เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 977 วิญญาณทาสอมตะ

แปลโดย iPAT

 

ท้องฟ้าส่องประกายสีเขียวอ่อน สายลมพัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา

 

เมืองขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ

 

นี่คือบ้านของเผ่ามนุษย์วิหค เมืองบนท้องฟ้าที่ถูกเรียกว่าเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ธงสีรุ้งถูกแขวนไว้ทั่วเมือง เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

มนุษย์วิหครวมตัวกันอยู่ในสนามประลองแห่งหนึ่งและกำลังเฝ้าชมการแข่งขันที่สำคัญ

 

ราชามนุษย์วิหคคนก่อนหน้าเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่จะคัดเลือกราชาองค์ต่อไปผ่านการต่อสู้

 

แน่นอนว่าผู้เข้าแข่งขันต้องได้รับการยอมรับจากมนุษย์วิหคทั้งหมด

 

มนุษย์วิหคไม่ต้องการราชาที่โหดร้ายแต่ต้องการวีรบุรุษที่มีเมตตา

 

ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันจึงต้องเป็นคนดีและเคยสร้างคุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

ในประวัติศาสตร์ มีราชามนุษย์วิหคที่โหดร้ายอยู่น้อยมาก อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุร้ายใดขึ้น เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ยังมีผู้อมตะสามคนคอยดูแลอยู่

 

ผู้ชมหลายหมื่นคนกำลังเฝ้ามองเด็กหนุ่มสองคนต่อสู้กันอยู่บนลานประลอง

 

“หยูเฟย ยอมแพ้ซะ ข้าเป็นองค์ชายของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะสืบทอดบัลลังก์และปกป้องเกียรติยศของตระกูลตัน!” มนุษย์วิหควัยเยาว์ที่มีปีกสีทองตะโกน

 

นี่เป็นการต่อสู้รอบสุดท้าย

 

ผู้ชนะจะได้เป็นราชาองค์ใหม่

 

จากสถานการณ์ปัจจุบัน องค์ชายรูปงามเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ตอนนี้เขาบินอยู่บนท้องฟ้าและใช้การโจมตีระยะใกล้

 

คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเด็กหนุ่มปีกสีดำ เขาวิ่งอยู่บนพื้นและพยายามหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

 

“ตันหยู! ตันหยู!” ผู้ชมส่งเสียงให้กำลังใจองค์ชายรูปงามดังขึ้นเรื่อยๆ

 

สถานการณ์ชัดเจนมาก

 

หยูเฟยอยู่ในสภาพที่น่าอนาถขณะที่องค์ชายตันหยูใช้ยุทธวิธีที่หลากหลายและทรงพลัง

 

“เจ้าต้องการให้ข้ายอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ ข้าจะเป็นราชาคนใหม่!” หยูเฟยตะโกนก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกศร

 

“อันใด? เจ้ายังมีพลังเหลืออยู่งั้นหรือ?” ตันหยูตกใจและเร่งล่าถอยออกไปแต่หยูเฟยกลับร่วงลงจากอากาศโดยไม่สามารถเข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้

 

“หยูเฟย ปีกของเจ้าถูกข้าตัดออกไปแล้ว เจ้ายังคิดต่อต้านอีกงั้นหรือ?” ตันหยูเย้ยหยัน

 

หยูเฟยเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาส่องประกาย “มันยังไม่จบ ดูท่าไม้ตายของข้า บอลลอยฟ้า!”

 

หยูเฟยอ้าปากดูดอากาศจำนวนมากเข้าไปทำให้ร่างกายพองโตราวกับบอลลูนและเริ่มลอยขึ้น

 

ผู้ชมเงียบกริบก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

ร่างบอลลูนของหยูเฟยน่าขันเกินไป

 

กระทั่งตันหยูก็ยังตกตะลึงก่อนจะรู้สึกผ่อนคลายลง “สมกับเป็นท่าไม้ตายของเจ้า แต่การเป็นตัวตลกไม่สามารถทำให้เจ้ากลายเป็นราชา รับท่าไม้ตายของข้า พายุดาบ!”

 

ตันหยูสะบัดมือทั้งสองข้างส่งดาบสายลมออกไปขณะที่หยูเฟยยังลอยขึ้นอย่างช้าๆ

 

ผู้ชมรู้สึกตกใจ พวกเขาเข้าใจพลังอำนาจของพายุดาบเป็นอย่างดี หากหยูเฟยถูกโจมตี เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งเสียชีวิต

 

แต่ในจังหวะนี้ดวงตาของหยูเฟยกลับส่องประกายขึ้น เขาพบโอกาสพลิกสถานการณ์ในที่สุด

 

หยูเฟยหันหลังแบะอ้าปากพ่นลำแสงสีเงินออกมาเพื่อผลักดันให้ร่างของเขาพุ่งเข้าหาตันหยูด้วยความเร็วสูง

 

“นี่…” ตันหยูตะลึง

 

ร่างกายของหยูเฟยหดเล็กลงและสามารถหลบดาบสายลมที่พุ่งเข้ามา

 

ตันหยูต้องการล่าถอยแต่มันสายเกินไปแล้ว

 

“เจ้ากำลังจะไปที่ใด หากเป็นลูกผู้ชายก็มาสู้กับข้าด้วยหมัดของเจ้า!” หยูเฟยตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าจับขาของตันหยูเอาไว้

 

ท่าไม้ตายโซ่เถาวัลย์!

 

ขาของหยูเฟยกลายเป็นอ่อนนิ่มราวกับเถาวัลย์รัดรอบเอวของตันหยู

 

ตันหยูไม่สามารถหลบหนี เขาทำได้เพียงป้องกันตัวเท่านั้น

 

ท่าไม้ตายคอกระเรียน!

 

ศีรษะของหยูเฟยเปลี่ยนเป็นศีรษะนกกระเรียน ลำคอนกกระเรียนพุ่งเข้ารัดพันลำคอของตันหยูเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

จงอยปากนกระเรียนจิกไปที่ศีรษะของตันหยูและส่งเสียงดังราวกับเหล็กปะทะกัน

 

แม้ตันหยูจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่การปะทะครั้งนี้ยังทำให้รู้สึกมึนงง

 

ท่าไม้ตายกังหันลมหกเก้า!

 

ร่างทั้งสองเกี่ยวพันกันราวกับกังหันลมที่กำลังพุ่งลงสู่พื้น

 

ผู้ชมอุทานด้วยความตกใจ

 

ตันหยูรู้สึกวิงเวียนศีรษะและไม่สามารถตอบสนอง

 

ขณะที่พวกเขากำลังจะปะทะพื้น หยูเฟยกลับถอนตัวออกไปและเหลือเพียงตันหยูที่พุ่งกระแทกพื้นอย่างแรง

 

เสียงดังขึ้นพร้อมกับเศษหินเศษดินที่ระเบิดออกไปรอบๆ ตันหยูนอนหมดสติอยู่บนพื้น

 

เงียบกริบ!

 

ทุกคนตกใจกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดนี้จนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมา

 

มีเพียงเสียงหอบหายใจของหยูเฟยเท่านั้นที่ดังขึ้น

 

หลังจากไม่นานผู้อาวุโสผู้ดูแลการแข่งขันจึงประกาศด้วยความอึดอัดใจ “ผู้ชนะคือหยูเฟย เขาคือราชาองค์ใหมของพวกเรา!”

 

“ในที่สุดข้าก็ทำได้!” หยูเฟยชูหมัดขึ้นกลางอากาศด้วยความตื่นเต้น

 

เสียงตะโกนเรียกชื่อหยูเฟยดังขึ้นทันที

 

“หยูเฟย หยูเฟย หยูเฟย…”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” หยูเฟยหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข

 

อีกด้านหนึ่งตันหยูถูกนำตัวออกจากสนามประลองเพื่อเข้ารับการรักษา

 

ในส่วนลึกของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะสามคนลอบสื่อสารกัน

 

“ราชาของยุคนี้ค่อนข้างพิเศษ เขาแตกต่างจากราชาคนอื่นๆ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาค่อนข้างน่าสนใจ”

 

“ดูเหมือนเขาจะมีความทะเยอทะยาน เขาต้องการขยายอาณาจักรของเรา แต่หลังจากเขากลายเป็นราชา เขาจะเติบโตขึ้น”

 

หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด หยูเฟยจะเป็นราชาของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหลายร้อยปี

 

แต่ในเวลาต่อมาอุบัติเหตุครั้งใหญ่กลับปะทุขึ้น

 

“บึม!”

 

เสียงระเบิดขึ้นในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์อย่างกะทันหัน

 

“อา…” หยูเฟยเสียหลักล้มลงบนพื้น

 

“ดูนั่น นี่…นี่คือ…” บางคนพบสิ่งผิดปกติและชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

เมื่อทุกคนเงยศีรษะขึ้น พวกเขาจึงพบกับรอยแยกของห้วงมิติที่ปรากฎขึ้นกลางอากาศ

 

จากรอยแตก เงาร่างหลายสายบินออกมา

 

ผู้อมตะทั้งสามของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ตอบสนองโดยการบินมาเผชิญหน้ากับศัตรูทันที

 

“ศัตรูบุก!”

 

“ส่งเสียงเตือนภัย ปกป้องบ้านของพวกเรา!”

 

“ผู้ใช้วิญญาณไปรวมตัวกันที่ศูนย์กลางค่ายกลวิญญาณและเปิดใช้กำแพงป้องกันเมือง”

 

ทั้งเมืองตกสู่ความโกลาหล

 

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์สงบสุขมานาน พวกเขาตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ นี่จึงทำให้การป้องกันของพวกเขาหละหลวม ขณะเดียวกันราชาองค์ใหม่ก็พึ่งถูกแต่งตั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสั่งการกองกำลังทหารและจัดการได้อย่างเหมาะสม

 

“เหตุใดพวกเจ้าจึงบุกมาที่นี่?”

 

“โปรดออกไปเดี๋ยวนี้!”

 

“พวกเรารักความสงบและไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกแต่พวกเรายังมีความแข็งแกร่ง”

 

ผู้อมตะทั้งสามแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

 

กลุ่มผู้บุกรุกไม่สนใจพวกเขาแต่รอรับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่ม

 

หัวหน้ากลุ่มผู้บุกรุกเป็นผู้อมตะชราที่มีร่างกายซูบผอม เขาคาดศีรษะด้วยผ้าสีขาวและสวมชุดสีขาว

 

“โจมตี!” ผู้อมตะชราออกคำสั่ง

 

“รับทราบ ท่านจ้าวสมุทรขาว” ผู้อมตะคนอื่นๆ ตอบรับ

 

การต่อสู้ปะทุขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคสามคน สองคนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและอีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหก แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านศัตรูจากภายนอก

 

กลุ่มของจ้าวสมุทรขาวโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยท่าไม้ตายทุกประเภท

 

ชัดเจนว่าพวกเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

 

มนุษย์วิหคอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขมาอย่างยาวนาน ตอนนี้เมื่อพวกเขาถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ผู้อมตะทั้งสามก็เช่นกัน พวกเขาสูญเสียโอกาสหลบหนีที่ดีที่สุดไปแล้ว

 

สองวันต่อมา

 

“บึม!”

 

สายฟ้าฟาดลงมายังกำแพงเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

กำแพงเมืองพังทลายลงทันที วิญญาณจำนวนมากบินกระจัดกระจายกันออกไป

 

ผู้ใช้วิญญาณที่ปกป้องกำแพงเมืองไม่สามารถต่อต้านและล้มลงเสียชีวิตอยู่บนพื้น

 

แสงสีเขียวพุ่งขึ้นมาจากกลุ่มฝุ่นควัน

 

“บัดซบ!” หลังจากการต่อสู้ดำเนินมาสองวันสองคืน ดวงตาของผู้อมตะมนุษย์วิหค จ้าวจง กลายเป็นแดงก่ำ

 

เห็นกำแพงเมืองถูกทำลาย เขาจึงรีบมาที่นี่เพื่อปกป้องมัน

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน กำแพงเมืองที่พังทลายลงหมายถึงวิญญาณจำนวนมากถูกทำลายและทำให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะเกิดรูช่วงโหว่

 

หากศัตรูโจมตีมาที่จุดอ่อนนี้ คฤหาสน์วิญญาณอมตะอาจพังทลายลงในที่สุด

 

แม้รูช่วงโหว่จะมีขนาดเล็กแต่มันก็ไม่สามารถถูกเพิกเฉย จ้าวจงเข้ามาปกป้องมันเพื่อซื้อเวลาให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะซ่อมแซมตัวเอง

 

อย่างไรก็ตามเมื่อจ้าวจงมาถึง เขากลับได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าขนลุก “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตกลงสู่หลุมพรางแล้ว”

 

ทันใดนั้นสองร่างพลันปรากฏขึ้นและยืนอยู่ในสองทิศทางโดยมีจ้าวจงอยู่ตรงกลาง

 

รูช่วงโหว่ทำให้ผู้อมตะสามารถแทรกซึมเข้ามาภายใน

 

“ไร้ยางอาย!” จ้าวจงคำรามด้วยความโกรธหลังจากถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะทั้งสองและได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

“ผนึก!” เสียงของผู้อมตะบางคนดังมาจากนอกเมือง

 

หลังจากนั้นจ้าวจงรู้สึกราวกับถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกที่มองไม่เห็น

 

ผู้อมตะสองคนที่อยู่ด้านข้างหัวเราะและโจมตีจ้าวจงทันที

 

จ้าวจงพ่นเลือดคำโตออกมาขณะพุ่งถอยหลังไปราวกับลูกปืนใหญ่ เขากระแทบสิ่งปลูกสร้างมากมายก่อนจะล้มลงและนอนนิ่งอยู่บนซากปรักหักพัง

 

เขาพยายามดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมด แต่ด้วยผลกระทบของท่าไม้ตายปิดผนึกของฝ่ายตรงข้าม เขาจึงไม่สามารถขยับเขยื้อน

 

จ้าวจงรู้สึกสูญสิ้นความหวังเมื่อศัตรูเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

 

“จ้าวจง อดทนไว้ ข้ามาแล้ว!” ในช่วงเวลาสำคัญ ร่างกำยำก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์!

 

แม้ผู้บุกรุกทั้งสองจะร่วมมือกันแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งผู้นี้

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด ตอนนี้เขาโจมตีด้วยความโกรธ พลังอำนาจของมันจึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

ผู้บุกรุกทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกบังคับให้ล่าถอย

 

“เจิ้งหลิง ทำได้ดี!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งตะโกน

 

ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะได้ซ่อมแซมตัวเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นผู้บุกรุกทั้งสองจึงติดอยู่ภายใน

 

แต่ในจังหวะที่ผู้บุกรุกทั้งสองกำลังจะถูกสังหารโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง พวกเขากลับเผยรอยยิ้มราวกับแผนการของพวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว

 

ในเวลาเดียวกันผู้บุกรุกอีกสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นล้อมกรอบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเอาไว้

 

“เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือเจ้า! ตาย!” ผู้นำกลุ่มคนเหล่านี้ก็คือจ้าวสมุทรขาว

 

กลิ่นอายระดับแปดของเขาปะทุออกมา

 

ใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเผ่ามนุษย์วิหคกลายเป็นซีดเผือด เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยไม่คาดคิด

 

“บัดซบ!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคระดับเจ็ด เจิ้งหลิง ที่กำลังบังคับคฤหาสน์วิญญาณอมตะรู้สึกกังวลและปลดปล่อยพลังอำนาจของมันออกมาทันที

 

ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้ที่ร้อนแรง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่หยูเฟยเดินเข้าไปหาจ้าวจงที่นอนอยู่บนพื้นและตะโกน “ท่านบรรพชน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“ราชาคนใหม่ที่พึ่งสวมมงกุฎ…” จ้าวจงถอนหายใจขณะมองไปที่หยูเฟย

 

เขาตะโกนต่อ “ถอยออกไป การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถเข้าร่วม!”

 

แต่หยูเฟยกลับไม่สนใจและยังมุ่งหน้าเข้าไปหาจ้าวจงพร้อมกับกระตุ้นใช้วิญญาณ “ท่านบรรพชน ให้ข้าช่วนท่าน!”

 

จ้าวจงรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของหยูเฟยและไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาอีก

 

แต่บาดแผลบนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า แล้วพวกมันจะถูกรักษาโดยผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ได้อย่างไร

 

“หือ?” จ้าวจงรู้สึกผิดปกติ

 

“เจ้าไม่ใช่หยูเฟย! เจ้า…” จ้าวจงต้องการขัดขืนแต่เขายังไม่สามารถขยับเขยื้อน

 

ก่อนที่เขาจะสามารถขอความช่วยเหลือ ฟางหยวนก็ปิดผนึกเสียงของเขาเรียบร้อยแล้ว

 

ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะลอบเข้ามาในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ

 

เนื่องจากพลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก มันจึงไม่สามารถตรวจจับการคงอยู่ของเขา

 

ฟางหยวนรอคอยโอกาสที่ดีที่สุดและปลอมตัวเป็นหยูเฟยเพื่อเข้าประชิดตัวจ้าวจง

 

ตอนนี้เขากำลังกระตุ้นใช้วิญญาณทาสอมตะอย่างเงียบๆ!

 

จ้าวจงพยายามต่อต้านแต่หลังจากไม่นานเขาก็กลายเป็นทาสของฟางหยวน

 

‘ข้าประสบความสำเร็จ!’ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นและเหนื่อยล้าในเวลาเดียวกัน

 

เขาออกคำสั่งแรกกับจ้าวจง “ไปควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะแทนเจิ้งหลิง”

 

“รับทราบ” จ้าวจงนำร่างที่ได้รับบาดเจ็บของตนค่อยๆบินเข้าสู่ใจกลางเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

 

“ท่านเจิ้งหลิง โปรดไปช่วยผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเอง” จ้าวจงเรียกร้อง

 

เจิ้งหลิงรู้สึกมีความสุข เขาเห็นด้วยกับความคิดนี้ แม้เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ศัตรูมากมายได้เข้ามาแล้ว ขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจของมันได้อย่างเต็มที่

 

ดังนั้นแทนที่จะใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะดีกว่าหากเขาเข้าสู่การต่อสู้และเป็นกำลังเสริมให้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง

 

“อาการบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นแล้วง้้นหรือ?” เจิ้งหลิงเริ่มเคลื่อนไหวแต่ยังลังเล

 

“ไปเร็ว! แม้ข้าจะตาย ข้าก็จะปกป้องคฤหาสน์วิญญาณอมตะจนถึงที่สุด!” จ้าวจงตะโกนด้วยร่างกายที่อาบย้อมไปด้วยเลือด

 

“เอาล่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ อดทนไว้!” เจิ้งหลิงพยักหน้าก่อนจะทะยานร่างออกไปราวกับสายฟ้า