บทที่ 153 ถอนพิษ

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 153 ถอนพิษ

 

สามวันผ่านไป อสูรกายระดับฝึกจิตในเขตแดนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว พวกมันรับรู้ได้ว่าพลังของมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงนั้นได้หายไปแล้ว มีอสูรกายที่มีความกล้าสูง ๆ อยู่สิงสามตัว ได้ปล่อยพลังการสำนึกเข้ามาสำรวจยังริมทะเลสาบแห่งนี้

หลัวซิวกำลังฝึกพลังก่อรวมวิญญาณปรับแต่งการรับรู้จิตวิญญาณของตัวเอง เมื่ออสูรกายระดับฝึกจิตแพร่การสำนึกเข้ามานั้น เขาก็สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด

และพอดีกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อาการหนักอยู่นั้นก็ฟื้นขึ้นมา การสำนึกอันแรงกล้าที่แพร่ออกมาจากร่างของนาง ก็ได้ทำลายการสำนึกของเหล่าอสูรกายให้สลายไปจนหมดสิ้น

เหล่าอสูรกายระดับฝึกจิตที่หลบซ่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัว ถึงแม้มังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วง แต่กลับมีพลังที่แกร่งกล้ามากกว่าเดิมยึดคลองอยู่ที่ริมทะเลสาบแห่งนั้น

สามารถฆ่ามังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงได้ เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เข้ามายึดดินแดนแห่งใหม่ผู้นี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเพียงใด ทำให้พวกมันไม่กล้าที่ย่างกรายเข้ามายึดครองที่แห่งนี้

เมื่อเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์ฟื้นขึ้น ดวงตาของหลัวซิวก็รี่ลง

ว่ากันตามจริง เขาก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะปฏิบัติต่อเขาอย่างไรเมื่อนางฟื้นขึ้นมา ด้วยลมหายใจที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าลู่เฟยเฉิน ปรมาจารย์คนก่อนของนอกสำนักเซียวเหยาเสียอีก!

ฝึกจิตขั้นเก้า ครึ่งทางสู่ราชายุทธ์?

เมื่อเทียบกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ ซึ่งมีผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งเมื่อครั้งยังอยู่ที่แดนจักพรรดิยุทธ์ ไม่ว่าครึ่งทางสู่ราชายุทธ์หรือฝึกจิตขั้นเก้าก็คงไม่ใช่เรื่องเรื่องสำคัญอะไรเลย

เหยียนเยว่เอ๋อร์มองมาที่หลัวซิว แต่แล้วใบหน้างดงามนั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ตอนที่ข้าสลบไป นางให้ข้ากินหญ้าวิญญาณหรือ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์ถามพลางขมวดคิ้ว สีหน้าแดงระเรื่อ

“ใช่” หลัวซิวตอบตามตรง

“กี่ลูก?”

“เจ็ดลูก …”

คำถามและคำตอบง่าย ๆ ผ่านไป ความผิดปกติของร่างกายเหยียนเยว่เอ๋อร์เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หน้าสวยแดงก่ำ ริมฝีปากแดงถูกขบเบา ๆ นัยน์ตาสวยพร่ามัวเล็กน้อย

“นี่เจ้า… ให้ข้ากินหญ้าวิญญาณเจ็ดลูกอย่างนั้นเหรอ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์มองหลัวซิวด้วยความโกรธเคือง เปลวเพลิงที่อยู่ในใจเริ่มปะทุขึ้นเรื่อย ๆ

หญ้าวิญญาณมีผลในการรักษาเทพจิตวิญญาณ เป็นยาชนิดพิเศษ แต่กลับมีส่วนผสมคล้าย ๆ กับยาราคะซึ่งเป็นพิษอยู่ด้วย

ถ้าหากใช้หญ้าวิญญาณร่วมกับยาวิเศษอื่น ๆ จะได้เป็นยาฟื้นวิญญาณ พิษในยาวิเศษนั้นจะถูกหลอมรวมกับยาชนิดอื่น ๆ และความเป็นพิษจะสลายไป

ถ้าหากใช้น้ำจากยาวิเศษโดยตรง ในปริมาณน้อย ก็ยังพอที่จะใช้ผลการฝึกตนมากดพิษนั้นไว้ได้

แต่ว่า หลัวซิวกลับใช้นางกินมันไปถึงเจ็ดลูก รวมเข้ากับที่นางกินไปก่อนหน้านี้อีกสี่ลูก รวมทั้งหมดเท่ากับสิบลูกพอดี!

หญ้าวิญญาณสิบลูกที่เต็มไปด้วยพิษ เทียบกับยาราคะแล้วยังร้ายแรงยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงใดก็ยังต้องตกอยู่ในไฟราคะ

อีกทั้งพิษชนิดนี้ วิธีการแก้พิษนั้นเหมือนกับยาราคะ จำเป็นต้องร่วมรักตามแบบฉบับดั้งเดิม

หลัวซิวไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกลั่นยาหรือยาวิเศษเลย แน่นอนว่าย่อมไม่เข้าใจข้อห้ามเหล่านี้

“อย่าบอกนะว่าข้ากับตานี่ต้อง … ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์กัดฟันด้วยความอัดอั้น แต่ไฟในใจมันแผดเผาไปทั่ว การโคจรของพลังจิตแท้ไม่มีผลในการระงับแม้แต่น้อย

หลัวซิวก็สามารถรู้สึกได้ว่าสภาพของเหยียนเยว่เอ๋อร์นั้นมีบางอย่างผิดแปลกไป ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้พบใคร แต่เมื่อดูจากท่าทางของนางแล้ว ก็คงพอจะได้เดาได้ไม่มากก็น้อย

“คือ… ข้าก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้จะทำยังไงดี? ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?” หลัวซิวพูดออกมาด้วยท่าทางเก้อเขิน

เหยียนเยว่เอ๋อร์อดกลั้นไฟที่แผดเผาอยู่ภายในร่างกาย นางรู้ดีว่าหลัวซิวทำไปเพื่อช่วยนาง หากไม่ได้กินหญ้าวิญญาณเข้าไปเยอะขนาดนั้น ตอนนี้นางก็น่าจะยังคงไม่ได้สติอยู่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นได้เร็วขนาดนี้

“ข้าจะลองดูว่าจะช่วยเจ้าได้หรือไม่”

หลัวซิวเดินตรงขึ้นมา วางมือไว้ด้านหลังตรงตำแหน่งหัวใจ ปล่อยพลังแห่งชีวิตเข้าไปในร่างกายของนาง ลองกลั่นแปรพิษในร่างกายนาง

จังหวะที่หลัวซิววางมือลงบนแผ่นหลังของนาง ภายในร่างกายของเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็รุ่มร้อนดั่งมีคนโยนฟืนแห้ง ๆ ลงไปโหมเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟราคะโหมกระหน่ำอยู่ภายในกายนาง ดวงตาคู่สวยก็ยิ่งพล่ามัวมากขึ้น

ผิวขาวดังหิมะเริ่มอมชมพูปรากฏขึ้น หลัวซิวเก็บความคิดที่ยุ่งเหยิงนั้น สำรวจเข้าไปภายในร่างกายของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ภายในเส้นลมปราณมีเส้นพิษไหลเวียนอยู่

พลังแห่งชีวิตกลายเป็นไฟ ห่อหุ้มด้วยเส้นพิษสีแดง หลัวซิวได้กำลังจะลองว่าจะสามารถกลั่นแปรได้หรือไม่

แต่ว่า ไม่ทันได้ลองแก้พิษให้นาง เหยียนเยว่เอ๋อร์ที่หันหลังให้เขาก็พลันหันหลังกลับมา เรือนร่างของนางรุ่มร้อนดั่งไฟสุมโอบรัดเขาไว้

ปฏิกิริยาแรกของหลัวซิวคือต่อต้าน ต่อให้เหยียนเยว่เอ๋อร์จะสวยสดงดงามเพียงใด แต่หากเขาได้ล่วงเกินนางไปแล้ว สิ่งที่จะรักษาไว้ไม่ได้ ไม่ใช่ความบริสุทธิ์แต่เป็นชีวิตน้อย ๆ ของเขาเอง

ถึงแม้จะเป็นพละกำลังจากร่างยุทธ์ระดับสูงของหลัวซิว แต่กลับไม่สามารถขัดขืนจนเป็นอิสระได้ เหยียนเยว่เอ๋อร์คือร่างยุทธ์ชั้นสูง นางมีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าเขา

หลัวซิวสาบาน เป็นประสบการณ์ที่ชีวิตนี้เขาคงลืมไม่ลงอย่างแน่นอน ภายใต้พละกำลังของเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่กดเขาไว้ หลัวซิวไม่สามารถต่อต้านได้เลยชุดที่สวมใส่อยู่นั้นใกล้จะถูกดึงจนแทบขาด จากนั้นเขาก็ถูกกดลงกับพื้นและไม่สามารถขัดขืนได้เลย ความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นมากเกินไป!

ร่างกายของเหยียนเยว่เอ๋อร์นั้นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบจนไม่สามารถหาคำใดมาเปรียบได้ ความงดงามไร้ที่เปรียบเช่นนี้ โอบกอดเขาไว้และตัวเขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ หลัวซิวไม่ใช่นักบุญที่จะทนนั่งนิ่งเฉย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร เหยียนเยว่เอ๋อร์ค่อย ๆ ได้สติกลับคืนมา พบว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของนางนั้นขาดลุ่ย ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลัวซิว ด้วยท่าทางที่คลุมเครืออย่างยิ่ง

เมื่อนึกถึงการศึกที่ทั้งสองเผชิญอย่างยาวนานก่อนหน้านี้ สมองของนางก็พลันว่างเปล่า

หลัวซิวนั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในฐานะผู้ชาย เขาถูกผู้หญิงบีบบังคับให้ต้องทำเรื่องเช่นนั้น ความรู้สึกแบบนี้มัน…

เหยียนเยว่เอ๋อร์ได้สติกลับคืนทั้งหมดแล้ว ทำให้หลัวซิวรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ร่างกายแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

หรือต้องบอกนางว่า เขาถูกนางผลักลงไป เขาคือผู้เสียหาย เช่นนั้นหรือ?

เหยียนเยว่เอ๋อร์พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใบหน้าสวยนั้นถึงจะเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลังรุนแรง

“คือว่า …”

หลัวซิวไม่รู้จริง ๆ ว่าควรพูดอะไร เขารู้ดีว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ในตอนนี้อันตรายขนาดไหน ทว่าความเร่าร้อนและตัณหา มันจะทำให้เขาลืมไม่ลงไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

นางคือผู้หญิงคนแรกในชีวิตเขา เลือดสีแดงสดที่เปื้อนอยู่บนพื้นดินโคลนนั้น บ่งบอกทุกอย่างแล้ว

บรรยากาศพลันเงียบลง แววตาคู่สวยเหยียนเยว่เอ๋อร์แฝงไปด้วยความเย็นชา สายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่หลัวซิวไม่ละสายตา

“ข้าจะรับผิดชอบเจ้า ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เจ้าก็ถือว่าเป็นผู้หญิงของข้าแล้ว”

หลังจากสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หลัวซิวก็ชิงเปิดปากพูดออกมาก่อน

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเคยอยู่ในฐานะใด หรือเป็นคนแบบไหน หรือบางทีเจ้าอาจจะรู้สึกว่าข้าเป็นเพียงจอมยุทธ์พรสวรรค์ผู้ต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับเจ้าที่เป็นถึงระดับจักพรรดิยุทธ์ผู้แข่งแกร่ง แต่อีกไม่นาน ข้าก็จะได้เป็นจักพรรดิยุทธ์และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” หลัวซิวกล่าวโดยไม่ลังเล

ได้ครอบครองลูกแก้วความเป็นตาย เข้าใจวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ปลุกพลังอมตะเหนือธรรมชาติแล้ว หลัวซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“ข้ามีศัตรู และศัตรูนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ เจ้าไม่กลัวหรือ?” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ข้าไม่กลัว ไม่ว่าศัตรูของเจ้าจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นมกุฏยุทธ์ เจ้ายุทธจักรหรือแม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ ข้าก็ฆ่าเพื่อเจ้าได้ เพราะเจ้าคือผู้หญิงของข้าฉัน!” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

นัยน์ตาของเหยียนเยว่เอ๋อร์สั่นไหวเล็กน้อย นางใช้ชีวิตท่ามกลางความโกรธแค้นมา300ปี นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครมาทำให้นางรู้สึกประทับใจได้

ถึงแม้ชายผู้นี้จะอ่อนแอมาก แต่นางกลับรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนางแน่นอน

“ขอชุดให้ข้าหนึ่งชุด” เหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่มีความตั้งใจที่จะพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป

หลัวซิวยื่นแหวนเก็บของของนางคืนให้นาง