บทที่ 832 พลังพิเศษอันน่าเศร้า

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 832 พลังพิเศษอันน่าเศร้า Ink Stone_Fantasy

การตอบโต้อย่างใจเย็นของหลิงม่อทำให้ชายสวมแว่นเริ่มลนลาน กอปรกับเหตุการณ์ประหลาดที่ยิงพลาดเป้าเมื่อกี้ ทำเอาเขาพูดอะไรไปชั่วขณะเลยทีเดียว

ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ใจเย็นลง แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ไม่เห็นต้องทำเป็นเย็นชาขนาดนั้นเลยนี่? เมื่อกี้ฉันตั้งใจเปิดเผยตัวเอง เพื่อให้แกตามมาถึงที่นี่เร็วๆ ต่างหาก จะว่าไป แกต้องขอบคุณฉันถึงจะถูกสิ?…คนพวกนั้นที่แกพามา มีผู้หญิงที่ถือปืนรวมอยู่ด้วยสินะ?…เธอเก่งมาก ไม่คิดเลยว่าจะยิงฉันโดนจริงๆ…” ชายสวมแว่นยกมือข้างที่ถือรีโมทไว้ พลางอดร้องครวญด้วยความเจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้

เขาหัวเราะทั้งที่เหงื่อท่วมศีรษะ บอกว่า “หลิงม่อ แกคงคิดสินะว่าการกระจายตัวกันอย่างนี้จะทำให้ปลอดภัย? ช่างน่าเสียนัก แกคิดง่ายไปเสียแล้ว…ฉันรู้ว่าแกมองเห็นฉันได้ แล้วแกมองเห็นสิ่งนี้ไหมล่ะ?”

ชายสวมแว่นโบกรีโมทควบคุมในมือไปมา เขาจ้องหน้าหลิงม่ออย่างชั่วร้าย บอกว่า “ขอแค่ฉันกดปุ่ม ที่นี่ก็จะระเบิดทันที และชั้นนี้ก็จะถล่มหายไปทั้งชั้น ถ้าหากติดตั้งระเบิดไว้ชั้นบน พวกแกอาจยังมีโอกาสปีนออกไปได้ แต่ที่นี่ล่ะ? ที่นี่เป็นชั้นที่อยู่ต่ำสุด…เอาไง? อยากลองเดิมพันดูซักตั้งไหมล่ะ?”

“แกต้องการจะพูดอะไรกันแน่? ดูจากท่าทางของแก ก็ไม่เหมือนคนที่คิดจะล่มหัวจมท้ายไปด้วยกันกับฉันเลยนี่” หลิงม่อพูดตัดบทเขา

“ล่มหัวจมท้าย? ฮ่าๆๆๆ…” ชายสวมแว่นระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย? เจ้าแซ่หลิง แกดูฉันสิ ฉันอายุจะ 50 อยู่แล้ว…แกรู้ไหมว่าการที่คนอย่างฉันอยากมีชีวิตรอดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย?” อยู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็แปลกไป ราวกับมีคลื่นอารมณ์รุนแรงซ่อนอยู่ใต้ท่าทีสงบนิ่ง “ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติ ฉันมักโดนดูถูกเสมอ!ฉันต้องคอยหัวเราะ และเอาใจไอ้ลูกค้าที่ทำตัวสูงส่งพวกนั้นอยู่ทุกวัน! บางครั้งฉันต้องยืนอยู่หน้าประตูบ้านคนอื่นทั้งวัน เพียงเพื่อจะได้ขายยาแค่หนึ่งขวด! บางทีก็ถูกลูกๆ ของพวกนั้นไล่ตะเพิดออกมา…”

“…เอิ่ม แกคงไม่ได้ขายยาให้คนแก่หรอกใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นแกก็เป็นพวกโจรต้มตุ๋นนะสิ!” หลิงม่ออดพูดไม่ได้

ชะตากรรมแบบนี้ใครจะไปสงสารกัน!

ทว่าชายสวมแว่นเหมือนได้จมสู่ห้วงอารมณ์ไปแล้ว เขายังคงตะโกนอย่างบ้าคลั่งต่อไป “หลังจากที่โลกนี้เปลี่ยนไป ฉันก็ติดอยู่กับเพื่อนร่วมงานสองสามคน แต่ไม่คิดเลยว่าแค่เพราะพวกมันไม่กล้าออกไปหาอาหาร ก็เลยไม่ให้ฉันกินแม้แต่น้ำ! แกรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันดื่มอะไร?”

“ไม่ ไม่ต้องบอกฉัน…”

“ฉันดื่มน้ำฉี่! ฉี่น่ะได้ยินไหม!…ต่อมาพวกนั้นก็ทนไม่ไหว เลยตัดสินใจจะไปเสี่ยงดวงที่ซุปเปอร์มาร์เกตเล็กๆ แห่งหนึ่ง…แต่ปรากฏว่าพวกมันให้ฉันสำรวจเส้นทางก่อน บอกว่าฉันแก่แล้ว เรื่องที่ทำได้ก็มีแค่เรื่องนี้ พวกมันบอกให้ฉันล่อซอมบี้ออกมาให้พวกมันฆ่า…เป็นแกจะโง่เชื่อคำพูดแบบนั้นหรอ! แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันทำได้แค่ยอมเข้าไป ตอนนั้นฉันคิดว่าอย่างมากก็แค่กลายเป็นซอมบี้เท่านั้นล่ะวะ แต่ไม่คิดเลยว่าความสามารถพิเศษในตัวฉันกลับถูกปลุกตื่น…” เสียงพูดของชายสวมแว่นแผ่วเบาลงเล็กน้อย “สวรรค์ไม่อยากให้ฉันตาย…”

หลิงม่อขมวดคิ้วเบาๆ เขาพอจะเดาเรื่องราวได้คร่าวๆ แล้ว…ถึงเขาจะไม่สนใจเรื่องเล่าในอดีตของชายสวมแว่น แต่หลิงม่อกลับปล่อยให้ชายสวมแว่นเล่าต่อโดยไม่คิดห้าม

ขณะที่ชายสวมแว่นตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง หลิงม่อกำลังลอบสังเกตเขา รวมถึงกรงเหล็กข้างๆ เขาอย่างเงียบเชียบ ระเบิดที่เขาพูดถึงน่าจะอยู่ในฐานกรงเหล็กนั่น แต่ไม่รู้ว่าอานุภาพของมันจะร้ายแรงถึงระดับไหน

นอกจากนี้ ความสามารถพิเศษของเขาก็ยากจะกำจัดได้ นอกจากจะจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นหากเผลอแม้แต่นิดเดียว สายตาอาจเหลือบไปมองทางอื่นอย่างไม่รู้ตัว…

“จากนั้น ฉันก็พาพวกมันเข้าไปอย่างว่าง่าย…พวกมันไม่สงสัยเลยซักนิด เพราะแม้แต่ฉันยังรอดมาได้ แล้วคนที่ยังหนุ่มยังแน่นอย่างพวกมันจะเป็นอะไรไปได้ยังไงล่ะ? ฮิฮิ จนถึงตอนนี้ฉันยังจำสีหน้าของพวกมันได้อยู่เลย…สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ความตื่นเต้นดีใจ และความปรารถนาที่จะมีชีวิตต่อไป…ดูสิ ทุกคนต่างก็อยากมีชีวิตรอด แต่กลับไม่มีใครสนใจเลยว่าฉันเองก็อยากมีชีวิตรอดเหมือนกัน…”

“ดังนั้น ฉันก็เลยทำให้พวกมันเข้าใจเรื่องนี้ด้วยวิธีของฉันเอง…ตอนที่ฉันมองดูพวกมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสต่อหน้าซอมบี้ ในขณะที่ฉันสามารถยืนมองอยู่ข้างๆ ได้โดยไม่มีใครเห็น ฉันรู้สึกโคตรสะใจ! แต่ละคนเอาแต่หมางเมินฉัน ไม่สนใจฉัน กระทั่งเหยียบย่ำฉัน! บางทีแม้กระทั่งตายไปพวกมันก็อาจจะยังไม่เข้าใจล่ะมั้ง? ว่าทำไมเศษสวะอย่างฉันถึงได้รอด ในขณะที่พวกมันกลับไม่รอด…ฮ่าๆๆๆ…”

ชายสวมแว่นหัวเราะเสียงดัง แล้วจู่ๆ เขาก็เงียบลง พูดว่า “หลิงม่อ พวกเรามาเล่นเกมเกมหนึ่งกันเถอะ…จากจุดยืนของแกในตอนนี้ แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เทียบกับฆ่าแกตรงๆ ฉันอยากเห็นแกดิ้นรนมากกว่า”

หลิงม่อจ้องหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร ในใจกลับรีบใช้ความคิดทันที

“ก่อนหน้านี้เราสามารถหนีไปต่อหน้าต่อตาเขาได้ จากนั้นก็ย้อนกลับมาโจมตีจนเขาเหลือตัวคนเดียว…อย่าว่าแต่เจ้าแว่นนี่มีนิสัยอย่างนี้อยู่แล้วเลย ถ้าเป็นเรา เราก็คงโกรธแค้นเหมือนกัน…ส่วนหมอนี่น่ะหรอ ตอนนี้คงจะโมโหจนคลั่งไปแล้ว…ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร หมอนี่ก็ต้องฆ่าเราแน่ๆ…และเกมที่พูดถึง น่าจะเป็นแผนการไล่ฆ่าที่เตรียมไว้สำหรับเราสินะ? โดยที่ต้องมั่นใจว่าจะฆ่าเราได้จริงๆ และตัวเองก็สามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย…” หลิงม่อจ้องหน้าเขา แล้วเอ่ยปากถาม “เกมอะไร?”

ทันใดนั้น ส่วนใบหน้าของชายสวมแว่นดูชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เขาแลบลิ้นออกมาเลียปาก บอกว่า “สามนาทีแล้วกัน…สถานที่คือที่นี่ ในพื้นที่ 20 เมตร มาดูกันว่าแกจะอดทนจากการโจมตีของฉันได้นานแค่ไหน แต่ฉันขอเตือนว่าแกอย่าคิดจะเล่นตุกติกดีกว่านะ ถ้าหากฉันรู้สึกได้ว่าพรรคพวกของแกเคลื่อนไหวผิดปกติ ฉันจะกดรีโมทนี่ทันที!แกเองก็คงไม่อยากเห็นแฟนสาวสามคนของแกเละเป็นโจ๊กใช่ไหมล่ะ? อย่างนั้นก็หมดสวยกันพอดี…”

“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง จะห้ามไม่ให้ฉันโต้กลับงั้นสินะ…แต่กลับไม่ได้บีบบังคับให้ฉันฆ่าตัวตายหรืออะไรทำนองนั้น เพราะไม่อยากให้ฉันสู้สุดตัว?” ไม่รู้ทำไม หลิงม่อมักสัมผัสได้ว่าในนี้มีบางสิ่งที่ผิดปกติ เขาจึงกวาดมองร่างชายสวมแว่น และมองไปทางกรงเหล็กนั้นอีกครั้ง

“ไม่ปกติ…ระเบิดทำให้ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจริงๆ แต่คนคนนี้จะวิ่งไปใกล้ๆ ประตูทางออก แล้วกดรีโมทระเบิดทันทีที่พวกเราลงมาก็ได้นี่…ที่หมอนี่พูดไร้สาระไปตั้งมากมายนี้ ก็เพื่อทำให้การกระทำของตัวเองดูสมเหตุสมผลเท่านั้น…นอกจากนี้ จะตัดความเป็นไปได้ที่เขาอาจตั้งใจถ่วงเวลาออกไปไม่ได้…สามนาที ทำไมต้องเป็นสามนาที…”

หลิงม่อขมวดคิ้ว สมองของเขาครุ่นคิดหาเหตุผลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กำลังรวบรวมสมาธิ ความสามารถในการสังเกตของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ทว่าจิตใจคนไม่เหมือนดั่งเงื่อนงำ ถึงอย่างไรใจคนก็ยังเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด…แต่อย่างน้อยเขาก็รับรู้อะไรอย่างหนึ่ง! คนคนนี้กำลังกังวลอยู่!

“หากมองข้ามนิสัยที่เขาแสดงออกมา แล้วมองเรื่องนี้ในด้านการกระทำของเขาเพียงอย่างเดียว…ในเมื่อเขาไม่ได้กดระเบิดทันทีตั้งแต่แรก ก็แสดงว่าระเบิดนี้ไม่ได้มีอานุภาพพอที่จะทำให้อาคารถล่มทั้งชั้น…กรงเหล็กนี้เอาไว้ใช้ขังคน จำนวนระเบิดที่ติดตั้งไว้ต้องมีจำนวนจำกัดแน่ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นทันทีที่ระเบิด สมาชิกฟอลคอนที่อยู่รอบๆ จะหนียังไงล่ะ?” หลิงม่อใจเต้นตึกตัก เขาฉุกคิดถึงเรื่องสำคัญนี้ได้อย่างรวดเร็ว

ถึงชายสวมแว่นจะมีนิสัยชั่วร้าย แต่กลับสามารถใช้คำพูดมาปกปิดเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม กระทั่งสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของหลิงม่อออกไปได้อีกด้วย…

“ขอแค่ไอ้หลิงม่อตาย ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอีก คนที่พอจะมองเห็นฉันได้ ก็มีแค่ไอ้หลิงม่อคนเดียว…” ชายสวมแว่นจ้องหลิงม่อเขม็ง เขาเหลือบมองไปทางฐานกรงเหล็กอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว และเผยรอยยิ้มที่ชวนขนลุกออกมา “ถึงมันจะสงสัย แต่มันก็ไม่กล้าวางเดิมพันแน่นอน…คนเราเป็นแบบนี้เสมอ ขอเพียงยังมีความหวังอีกนิด ก็จะไม่มีทางเลือกเดินทางสายสุดโต่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตัวเองแตะต้องไม่ได้อย่างนี้…”

แต่ในตอนนั้นเอง เขากลับพบว่าหลิงม่อก้าวถอยไปสองก้าว จากนั้นก็ยืนแนบชิดกับเสาต้นหนึ่ง

“ยี่สิบเมตรใช่ไหม? ถ้าหากแกคิดจะหนีอย่างเต็มกำลัง ฉันอาจต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่คิดว่าแกจะสร้างกรงขังไว้ขังตัวเองอย่างนี้…ต้องใจร้ายกับตัวเองถึงขนาดนี้เลยหรอ?” หลิงม่อกระตุกยิ้มมุมปากมองเขา แล้วพูดขึ้น

ชายสวมแว่นมองหลิงม่ออย่างระแวดระวัง เมื่อสังเกตเห็นแววตาของอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ใจเขาก็เต้น “ตึกตัก” “แกคิดจะทำอะไร? ระวังฉันจะกด…”

“แกกดไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ?”

—————————————————————————–