ตอนที่ 173 ทั้งฆ่าทั้งช่วย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ขณะเดียวกันนั้น หม้อเทพนิรันดร์ลอยขึ้นไปในอากาศ แสงสีฟ้าส่องเจิดจรัสปกคลุมไปทั่ว พลังมหาศาลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง

หม้อเทพนิรันดร์มีเจ้าของแล้ว จะให้คนมารบกวนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

ความโกรธเกรี้ยวของหม้อเทพนิรันดร์นี้ทำให้ทุกคนที่ละโมบโลภมากถูกโจมตีด้วยพลังวิญญาณที่น่ากลัวอย่างรุนแรง

“พรวด!” พวกมันกระอักเลือดออกมาตำโต สีหน้าซีดขาวราวกระดาษทันที ส่วนคนที่มีพลังอ่อนแอก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างน่าสลดใจ

— ตุบ! —

เจ้าสำนักเฟินเทียนอย่างฮั่วอู๋จี๋ไม่พ้นต้องบาดเจ็บอย่างสาหัสในที่สุด เขาเป็นคนที่ทำให้หม้อเทพนิรันดร์พิโรธ แน่นอนว่าหม้อเทพนิรันดร์ต้องโจมตีเขาอย่างไร้ปรานี

— ฟู่! —

เส้มลมปราณในร่างกายของเขาแตก หากพลังของหม้อเทพนิรันดร์แข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย มีหวังยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแคว้นชิงต้องกลายเป็นคนพิกลพิการเป็นแน่แท้  ส่วนคนที่ไม่ละโมบโลภมากต่อหม้อเทพนิรันดร์ พวกเขาปลอดภัยดีทุกคนนั่นก็คือจวินโม่ซี ชิงอิ่ง องครักษ์เงาตระกูลมู่และซวนหยวนชิงอวิ๋น

จากนั้นหม้อเทพนิรันดร์ก็ค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ จนมีขนาดเท่าฝ่ามือและตกลงในมือของมู่เฉียนซี  ทันใดนั้น เสียงทุ้มก็ดังก้องขึ้น

“ในเมื่อข้ายอมรับท่านเป็นนายแล้ว หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ต้องเป็นนักปราชญ์แห่งการปรุงยาให้ได้”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพร้อมทั้งรับปากว่า “อืม ข้าจะทำให้สมดั่งเจ้าปรารถนา”

มู่เฉียนซีเก็บหม้อเทพนิรันดร์ไว้ในพื้นที่ของนาง เมื่อครู่นี้มันใช้พลังจนสูญเสียพลังเพื่อปกป้องเจ้านายของมัน  ในหัวของนางเวลานี้ ปรากฏสูตรยาลูกกลอนขึ้นมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีข้อมูลเกี่ยวกับหม้อเทพนิรันดร์นี้อีกด้วย

หม้อเทพนิรันดร์เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ทว่าอันที่จริงแล้ว หม้อใบนี้กลับไม่ใช่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ มันมีความคล้ายคลึงกันกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นอย่างมากจนแยกได้ยาก หม้อใบนี้คือหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ที่เลียนแบบหม้อเทพนิรันดร์นั่นเอง

หม้อเทพปาฮวางชิงมู่เป็นหม้อศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ถึงแม้ว่ามันจะเลียนแบบมาจากหม้อเทพนิรันดร์ แต่ประสิทธิภาพของมันนั้นก็วิเศษนักแล

สิ่งที่ได้มานั้นมิใช่หม้อเทพนิรันดร์ แต่มู่เฉียนซีไม่ผิดหวังแต่อย่างใด อันที่จริง… ยากนักที่ของดีในตำนานเช่นนี้จะปรากฏขึ้น  โดยเพียงไม่นานนางก็ได้สิ่งนี้มาครอง นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว

การที่ได้หม้อเทพปาฮวางชิงมู่มาครองเช่นนี้ นางจะได้ฝึกฝนการปรุงยาและทำให้ฝีมือการปรุงยาของนางแข็งแกร่งขึ้น นางจะต้องเก่งกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ หากฝึกฝนไปทีละขั้น  เมื่อถึงคราที่นางเจอหม้อเทพนิรันดร์จริง ๆ ฝีมือการปรุงยาของนางก็จะแข็งแกร่งขึ้น และเพื่อลบคำสบประมาทจากคนที่ดูถูกฝีมือการปรุงยาของนางด้วย

เวลานี้ กองกำลังหลักจากสำนักนิกายหลาย ๆ สำนักต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มู่เฉียนซีและพวกกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย อีกทั้งพลังความแข็งแกร่งก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม

มู่เฉียนซีจ้องมองไปที่รองเจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิง “รองเจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิง  ครั้งนี้เจ้าก็มาร่วมลงมือฆ่าข้า เช่นนั้นเจ้าก็รีบลงมือกับข้าเสียก่อนสิ ข้าขี้เกียจลงมือกับเจ้าก่อน”

ใบหน้ารองเจ้าสำนักเหยียนหลัวเหมิงแข็งทื่อไปชั่วขณะ ครานี้เขาเข้าร่วมปฏิบัติการสังหารมู่เฉียนซีจริง ๆ

รองเจ้าสำนักกล่าวเสียงเกรี้ยวโกรธ “มู่เฉียนซี นี่เจ้ากล้าฆ่าข้ารึ หากเจ้ากล้าฆ่าข้า เหยียนหลัวเหมิงจะทำลายล้างตระกูลมู่ของเจ้าแน่!”

รองเจ้าสำนักกับเหล่าคนของเหยียนหลัวเหมิงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจากการต่อสู้กับสำนักอื่น ต่อมายังมาถูกหม้อเทพปาฮวางชิงมู่โจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง  ณ ตอนนี้พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะวิ่งหนี

ทันใดนั้น ร่างสีม่วงเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วราวภูตผีปีศาจ เข็มยาเย็นยะเยือกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่ออีกฝ่ายมากวาจานัก เช่นนั้นนางลงมือก่อนเองก็ได้!

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

คนของเหยียนหลัวเหมิงโดนเข็มยาเย็นยะเยือกนี้ปักเข้าที่ลำคอในทันที

นักฆ่าของเหยียนหลัวเหมิงเห็นเช่นนี้ไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง พวกเขาเบิกตากว้างจนดวงตาแทบถลนออกมาด้วยความตกใจ  แต่ถึงอย่างไร มู่เฉียนซีนางไม่คิดจะทักทายอะไรแม้เพียงนิด  นางลงมือฆ่าอย่างไร้ปรานีในฉับพลัน

มู่เฉียนซีโบกมือ เรียกคืนเข็มยาเหล่านั้นกลับมา สำหรับพวกที่ลอบสังหารนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างคนน่ารำคาญเหล่านี้ นางไม่จำเป็นต้องมีความเมตตาปรานีแต่อย่างใด

ทุกคนในที่นั้นต่างก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกจากนาง ต่างพากันฉงนสงสัยอยู่ในใจ ‘ได้ยินมาว่าท่านผู้นำตระกูลมู่นางนี้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทว่านาง… ลงมือฆ่าคนได้อย่างโหดร้ายไร้ความปรานี ฆ่าสังหารคนนับสิบภายในชั่วพริบตาเดียว’

มู่เฉียนซีจ้องเขม็งไปยังเจ้าสำนักเฟินเทียน สถานการณ์ของเจ้าสำนักเฟินเทียนช่างอันตรายยิ่งนัก

ไม่นานนัก เข็มยาก็พุ่งออกไป

เมื่อครู่นางใช้สิ่งนี้ฆ่าคนของเหยียนหลัวเหมิงนับสิบ ศิษย์สำนักเฟินเทียนหวั่นกลัวจับใจ พากันหวาดผวาไม่ว่างเว้น

“มู่เฉียนซี เจ้าบ้าไปแล้วรึ ?!  ฆ่าเจ้าสำนักของพวกข้าเจ้าคิดผิดแล้ว เจ้าคิดว่ามู่อวู่ซวงปกป้องเจ้าได้เช่นนั้นรึ ?”

— ฟึ่บ! —

มู่เฉียนซีลงมืออย่างรวดเร็ว เข็มยาจมลงในร่างของฮั่วอู๋จี๋โดยที่ไม่มีใครสามารถขวางกั้นไว้ได้

คนของสำนักเฟินเทียนแทบคลั่ง พุ่งพรวดเข้าหามู่เฉียนซี “มู่เฉียนซี วันนี้ฆ่าจะสู้กับเจ้าจนตัวตาย!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้น “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”

เมื่อคนของสำนักเฟินเทียนได้ยินต่างผงะตกใจกันไปครู่หนึ่ง “เจ้าสำนัก ท่านยังไม่ตาย!”

“เจ้าสำนัก ท่านยังมีชีวิตอยู่ ?! โอ้! วิเศษยิ่งนัก”

“นี่มันช่าง…”

ฮั่วอู๋จี๋กล่าวว่า “พวกเจ้าอยากให้ข้าตายรึ ?” เขามองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าสงสัยงุนงงพลางกล่าวว่า “นางไม่ได้ฆ่าข้า แต่นางกำลังช่วยข้าเอาไว้ต่างหากเล่า”

ก่อนหน้านี้เขาโดนบีบบังคับให้ใช้พลังขีดสุดออกมา ต่อมาโดนโจมตีอย่างหนักจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ จากนั้นเส้นลมปราณของเขาค่อย ๆ แตกอย่างช้า ๆ หากเขาไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจากมู่เฉียนซี… มีหวังไม่พ้นต้องกลายเป็นคนพิกลพิกาลเป็นแน่

ในตอนนี้เขาไม่มียาวิญญาณระดับสูงติดตัว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทว่าเข็มยาของนางเพียงเข็มเดียวสามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณของเขากลับมาได้  เข็มยาของหมอปีศาจฆ่าคนได้ อีกทั้งยังช่วยคนได้เช่นกัน

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าสำนักฮั่ว แม้ว่าเจ้าจะลงมือทำร้ายแรง แต่ข้ารู้ว่าเจ้าทำไปเพราะความโกรธขึ้งเท่านั้น ไม่มีเจตนาจะฆ่าข้า ดังนั้นข้าจึงช่วยเจ้าไว้”

ฮั่วอู๋จี๋กล่าว “นังหนูนี่ร้ายกาจยิ่งนัก ข้าไม่คิดจะฆ่าเจ้าอยู่แล้ว”

อาการบาดเจ็บของฮั่วอู๋จี๋หายเป็นปกติแล้ว เขาพึงพอใจยิ่งนัก แต่หากมู่อวู่ซวงรู้ว่ามีชายชราผู้หนึ่งทำร้ายหลานสาวผู้เป็นที่รักของเขา มีหวังมู่อวู่ซวงต้องมาฆ่าสังหารฮั่วอู๋จี๋เป็นแน่

มู่เฉียนซี “แต่ถึงอย่างไร ท่านก็ทำให้ตัวข้าตกใจอย่างมาก เจ้าสำนักฮั่ว มิทราบว่าท่านต้องการชดเชยค่าเสียหายให้ข้าหรือไม่ ?”

มุมปากของฮั่วอู๋จี๋กระตุกเล็กน้อย มาแล้วสินะนิสัยช่างหาผลประโยชน์ของท่านผู้นำตระกูลมู่ “สาวน้อย เจ้าต้องการอะไรล่ะ ?”

“สำนักเฟินเทียนของพวกท่านเป็นถึงสำนักนิกายใหญ่แห่งแคว้นชิง ข้าขอยืมจักรพรรดิแห่งภูติและจักรพรรดิยอดยุทธ์เพื่อเป็นค่าชดเชยได้หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

สมบัติแปลกประหลาดได้ปรากฏขึ้นในครานี้ ทำให้สำนักนิกายใหญ่ ๆ หลายสำนักรวมตัวกัน ความแข็งแกร่งของตระกูลมู่นั้นยังถือว่าอ่อนแอนัก ดังนั้นนางจึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอีก  ขอเพียงสำนักเฟินเทียนกล้าที่จะมอบคนเหล่านี้ให้ ตระกูลมู่ก็จะได้กองกำลังที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

ฮั่วอู๋จี๋ครุ่นคิด เมื่อครู่นี้เขาลงมือกับสาวน้อยผู้นี้แต่นางก็ยังช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หากจะมอบยอดฝีมือไปปกป้องนางสักคนสองคนก็ถือว่าเป็นเรื่องสมควรทำ เพียงแต่ว่าสาวน้อยผู้นี้เรียกราคาสูงยิ่งนัก

ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิไม่ใช่หมูหมากาไก่ธรรมดา ๆ ที่จะยกให้ยืมไปได้อย่างง่ายดาย!

ฮั่วอู๋จี๋กล่าว “สาวน้อย การชดเชยใช่ว่าจะไม่ได้ แต่คนมีฝีมือระดับจักรพรรดิ ข้าให้ยืมได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ถึงอย่างไรเขายังต้องฝึกฝน แคว้นจื่อเยี่ยเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ  ทรัพยากรที่จะฝึกมีน้อยนัก เกรงว่าจะทำให้เขาเสียโอกาสเอาได้ …แต่หากเป็นราชาแห่งภูตระดับสูง ยืมได้สามปี”

มู่เฉียนซี “ตอนนี้ข้าไม่ต้องการราชาแห่งภูต ให้ข้าแค่เพียงจักรพรรดิแห่งภูติสักสิบคนเถอะ”

.