บทที่ 234 แม่ลูกคู่นี้ไม่ตีไม่ได้แล้ว

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

คำพูดของหลัวเยี่ยนทำให้ทุกคนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายสั่นสะท้าน รวมถึงเหล่าคุณลุงของหลัวเยี่ยนด้วย พวกเขาคิดไม่ถึงว่า หลัวเยี่ยนที่ดูอ่อนโยน พอจริงจังขึ้นมาจริง พวกเขาจะรับมือได้ยากยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถที่สุดของตระกูลหลัวในหลายปีมานี้

แต่ว่าในตอนนี้เอง นอกประตูก็มีเสียงผู้ชายและผู้หญิงคนดังขึ้น เป็นน้ำเสียงที่ไม่ลงรอยเลยแม้แต่น้อย ได้ยินก็รู้ว่าเป็นคนที่เพ่งเล็งหลัวเยี่ยนโดยเฉพาะ

นอกห้องมีชายวัยกลางคนและหญิงวัยกลางเดินเข้ามา คนที่เดินตามหลังชายวัยกลางคนก็คือหลัวชิงหง และด้านหลังของหญิงวัยกลางคนก็คือจางอวิ๋นที่ถูกเย่เทียนเฉินตบหน้าจนใบหน้าบวมไปครึ่งหนึ่ง

คิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดทุกคนก็สามารถเดาได้ ชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือพี่ชายของหลัวเยี่ยน หลัวฉี หญิงวัยกลางคนคนนี้ก็คือน้องสาวของหลัวเยี่ยน หลัวเสียนเหม่ย จากคำพูดของพวกเขาก็สามารถรู้ได้ว่า หลัวฉีไม่พอใจน้องสาวคนนี้มาก หลัวเสียนเหม่ยก็ไม่มีความคิดที่จะเคารพเธอเลยแม้แต่ครึ่งส่วน และเป็นเพราะต้องการที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ลูกชายของตนเองที่ถูกเย่เทียนเฉินตบด้วย

มุมปากของเย่เทียนเฉินประดับไปด้วยรอยยิ้ม คนที่ก่อเรื่องจริงๆ ในที่สุดก็โผล่ออกมาแล้ว ตนเองยังกลัวว่าพวกเขาจะไม่โผล่หัวออกมา เมื่อปีนั้นแม่ของเขาถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลหลัว สองคนนี้เป็นคนที่ “เหน็ดเหนื่อย” มากที่สุด เดิมทีเย่เทียนเฉินไม่คิดจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับคนของตระกูลหลัว เพื่อที่จะมอบความยุติธรรมคืนให้กับแม่ แต่วันนี้เมื่อดูแล้ว หากเขาคิดที่จะไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง ผู้อื่นคงไม่อยากจะทำ เพราะว่าคนอื่นเขาคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า ในเมื่อพวกเขาไม่เต็มใจ ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ

“น้องสาว ไม่ได้เจอกันยี่สิบปีแล้ว แกยังร้ายกาจเหมือนเดิม ฉันไม่อยากจะพูดอะไรกับแกมาก ทิ้งกล่องหยกหงส์มังกรเอาไว้ก็พอ ส่วนหยกมีตำหนิก็ไม่มีค่าอะไร แกเอาไปได้ ฉันจะไม่ทำให้แกลำบากใจ ไม่งั้นแกต้องรับผลของการกระทำเอง!” หลัวฉีมองไปยังหลัวเยี่ยนน้องสาวของตนแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“หึ หลัวเยี่ยน ลูกชายของแกกล้ามาตบลูกชายของฉัน วันนี้ฉันจะหักแขนหักขามันซะ!” หลัวเสียนเหม่ยมีท่าทางเหมือนมนุษย์ป้า ชี้หน้าหลัวเยี่ยนแล้วด่ากราด ไม่ให้ความเคารพกับพี่สาวคนนี้เลยแม้แต่น้อย บ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าหลัวฉีอีก

เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวฉีและหลัวเสียนเหม่ย ในใจของหลัวเยี่ยนก็รู้สึกเจ็บปวด เธอกลับตระกูลหลัวมา สิ่งที่กลัวที่จะเผชิญหน้าที่สุดก็คือสถานการณ์แบบนี้ เมื่อปีนั้นเป็นพี่ชายและน้องสาวที่เพ่งเล็งเธอมากที่สุด นี่ทำให้หัวใจของหลัวเยี่ยนต้องหนาวเหน็บ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ เพราะอะไรถึงได้เดินมาถึงจุดนี้? ตลอดมาเธอก็ไม่ได้แย่งชิงอะไรกับพี่ชายและน้องสาวของเธอ กระทั่งหลีกทางให้พวกเขาทุกอย่าง หรือพวกเขาจะทนเธอที่เป็นแบบนี้ไม่ไหว?

“พี่ น้อง ครั้งนี้ฉันกลับมาเพื่อมาเยี่ยมคุณย่า คุณย่าจากไปแล้ว ฉันก็เสียใจมาก ไม่คิดที่จะแย่งชิงอะไรกับพวกคุณ และไม่คิดที่จะอยู่ที่ตระกูลหลัว พวกคุณวางใจเถอะ!” หลัวเยี่ยนพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ

หลังจากที่หลัวฉีและหลัวเสียนเหม่ยเดินเข้ามาในห้อง ก็ไม่มองไปที่คุณย่าที่ตายจากไปแล้วแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจแม้แต่น้อย พอเข้ามาก็เพ่งเล็งมาที่ตน พอเข้ามาก็พูดแต่เรื่องของกล่องหยกหงส์มังกร ถูกผลประโยชน์บดบังดวงตาไปแล้วโดยสิ้นเชิง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“พวกเราไม่สนใจว่าแกจะกลับมาทำไม พวกเราต้องการแค่กล่องหยกหงส์มังกร!” หลัวฉีพูดพลางยิ้มเย็น

“หลัวเยี่ยน แกก็เป็นแค่คนที่ถูกตระกูลหลัวขับไล่ออกไป มีคุณสมบัติอะไรให้กลับมา? แล้วยังกล้าใช้ลูกชายของแกมาตบลูกชายของฉันอีก แกไม่อยากจะอยู่แล้วใช่ไหม? ไม่อยากจะมีชีวิตออกไปจากตระกูลหลัวแล้วใช่ไหม?” หลัวเสียนเหม่ยไม่มีท่าทีของคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ได้รับการสั่งสอนอย่างดีเลยแม้แต่น้อย ไม่มีอะไรแตกต่างกับมนุษย์ป้าที่พบเห็นได้ตามถนนหนทาง

เพี้ยะ!

ภายในห้อง ในตอนที่บรรยากาศเคร่งเครียดอและหนักแน่นย่างหาใดเปรียบ หลัวเยี่ยน เย่เทียนเฉิน ลุงหวัง ทั้งสามถูกคนล้อมเอาไว้ ท่าทางจะไม่ยอมให้เดินไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว ทันใดนั้นเสียงตบหน้าดังขึ้นครั้งหนึ่ง จางอวิ๋นผู้น่าสงสารถูกเย่เทียนเฉินตบหน้าจนกระเด็นออกไป เรี่ยวแรงที่ใช้ตบหน้าในครั้งนี้หนักกว่าครั้งที่แล้วมาก แรงกระทั่งทำให้จางอวิ๋นปลิวออกไปข้างนอก มุมปากมีเลือดไหลออกมา ฟันร่วงออกมาพลางกระอักเลือด

ใครก็คิดไม่ถึงว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เย่เทียนเฉินจะยังกล้าตบคนอีก กระทั่งหลัวเยี่ยนก็ตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงว่าลูกชายจะลงมือ พวกเขาแม่ลูกดูเหมือนว่าจะถูกทุกคนล้อมเอาไว้ นอกจากลุงหวัง ก็ไม่มีใครที่ยืนอยู่ข้างพวกเขาเลย ส่วนลุงหวังก็เป็นแค่คนรับใช้ของตระกูลหลัว แต่คนที่ล้อมพวกเขาต่างก็เป็นเจ้านายของตระกูลหลัว ลุงหวังไม่มีความสามารถที่จะหยุดยั้ง

เย่เทียนเฉินลงมือตบคนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าจะต้องกลายเป็นเป้าของทุกคนแน่ หากคิดที่จะออกไปจากตระกูลหลัวก็เกรงว่าจะยากแล้ว ต่อจากนี้ไปจะจบอย่างไร? ตบหน้าจางอวิ๋นจนเกือบจะหมดสติไปแล้ว

“แก…อั่ก…” จางอวิ๋นล้มลงบนพื้น มือทั้งสองจับแก้มทั้งสองด้านของตน ตอนแรกเป็นเพราะการตบหน้าของเย่เทียนเฉินจึงทำให้หน้าบวมเป็นไปครึ่งแถบ ตอนนี้ก็ถูกตบอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าอีกครึ่งจึงบวมเป่งขึ้นมาในทันที ตอนนี้ทั้งใบหน้าเหมือนกับหมู ดูแล้วน่าอนาถจนอดไม่ไหว

“ลูก ลูก…ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลัวเสียนเหม่ยรีบวิ่งเข้าไปข้างกายลูกชายของตน เอ่ยปากถามออกมาอย่างร้อนใจ

“แม่ ฆ่า ผมจะต้องฆ่าไอ้ลูกเต่านี้ให้ได้…” จางอวิ๋นอดกลั้นความเจ็บปวด จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดออกมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

จางอวิ๋นเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง ตอนแรกคิดจะออกหน้าให้แม่ของตนถึงได้พูดจาเยาะเย้ยหลัวเยี่ยนและเย่เทียนเฉิน ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่ายๆ ตบหน้าเขาจนมึนงง ทำให้เขาตกใจจนต้องรีบขับรถโฟล์คไปตามหลัวเสียนเหม่ยมาช่วย

ตอนนี้เขามาด้วยกันกับหลัวเสียนเหม่ยซึ่งเป็นผู้หญิงปากร้าย คิดที่จะกู้หน้า จะสั่งสอนสองแม่ลูกหลัวเยี่ยนอย่างโหดเหี้ยม ไหนเลยจะรู้ว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร ยังไม่ทันได้โอ้อวดอะไรก็ถูกเย่เทียนเฉินตบหน้าจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นคนรุ่นเยาว์ของตระกูลหลัวที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ทำให้เขาเป็นคุณชายที่หยิ่งทะนงไม่สนใจใครที่สุดเช่นเดียวกัน เคยมีใครกล้าตบจางอวิ๋นบ้าง? ไม่ว่าจะเป็นคนนอกหรือจะเป็นญาติผู้ใหญ่ในตระกูลหลัว ก็ไม่กล้าสั่งสอนจางอวิ๋น จะอย่างไรเขามีแม่ที่ถือหางเขา และยังเป็นแม่ที่ปากร้ายอีกด้วย

หลัวเสียนเหม่ยเดินก้าวออกมาในทันที ท่าทางโหดเหี้ยมดุร้าย เข้าไปเบื้องหน้าหลัวเยี่ยนอย่างบ้าคลั่ง คล้ายกับว่าเมื่อตัวเองพุ่งเข้าไปใครก็จะต้องกลัวอย่างไรอย่างนั้น ชี้หน้าของหลัวเยี่ยนผู้เป็นพี่สาวแล้วกล่าวด่า “หลัวเยี่ยน วันนี้แกกับลูกชายของแกอย่าได้คิดที่จะมีชีวิตออกไปจากตระกูลหลัวเลย ฉันจะต้อง…”

พลั่ก!

เย่เทียนเฉินใช้ขาเตะหลัวเสียนเหม่ยจนปลิวออกไป ตกลงข้างลูกชายของเธอ ทำยังไงได้ อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงแบบนี้ ถ้าไม่ลงมือตบตี จะทำอย่างไรได้อีก?

ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างพากันตกใจจนนิ่ง จางอวิ๋นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ต่อให้จะโอหังมากกว่านี้ก็ยังเป็นแค่รุ่นเยาว์ ต่อหน้าคุณลุงที่เป็นผู้อาวุโสในตระกูลหลัว ก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไร ส่วนหลัวเสียนเหม่ยก็เป็นผู้หญิงหยาบคายที่โด่งดังในตระกูลหลัว ใครก็ไม่กล้าไปล่วงเกินง่ายๆ เพราะไม่คิดอยากจะหาเรื่องผู้หญิงปากร้ายคนนี้ รวมกับที่พ่อของหลัวเสียนเหม่ยเป็นผู้ถือหางเสือของตระกูล ทุกคนจึงไว้หน้าอยู่หลายส่วน พยายามหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด

แต่เย่เทียนเฉินกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตบลูกเตะแม่ อย่างไรแม่ลูกคู่นี้ก็ไม่ได้เป็นคนดี ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขากับหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ต่างก็ถูกคนพวกนี้ล้อมเอาไว้ ถ้าหากสามารถใช้เหตุผลยุติปัญหาแล้วเดินออกไปจากตระกูลหลัวได้ ก็คงไม่ต้องเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ลงมือทำให้คนพวกนี้ตกตะลึงสักหน่อย พวกเขาก็คงไม่ยอมปล่อยออกไป

“แก…ไอ้เดรัจฉาน แกกล้าเตะฉัน…ฉันไม่ปล่อยแกแน่…” หลัวเสียนเหม่ยคลานขึ้นมาจากพื้น คิดจะพุ่งเข้าไปสู้แลกชีวิตกับเย่เทียนเฉิน นั่นเป็นเพราะส่วนลึกในใจของเธอคิดว่าต่อให้เย่เทียนเฉินจะบ้ายิ่งกว่านี้ ก็ไม่กล้าทำอะไรเธอ

“ผมขอเตือนไว้ก่อนว่าคุณอย่าเอะอะไปจะดีกว่า ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นใคร พวกคุณที่นี่ไม่เห็นผมกับแม่เป็นคนกันเอง ผมก็จะไม่เห็นพวกคุณเป็นคนกันเอง ผมเย่เทียนเฉินกระทั่งคนของตระกูลฉินกลับตะกูลลั่วก็ฆ่ามาหมดแล้ว ถ้าฆ่าพวกคุณอีกมันก็คงจะเหมือนกัน!”

ในตอนนี้ มุมปากของเย่เทียนเฉินปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยม เขาไม่ได้พูดข่มขู่ แต่เตรียมจะทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าหากคนตระกูลหลัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จะเข้ามาขวางเอาไว้ให้ได้ เขาก็ไม่สนใจที่จะต้องฆ่า อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็คิดที่จะฆ่าเขาและแม่ ต้องเกรงใจอีกหรือไง?

“เทียนเฉิน อย่า…” หลัวเยี่ยนรู้สึกทนไม่ไหว คิดที่จะพูดเตือนลูกชาย

“แม่ครับ แม่จะใจดีเกินไปแล้ว ดังนั้นถึงได้ถูกรังแก ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็คิดเพื่อคนอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ยอมถอยให้คนอื่น แต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยแม่ไปแน่ ให้ผมจัดการเถอะครับ!” เย่เทียนเฉินพูดกับแม่ด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้เอง บุคคลที่อยู่ที่นี่รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลหลัว ต่างก็ตกตะลึงจนนิ่ง ถ้าพูดให้ชัดเจนก็คืออึ้งไปแล้ว ในหมู่ของพวกเขามีข้าราชการระดับสูงอยู่ มีคนในแวดวงทหารอยู่ และมีเถ้าแก่ในแวดวงธุรกิจ ทุกคนต่างก็เป็นคนมีตำแหน่งอยู่บ้าง ย่อมเคยได้ยินเรื่องที่เย่เทียนเฉินทำในเมืองหลวงมาก่อน เพียงแต่เพราะว่าการปรากฏของกล่องหยกหงส์มังกรทำให้ใครหลายคนลืมเรื่องเหล่านี้ไป ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว กระทั่งรู้สึกตื่นตะลึง ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้ กล่าวได้ว่าเป็นหลานชายรุ่นหลังของตระกูลหลัว ถึงกับร้ายกาจเพียงนี้เชียว

เดิมทีหลัวเสียนเหม่ยคิดจะพุ่งเข้ามาสู้กับเย่เทียนเฉินอย่างสุดความสามารถ ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน จะยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าพุ่งไปข้างหน้าอีก เนื่องจากเธอได้ยินเรื่องของเย่เทียนเฉินมาก่อน ตอนนั้นเธอยังพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ลูกชายของหลัวเยี่ยนมีอะไรยอดเยี่ยมกัน หาเรื่องตายไปทั่ว จะช้าจะเร็วก็ต้องถูกคนฆ่าตาย

ตอนนี้ดูแล้ว ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินกำลังหาที่ตาย แต่เป็นหลัวเสียนเหม่ยที่รนหาที่ตาย กล้าตบตีลูกชายของเธอและเธอโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยังต้องการข้อพิสูจน์อย่างอื่นอีกหรือ?

“หลัวเยี่ยน ฉันไม่สนใจว่าลูกชายของแกจะร้ายกาจขนาดไหน แต่ยังไงกล่องหยกหงส์มังกรก็ต้องทิ้งเอาไว้ แกอย่าได้บีบบังคับให้ฉันต้องเรียกผู้รักษาความปลอดภัยทุกคนของตระกูลหลัวมา ถึงตอนนั้นคงจบไม่สวย…” หลัวฉีขมวดคิ้วมองไปยังเย่เทียนเฉิน จากนั้นจึงพูดกับหลัวเยี่ยนเสียงเย็น

หลัวเยี่ยนชะงักไป มองไปยังคุณลุงทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ แล้วหันกลับไปมองคุณย่าบนเตียงที่เพิ่งจะจากไป ในดวงตาปรากฏน้ำตาขึ้น เธอสงบอารมณ์ตนเองแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเราไปจัดการเรื่องกล่องหยกหงส์มังกรที่ห้องโถงเถอะ อย่าได้รบกวนคุณย่าเลย ฉันไม่ต้องการให้คุณย่าตายไม่สงบ!”

“หึ ไปห้องโถงก็ไป สุดท้ายถ้าแกไม่มอบกล่องหยกหงส์มังกรออกมา ก็ออกไปจากประตูของตระกูลหลัวไม่ได้เด็ดขาด!” หลัวฉีมองหลัวเยี่ยนอย่างโหดเหี้ยม เดินนำหน้าไปยังห้องโถง

“ไปเถอะ แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนว่าพวกคุณอย่าได้พูดจามั่วซั่ว ไม่งั้นจุดจบจะต้องเป็นอย่างสองแม่ลูกคู่นี้…” เย่เทียนเฉินยักไหล่ พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษสง

………………..