บทที่ 254 ความแตกต่างของพลัง

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 254 ความแตกต่างของพลัง

ลมเย็นพัดผ่านในยามค่ำคืน

ภายใต้แสงจันทร์อันงดงาม ที่ส่องสว่างให้กับป่าเขา ยอดเขารูปร่างแปลกประหลาดล้อมรอบพวกเขาราวกับว่ามันเป็นปีศาจร้าย ค่อยเฝ้ามองผู้คนอยู่ในความมืดมิด

ตลอดเส้นทางขึ้นไปยังยอดภูเขา เงาของผู้คนกลับรูปร่างแปลกตาราวกับผีสาง

“ไปปิดทางแยกอื่นไว้ อย่าให้ใครผ่านไปได้” เสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมเงาดำที่คล้ายผีสาง

ยอดเขามีสิ่งก่อสร้างโบราณตั้งอยู่ ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำหน้าที่เฝ้ายามอยู่

โชคไม่ดีเลยที่ความมืดมิดทำให้พวกเขามองไม่เห็นร่างหลายร่างลอบเข้ามาข้างหลังพวกเขา

“ฉันจะจัดการพวกกระจอกนี้เอง” เสียงอันเฉียบคมดังขึ้น

เขาเป็นผู้อาวุโสของประตูวิญญาณสลาย จู๋เย่ชิง เป็นชื่อของงูพิษ เขาตัวสูงแต่แต่งหน้าเหมือนผู้หญิง ที่คอของเขามีปมบางอย่าง มันแปลกมากยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างชายหรือหญิง

ข้างๆ จู๋เย่ชิง มีชายสวมชุดคลุมสีดำ สูง 2 เมตร ตัวใหญ่โตราวกับหอคอย กล้ามเป็นมัดๆ แบกดาบใหญ่ไว้ข้างหลังมันเปร่งประกายราวกับเพชร ใครๆ ก็เรียกเขาว่าคิงคอง

คิงคองก้าวถอยหลัง 2 ก้าว ก่อนที่จะมองจู๋เย่ชิงด้วยความขยะแขยง ชายหญิงก็เหมือนกับหยินและหยาง ควรจะมีอยู่แต่ไม่ควรรวมกันเป็นหนึ่ง ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานร่วมกัน เขาคงฆ่าไอ้หมอนี้ไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ยังมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอีกมากกว่า 10 คน

“แค่สำนักภูผาทมิฬเล็กๆ กลับกล้าเป็นศัตรูของพรรคประตูวิญญาณสลายอันเกรียงไกรของพวกเราได้ ขัดขวางการทำลายผนึกของบรรพบุรุษของพวกเรา บังอาจมาก” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิพูดด้วยความเยือกเย็น

“พวกสำนักภูผาทมิฬมันจะกล้าขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้าจะโทษก็ต้องโทษไอ้เจ้าจอมมารฉู่แล้วละ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอีกคนพูด

“ถ้าจอมมารฉู่เกี่ยวแล้วยังไง แค่ฆ่ามันทิ้งก็จบแล้ว” จู๋เย่ชิงยิ้มและมีเข็มทองคำขนาด 3 นิ้ว ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา

ดวงตาของจู๋เย่ชิงมองไปยังศิษย์ของสำนักภูผาทมิฬ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม “คนพวกนี้เหมาะที่จะเป็นเครื่องสังเวยให้กับเข็มวิญญาณสลายของฉันเสียจริง”

พูดจบเขาก็สะบัดมือออกไป เข็มพิษเล็กๆ จำนวนมากพุ่งใส่ยามของสำนักภูผาทมิฬที่กำลังรักษาการอยู่ ตรงระหว่างคิ้วของพวกเขากลายเป็นสีแดงก่อนที่จะล้มลงไป

“เอาเลย” จู๋เย่ชิงยิ้ม “ไปกันเถอะ ไหนดูสิว่าสุดท้ายแล้วหยานอี้จะกล้าสักแค่ไหน!”

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากกว่า 10 คนบุกเข้าไปยังสำนักภูผาทมิฬ

“หยานอี้ ออกมาให้ฉันฆ่าซะดีๆ” ชายตัวยักษ์ร่างเหมือนคิงคอง กวาดดาบยักษ์ของตัวเองไปมา ทำลายข้าวของและฆ่าศิษย์ของสำนักภูผาทมิฬอย่างไม่หยุดหย่อน

ฟิ้ว!

แสงไฟในสำนักภูผาทมิฬสว่างจ้าขึ้นทันที แสงนี้ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศราวกับว่าตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ตกอย่างไงอย่างงั้น

หยานอี้และคนอื่นๆ มารวมตัวกันและศิษย์ของสำนักภูผาทมิฬก็ยกดาบขึ้น ชี้ดาบเข้าใส่ศัตรู

“ไอ้พวกประตูวิญญาณสลาย!” หยานอี้คำราม

“เมื่อรู้แล้วว่าเป็นพวกเรา ก็ไปตายซะ!” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิของพวกนั้นตอบกลับมา

“พวกแกกล้าที่จะช่วยจอมมารฉู่ ขัดขว้างการเกิดใหม่ของบรรพบุรุษของพวกเรา โทษของพวกแกคือความตายสถานเดียว!”

สีหน้าของหยานอี้เปลี่ยนไปในทันที เหมือนข่าวจากเมืองมังกรจะพระแพร่กระจายออกไปเร็วมาก

“พี่หยาน เมื่อไหร่ท่านฉู่จะมาล่ะ?” เจ้าสำนักเทียนหวู่จงถามเสียงเบาๆ ก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเป็นโหล ตอนนี้พวกเขาอ่อนแอเกินไป

หยานอี้ส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“กลัวเหรอ?” จิ่วโยวถามเขาด้วยน้ำเสียงเด็ก

“ฉัน…” หวู่ปู้ซือ เจ้าสำนักเทียนหวู่จงยิ้มแห้งๆ กลับมาเป็นคำตอบ

“กำลังของเราต่างจากพวกนั้นมากเกินไป ฉันอดคิดมากในเรื่องนี้ไม่ได้”

“ดีๆ ฉันชอบคนตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ” จิ่วโยวติชม

หวู่ปู้ซือพูดไม่ออกและไม่เถียงอะไรนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอจิ่วโยว เธอดูเป็นเด็กที่น่ารักมากจนเขาคิดว่าเธอเป็นหลานของหยานอี้ด้วยซ้ำ เขากำลังจะพูดต่อหยอกล้อเธอ แต่ก็ถูกหยุดโดยจิ่วโยวที่ยกนิ้วชี้ไว้ที่ปากของเธอเอง

“ใจเย็น ฉู่ชวิ๋นมาแน่” จิ่วโยวยืนยัน ดวงตาอันเชิดชายของเธอจ้องมองไปที่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 10 คนหรือมากกว่านั้นและพูดออกมาว่า “แต่ตอนนี้เราต้องรักษาที่มั่นเอาไว้ก่อน”

“เรื่องสู้ฉันถนัดอยู่แล้ว จะเป็นใครก็เข้ามาเลย!” เหลยเป้าพูดอย่างองอาจ

“โฮ่….นั้นเหลยเป้าที่ทุกคนพูดถึงสินะ? มา มะ มาเล่นสนุกกับพี่สาวมา!”

จู๋เย่ชิงยิ้มและขยิบตาให้เหลยเป้า

ทำให้เหลยเป้ารู้สึกสะอิดสะเอียนมากเขารู้สึกถึงความปั่นป่วนในท้อง

“มันมีคนที่น่าขยะแขยงแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? ประตูวิญญาณสลายของพวกแกตกต่ำถึงขนาดนี้เลยอย่างงั้นเหรอ?”

แววตาของจู๋เย่ชิงโหดเหี้ยมขึ้นมาทันที จิตสังหารของเขาปกคลุมรอบพื้นที่ “ปากหมาจริงๆ อยากตายนักใช่ไหม?”

“สภาพนี้ยังจะมาอยากฆ่าฉันเนี่ยนะ?” เหลยเป้าเยาะเย้ย

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลยเป้า ดวงตาของจู๋เย่ชิงก็วูบวาบด้วยจิตสังหารที่รุนแรง จิตสังหารนั้นได้พุ่งเข้าใส่เหลยเป้า “ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเย็บปากเน่าๆ ของแกเอง”

“ดูสิ พวกผีสางกล้าขนาดนี้เลยเหรอ?” หวู่ปู้ซือล้อเลียน

จู๋เย่ชิงโกรธมาก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวมากจนทำให้ผงแป้งบนหน้าเริ่มร่วง

“พี่ใหญ่พูดได้ดี!” เหลยเป้าหัวเราะลั่น

“หัวเราะให้เต็มที่ไปเลย ตอนที่พวกแกยังทำได้!” เสียงของจู๋เย่ชิงเต็มไปด้วยความดุดัน

เมื่อพูดจบเขาก็ยิงเข็มทองคำไปที่ลำคอของหวู่ปู้ซือทันที

ดวงตาของหวู่ปู้ซือเบิกกว้าง ฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วเกินจนเขาไม่อาจตอบสนองทันหรือหลีกเลี่ยงได้ทัน

แก็ง!

จิ่วโยวยื่นมือเล็กๆ ที่ขาวผ่องของตัวเองออกไปปัดเข็มทองคำขนาด 3 นิ้วลงสู่พื้น

พวกประตูวิญญาณสลายมองไปที่จิ่วโยวด้วยความตกใจ

“เธอคือจิ่วโยวสินะ น่ารักจริงๆ” ดวงตาของจู๋เย่ชิงเป็นประกายขึ้นมาทันที

จิ่วโยวมองกลับด้วยสีหน้ารังเกียจ “ไม่อยากเก็บลูกตาไว้มองแล้วเหรอ?”

“แหมๆ…พูดจาได้น่ารักดีจริงๆ” จิตใจของอีกฝ่ายเต้นตุบตับไม่เป็นจังหวะ

จิ่วโยวมองกลับไปด้วยสายตาอันเยือกเย็นราวกับหิมะ เธอพุ่งตัวออกไปที่จู๋เย่ชิง พร้อมกำปั้นระเบิด

ตู้ม!

ดาบใหญ่ของคิงคองเข้ามารับไว้

“ไม่ต้องมายุ่ง ยัยเด็กนี้เป็นของฉัน” จู๋เย่ชิงยิ้มก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่จิ่วโยว

หมัดของจิ่วโยวเหมือนสายลม กระหน่ำรัวอย่างต่อเนื่องจนอากาศฉีกขาด

จู๋เย่ชิงยิ้มกว้างและเผชิญหน้ากับกำปั้นของจิ่วโยวอย่างไม่แยแส

ตู้ม!

แรงระเบิดที่ดังขึ้น ทำให้สีหน้าของจู๋เย่ชิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พลังที่แข็งแกร่งจากกำปั้นของจิ่วโยวทำให้เขาตกใจต้องถอยหลังเท้าไถไปกับพื้นดินจนเกิดรอยลึก

“กระจอก” จิ่วโยวดูถูกอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เพลงหมัดของเธอยังคงระดมเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

รอยยิ้มอันน่ารังเกียจยังคงมีให้เห็นบนหน้าของจู๋เย่ชิง แต่ดวงตาของเขาตอนนี้ดูจริงจังกับการต่อสู้มากขึ้น ก่อนที่จะสวนกลับใส่จิ่วโยว

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดอันน่าขนลุกดังขึ้น เศษหิน ดิน ทราย กระจายไปทั่ว จู๋เย่ชิงต่อยร่างเล็กๆ ของจิ่วโยวกระเด็นออกไปไกลกว่ากว่า 100 เมตร

พลังของจิ่วโยวดูถูกไม่ได้เลย แม้จะตัวเล็กกว่าแต่ก็มีพลังที่น่าสะพรึงกลัว จนทำให้แขนของจู๋เย่ชิงสั่นไม่หยุด

“สาวน้อยน่ารักจะดุร้ายขนาดนี้ได้ยังไง? มาเป็นน้องสาวของพี่สาวมา แล้วพี่สาวจะซื้อตุ๊กตาให้เธอเอง”

ร่างของจิ่วโยวสั่นสะท้านด้วยจิตสังหาร เธออยากจะฆ่าชายคนนี้ คำพูดอันน่ารังเกียจของจู๋เย่ชิงกระตุ้นจิตสังหารในตัวเธอ

จิ่วโยวไม่ตอบกลับไปแม้แต่คำเดียว หมัดของเธอเรืองแสง พร้อมกับเสียงที่ดังราวกับสายฟ้า

จู๋เย่ชิงกระพริบตา เขาต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามืออีกครั้งระหว่างนิ้วของเขาเปร่งประกายแสงสีทอง เข็มวิญญาณสลายปรากฏพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย

“ตายไปซะไอ้พวกมดปลวก!” จิ่วโยวมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้นก็พูดอย่างเย็นชา ปืนสีเงินปรากฏขึ้นในมือของเธอพร้อมจิตสังหาร

ปืนสีเงินของจิ่วโยวยิงออกไป ซึ่งราวกับภาพเหตุการณ์เคลื่อนไหวช้าๆ เห็นเป็นลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาบิดอากาศรอบข้างอย่างรุนแรง

จู๋เย่ชิงกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว

ปัง!

กระสุนปืนกระแทกเข้ามาที่ไหล่ของจู๋เย่ชิงอย่างรุนแรงจนไหล่ของเขาระเบิดในทันที

จู๋เย่ชิงกรีดร้องอีกครั้ง ขณะกระเด็นออกไปไกลกว่า 100 เมตร

ตอนนี้เธอสามารถใช้ปืนกระสุนเงินกระบอกนี้ได้ราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเธอแล้ว

ฟิ้ว!

ในมือของจู๋เย่ชิงมีเข็มทองคำปรากฏขึ้นมานับสิบและพุ่งเข้าใส่จิ่วโยว

ปืนเงินของจิ่วโยวสั่นเทา ปล่อยระลอกคลื่นสีเงินออกมา ทำให้เข็มทองคำร่วงหล่นลงพื้น

ฟึบ!

ปืนเงินพุ่งออกไปจิ่วโยวใช้ปืนแทนหอกเพื่อแทงจู๋เย่ชิง

จู๋เย่ชิงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหลบ แต่ก็ทำได้แค่เลี่ยงไม่ให้โดนจุดสำคัญเท่านั้น เป็นอีกครั้งที่ไหล่ของเขาถูกแทงจนทะลุติดกับพื้นดินจนตรึงเขาไว้กับพื้น

“โอ้ยๆๆ! ทำไมพวกแกยังไม่เข้ามาช่วยกันอีกเหรอห่ะ!” จู๋เย่ชิงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

จิ่วโยวกำลังพุ่งเข้าไปหมายสังหาร ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บจากด้านหลัง ทำให้ต้องหันไปดูก็พบดาบเล่มหนึ่งฟาดเข้ามาที่ซึ่งจิ่วโยวยืนอยู่ก่อนหน้าจนทำให้เกิดรอยร้าวบนพื้น

ในจังหวะเดียวกัน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอีก 2 คนก็โจมตีจิ่วโยวราวกับสายฟ้า

จิ่วโยวเหยียดมือออกไป ปืนเงินก็พุ่งกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง เธอรีบยิงออกไป 2 นัด

แก็ง! แก็ง!

ดาบสองเล่มที่หมายจะโจมตีจิ่วโยวถูกทำลายทันที

“อยากตายนักเหรอ?” ดวงตาจิ่วโยวแฝงไปด้วยความอาฆาตปืนของเธอเล็งไปยังจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิสองคนที่พยายามจะลอบโจมตี

ในจังหวะต่อมา ปืนเงินก็แทงออกไปอีกครั้งราวฟ้าผ่า

แก็ง!

ปืนเงินเยือกเย็นจนทำให้ผิวหนังเย็นตาม มีดยาวที่อยู่ปลายปืนชี้ให้เห็นว่ามีระลอกคลื่นสีเงินระเบิดออกมา ทำลายดาบของอีกฝ่าย ซึ่งปืนเงินยังคงไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย หลังจากทำลายดาบแล้วมันยังพุ่งต่อหมายจะแทงคอหอยของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอย่างโหดเหี้ยม!

แววตาของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเบิกกว้างด้วยความตกใจจนรีบถอยหนี แต่ปืนสีเงินรวดเร็วเกินไปจนเขาไม่อาจหลบหลีกได้ทัน

แกร็ง!

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิอีกคนใช้ดาบปัดป้องแทนเขา ทำให้ปืนที่แทงเข้ามากระเด็นกลับไป ช่วยชีวิตสหายเอาไว้ได้ทัน

แววตาของจิ่วโยวเยือกเย็น ปืนเงินรู้สึกเหมือนกำลังถูกท้าทายมันสั่นอย่างรุนแรง

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่ถูกช่วยยังคงตกใจ ปืนสีเงินส่องแสงเจิดจ้า มีดที่ปลายปืนสั่นและส่งเสียงบางอย่างออกมา มันแยกออกจากปืนเป็น 2 ส่วนและพุ่งตรงเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง

จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นกลัวมากจนต้องรีบถอยหนี

ฉึก!

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว มีดปลายปืนสีเงินไม่เพียงแต่จะแทงเข้ามาที่หน้าอกของเขาเท่านั้น แต่อีกส่วนหนึ่งของมันที่แยกออกมายังแทงเข้ามาที่ท้องของเขาด้วย

มันสายไปแล้วสำหรับเขาที่จะถอยหนี

ฉากนี้ทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง

ทุกคนต่างตกใจกับความร้ายกาจของจิ่วโยว

แม้แต่เหลยเป้าเองก็ตัวแทบทรุด หัวสมองว่างเปล่า

แววตาของจิ่วโยวเยือกเย็น ใบหน้าเล็กๆ มองอีกฝ่ายอย่างดูถูกเหยียดหยาม เธอได้กินผลกีวี่ทองคำเข้าไปเมื่อตอนที่อยู่ในเมืองมังกร ทำให้พลังการต่อสู้ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เธอเทียบได้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 แล้ว!

“ก็แค่หมูหมากาไก่ ถ้าอยากตายนักก็เข้ามา” เสียงน่ารักๆของจิ่วโยวเต็มไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง ร่างเล็กๆถือปืนที่ยาวเกือบ 2 เมตร กลับทำให้ศัตรูต้องตัวสั่น

เธอต่อสู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 3 คน ตอนนี้มี 2 คนได้รับบาดเจ็บหนัก ซึ่งมันน่าตกใจมาก

“มีพลังขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะเอานังเด็กนี้กลับไปศึกษา” ในบรรดาคนของประตูวิญญาณสลาย ชายชราที่มีผมขาวและเสื้อคลุมสีดำเอ่ยขึ้น ขณะที่จ้องมองไปยังดวงตาของจิ่วโยว

“ท่านเจ้าสำนักช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆ โชคดีแล้วที่พวกเราติดตามท่าน ไม่เช่นนั้นเส้นทางนี้คงยากลำบากเป็นแน่” ชายชราอีกคนหนึ่งกล่าว

แม้ว่าจิ่วโยวจะทำให้อีก 2 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ครั้งนี้ประตูวิญญาณสลายส่งคนของตนออกมามายมายมี 15 คนที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ยังไงซะความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงแตกต่างกันมากอยู่ดี