเมืองได้!”

ทหารพากันลงจากหลังม้าก่อนจะจับโล่และวิ่งเข้าใส่กำแพงเมืองทันที เนื่องจากฝั่งศัตรูเพิ่งมาถึงและยังไม่ได้เตรียมการรบใดๆ มีเพียงที่กั้นประตูและทหารจำนวนหนึ่งเท่านั้น กองทัพซูฉินจึงใช้โอกาสนี้บุกเข้าประตู

“ยิงธนู!”

หลงเซียนหลินออกคำสั่ง ฝนธนูถูกยิงใส่กองทัพหยาดสายัณห์ทันที! แม้จะมีโล่แต่ก็กันได้ไม่หมดทำให้บางส่วนถูกธนูยิงตาย อีกทั้งยังมีก้อนหินกลิ้งลงมาทัพจากกำแพงเมืองอีก ซูฉินโมโหจนถึงขีดสุด

“ท่านพี่”

ซูอวี่ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เราไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีแต่แรก ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เรากำลังเสียเปรียบ ข้าคิดว่าเราควรรอกองทัพท่านพ่อก่อน ท่านมีอาวุธหนักทั้งบันไดและที่ยิงหิน หากเราขืนบุกไปทั้งที่ไม่พร้อมก็เท่ากับส่งทหารไปตายเปล่า”

ซูฉินกำหมัดแน่นพลางกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ไอ้หลงเซียนหลิน ข้าจะแยกร่างมันเป็นชิ้นๆ ให้ได้ ทั้งถอยก่อน!”

ทว่าเมื่อทัพหยาดสายัณห์ถอยได้ไม่นาน หลงเซียนหลินก็ตะโกนสั่ง “พี่น้องข้า ตั้งขบวนหอกและโล่ ให้พวกมันได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่ง!”

ประตูเมืองห้าหุบเขาเปิดออกอีกคราพร้อมกับกองทัพทหารถือหอกและโล่กว่าหมื่นนาย ทุกนายเป็นทหารฝีมือดีที่ถูกคัดเลือกมาแล้ว ทั้งพลังและความแข็งแกร่งนับได้ว่าหาตัวได้ยาก ทั้งหมดตั้งขบวนรบและส่งเสียงโห่ร้องยั่วยุซูฉิน

“พวกกองทัพสวะ!”

ซูฉินสะบัดดาบในมือทันใด กองทัพเข้าปะทะอีกครั้งจนทหารฝั่งศัตรูถูกฆ่าเรียบสองพันคนในพริบตา

กองทัพหยาดสายัณห์ปาหอกก่อนจะเข้าประชิดตัว “ปิด!” หลงเซียนหลินมองออกสั่งให้ทหารของตนประสานโล่เป็นกำแพงเหล็ก “เคร้งๆๆ” เสียงหอกปะทะกับกำแพงโล่ดังอย่างต่อเนื่องทว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมื่อกองทัพหยาดสายัณห์เข้าประชิด หลงเซียนหลินก็ออกคำสั่งอีกครั้ง “เปิด!”

ทันใดนั้นกำแพงโล่ก็แยกออกเพื่อให้หอกเหล็กแทงทะลุได้ อาศัยช่องว่างระหว่างโล่หอกยาวเสียบม้าศึกจนล้ม และเปลี่ยนคอยสับเปลี่ยนตั้งรับการโจมตีเรื่อยๆ เพียงพริบตาศพทหารก็เกลื่อนกลาดไปทั่วพื้น

“พลธนูเตรียมพร้อม ยิง!” หลงเซียนหลินออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง

พลธนูที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมือกระหน่ำยิงกระทั่งกองทัพหยาดสายัณห์ล้มตายหลายนาย

ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีทหารสองพันนายของซูฉินก็เหลือไม่ถึงห้าร้อยในขณะที่ทัพห้าหุบเขาเสียคนไปเพียงร้อยกว่านาย

ซูอวี่ทนมองไม่ไหวจึงเอ่ยเตือน “ท่านพี่ เราฝืนสู้เช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ สั่งให้ทหารถอยเถิด!”

ซูฉินกัดฟันกรอดและกำหมัดแน่น “ถอยก่อน!”

ซูฉินมองไปยังเมืองห้าหุบเขาด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชัง “ข้าสาบาน หลงเซียนหลิน…ข้าจะถล่มเมืองของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลองและฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”

ตกค่ำ กองทัพหยาดสายัณห์เจ็ดหมื่นนายตั้งค่ายอยู่นอกเมืองห้าหุบเขาเห็นได้จากแสงไฟที่สว่างไปทั่ว กลุ่มทหารในเมืองกำลังช่วยกันขนก้อนหินและไม้มาป้องกันเมือง หลงเซียนหลินหน้าตาไม่สู้ดี ค่อยๆ ใช้ทวนประคองน่างของตนไปกับกำแพง

สวี่เดินเข้าไปเอ่ยถาม “แม่ทัพหลง…ศพของท่านผู้ว่า…”

“เอาไปฝังไว้นอกเมือง”

หลงเซียนหลินตอบก่อนจะถามต่อ “สถานการณ์ทางฝั่งใต้เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ส่งทหารหมื่นนายไปคุ้มกันแล้วขอรับ ไม่มีใครหลุดรอดเข้ามาได้แน่นอน”

“ดี…”

หลงเซียนหลินเงยหน้ามองท้องฟ้า “คืนนี้มีเมฆครึ้มนัก ไม่มีแม้แต่ดาวสักดวง สั่งเตรียมพร้อมโจมตีค่ายของซูฉินคืนนี้”

“โจมตีกลางดึกหรือขอรับ?”

สวี่เผลอสบถ “แม้ซูฉินจะดูเป็นคนบ้าบิ่นทว่าเขาก็เป็นทหารมานาน เขาคงมองออกว่าเราจะซุ่มโจมตีกลางดึกเช่นนี้”

หลงเซียนหลินยิ้มกริ่ม “ใช่…ข้ารู้ ทว่าเราไม่มีทางเลือกอื่น ตอนเที่ยงคืนข้าจะนำทัพห้าพันคนออกจากเมืองและบุกโจมตีพวกมัน ท่านอวี่มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าข้าจะไปทำภารกิจ สั่งเปิดประตูทางใต้และอพยพคนไปให้หมด ส่วนเวี่ยวอวิ๋นข้าขอมอบหมายให้ท่านดูแลนาง”

“แม่ทัพ…”

สวี่ร่างสั่นเทิ้ม “แล้ว…เราจะอพยพไปที่ใดเล่า? ทั่วทั้งแผ่นดินนี้เป็นของจักรวรรดิ ยังมีที่ใดให้ไปอีกสำหรับคนทรยศอย่างเรา?”

หลงเซียนหลินสูดหายใจลึก “ไปที่เมืองหลิงหนาน สี่มณฑลหลักทางใต้ของภูเขาฉินหลิงคงพอมีที่ให้เราซ่อนตัวได้ จากนั้นให้ตามหาหลินอวี่ญาติข้าในเมืองหยาดสายัณห์และขอที่หลบภัยจากเขา ข้าเชื่อว่าจักรวรรดิคงไม่ตามล่าเราที่นั่น”

“แม่ทัพหลินอวี่?”

สวี่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน “ตำนานหลินอวี่ หนึ่งในเจ็ดแม่ทัพแห่งอาณาจักรผู้นั้นเป็นญาติของท่านหรือ?

“ใช่ บ้านเกิดข้าอยู่เมืองหยาดสายัณห์ รีบไปเตรียมตัวเถิด เราไม่มีเวลาแล้ว หากข้ารอดไปได้ข้าจะไปตามหาท่านและเสี่ยวอวิ๋น ฉะนั้นพวกท่านเองก็จงรอดไปให้ได้”

“ขอรับ!”

สวี่ประสานกำปั้นย่อเข่าคำนับ “ประชาชนทุกคนแห่งเมืองห้าหุบเขาติดหนี้บุญคุณท่าน ซูฉินนั้นเป็นคนมุทะลุและเหี้ยมโหด ต่อเมื่อท่านพ่ายแพ้ทั้งเมืองคงมอดไหม้อย่างไม่ต้องสงสัย”

“อืม…”

เที่ยงคืน ประตูเมืองฝั่งเหนือเปิดออกอย่างเงียบๆ ทหารกว่าห้าพันคนพร้อมม้าศึกที่ห่อกีบเท้าด้วยผ้าทยอยออกจากเมืองอย่างรวดเร็วตรงไปยังค่ายพักแรมของซูฉิน

หลงเซียนหลินถือทวนเหล็กควบม้าไปด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเพื่อเอาชนะศึกนี้

“ตูม!”

ทหารหลายนายเหยียบกับดักหลุมยุบตกลงไปด่านล่าง ศัตรูเตรียมการไว้นานแล้ว!

“ไปต่ออย่าหยุด!”

หลงเซียนหลินออกคำสั่ง “แนวหน้าเตรียมโล่ป้องกัน ระวังพลธนู!”

อย่างที่คาด ธนูนับไม่ถ้วยถูกยิงมาจากในป่า ทหารที่ถูกยิงส่งเสียงร้องระงม เพียงพริบตาเดียวหลายร้อยคนก็ถูกระดมยิงจนบาดเจ็บ

กระทั่งเบื้องหน้าของหลงเซียนหลินปรากฏร่างของซูฉินพร้อมกองทัพ เขายืนถือดาบยาวมองด้วยความอาฆาต “เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!”

“ฆ่ามัน!”

หลงเซียนหลินนำกองทัพของตนเข้าปะทะโดยไม่เอ่ยคำใด ทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด! หลงเซียนหลินควบม้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับวิญญาณยุทธ์ที่เปล่งแสงออกมา ทวนยาวถูกขว้างทะลวงศัตรูอย่างต่อเนื่องราวกับมังกรบินโฉบ เพียงพริบตาเดียวร่างของหลงเซียนหลินก็โชกด้วยเลือดของศัตรูราวกับเทพเจ้าสงคราม

ด้านหลังของหลงเซียนหลิน ทหารพันนายของเมืองห้าหุบเขาติดตามเทพสงครามของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตามเขาไปแล้วเราจะรอด!”

ขณะเดียวกัน ซูฉินก็กระชับดาบในมือด้วยวิญญาณยุทธ์ของตน ตัดหัวศัตรูจนล้มตายทีละคน หากหลงเซียนหลินถูกเรียกว่าเทพสงคราม ซูฉินคงเปรียบเหมือนเทพสังหารแห่งกองทัพเขี้ยวกระบี่ ด้วยจำนวนคู่ต่อสู้ที่มีมาก ซูฉินจึงเร่งออกคำสั่งตามกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง กระทั่งสลายทัพห้าพันคนของหลงเซียนหลินจนแทบสิ้น

เสียงสู้รบดังระงมไปทั่วทุกบริเวณของผืนป่า เศษซากสิ่งมีชีวิตกระจายเต็มพื้น วิญญาณของเหล่าคนตายต่างโหยหวนหลุดลอยไปราวกับสายลม

ทุกคนต่างตกตะลึงกับหลงเซียนหลิน ที่ห้าวหาญนำทัพเข้าโจมตีข้าศึกอย่างไม่หวาดหวั่น แม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากแต่ก็พยายามฝ่าไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยราวกับเกิดมาเพื่อฆ่า!

ทหารในสมรภูมิเริ่มลดน้อยลงทุกขณะ หลายคนตายด้วยน้ำมือของหลงเซียนหลิน

เพื่อแข่งกับเวลา หลงเซียนหลินตวัดทวนฟาดฟันทหารจากเมืองหยาดสายัณห์คนแล้วคนเล่า “ตามข้ามา เราจะฝ่าพวกมันไป!”

อย่างไรก็ตามคนของหลงเซียนหลินก็เหลือเพียงสามร้อยกว่าเท่านั้น ระหว่างที่กำลังฝ่าทะลวงเข้าไป พลันกองทัพที่แข็งแกร่งก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า กองทัพฉินหลงของซูอวี่!

“ฝ่ามันไป!”

หลงเซียนหลินกระโจนเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว ขว้างทวนยาวราวกับมังกรคลั่ง “เคร้ง!” กระทั่งทวนยาวกระทบกับคมดาบของซูอวี่ ทว่าเขาไม่หยุดเพียงเท่านั้น ดึงทวนกลับมาก่อนจะฟาดเข้ากลางหลังของซูอวี่! ดูเหมือนหลงเซียนหลินจะมีความสามารถเหนือกว่าสองพี่น้องอย่างซูฉินและซูอวี่

โลกนี้หมุนไปเร็วยิ่งนัก หิมะเริ่มโปรยปรายอีกครา

ณ ประตูเมืองฝั่งใต้ของเมืองห้าหุบเข้า มีไฟโหมกระหน่ำสว่างไปทั่วผืนฟ้า กองทัพห้าหมื่นนายของเมืองห้าหุบเขาถูกสังหารโดยทัพหยาดสายัณห์ เสียงร้องระงมกึกก้องไปทั่ว

“เฮ้อ…”

ณ ค่ายทหารเมืองหยินซาน ภายใต้แสงเทียนหลินมู่อวี่กำลังศึกษาตำราสัตตะพิชัยยุทธ์ด้วยอาการหนาวสั่นจากความเย็นที่แผ่เข้ามา เขาขมวดคิ้วถาม “เหลืออีกเท่าไร?”

ทหารยามตอบ “อีกสามขอรับ”

“มีข่าวจากเมืองห้าหุบเขาบ้างหรือไม่?”

“ไม่มีขอรับ”

หลินมู่อวี่กระวนกระวายใจเล็กน้อยก่อนจะวางตำราลง “ตามคำสั่งที่ได้รับ ตอนนี้กองทัพของซูฉินคงไปถึงเมืองห้าหุบเขาแล้วสินะ…”

“ขอรับท่านแม่ทัพ”

…………………