กงจี้ยืนแข็งทื่อไม่ขยับตัวอยู่พักใหญ่จนหลิวหมิงอันถึงกับต้องลองเรียกเขาอย่างลองเชิง “เฮ้ คุณชายเล็ก…”
กงจี้มองหลิวหมิงอันนิ่ง ๆ เขาหมุนตัวเดินกลับไปยังร้านอาหารเมื่อครู่ มือหนาใต้ชุดทหารสั่นเล็กน้อย เขารู้ดีว่าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักถึงจะควบคุมตัวเองได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยากฆ่าชายบึกบึนผู้ที่อยู่ข้างกายเจียงป่าวชิงมากเพียงใด แล้วเขาก็จะจับนางไปขังไว้ในที่ที่ใครก็มองไม่เห็นยกเว้นเขาด้วย
กงจี้หลุบสายตาลงและขึ้นบันไดไปอย่างช้า ๆ นางทำให้ขาของเขากลับมาเดินได้อีกครั้ง และตอนนี้นางก็ทำให้หัวใจเขากลับมาคุ้มดีคุ้มร้ายอีกแล้ว
หนีเถอะ… เจ้าหนีไปเถอะ… เก่งนักก็หนีไปให้สุดขอบโลกเลยสิ!
ในเมื่อรู้ว่าเจียงป่าวชิงยังไม่ตายก็ง่ายต่อการลงมือ ชั่วชีวิตนี้ของนาง อย่าได้คิดหนีออกจากฝ่ามือเขาอีกเลย
ชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิด ชาติหน้าก็ไม่มีทางเช่นกัน!
กงจี้ยิ้มอย่างช้า ๆ ใบหน้าคมคายฉายแววบ้าคลั่งน่ากลัว
หลิวหมิงอันที่เดินตามอยู่ด้านหลังกงจี้อดตัวสั่นไม่ได้ ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขารู้สึกเสมอว่ากงจี้ที่ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธต่อสู้ที่สามารถฆ่าคนได้โดยปราศจากความรู้สึกไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอย่างไม่มีเหตุผลว่าชายหนุ่มบึกบึนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ดูเหมือนจะเปลี่ยนอาวุธสังหารไร้ความรู้สึกนี้ให้กลายเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังจะกินคนได้ไปแล้ว
จู่ ๆ หลิวหมิงอันก็รู้สึกกังวลแทนชายหนุ่มบึกบึนคนนั้น
……
เจียงป่าวชิงวิ่งกอดผ้ามาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเหลือแรงไม่มากแล้วนางถึงจะก้มตัวลงและหายใจหอบเหนื่อย
แรงของจิ้นเทียนหยู่ดีกว่านางมาก เขาหยุดอยู่ข้างกายนาง ในที่สุดก็อดกลั้นความอยากรู้ไม่ไหวถามออกไปในที่สุด “คนเมื่อกี้นี้คือใครรึ ?”
เจียงป่าวชิงไม่ได้ตอบในทันที นางหายใจหอบสักครู่แล้วยืดตัวตรงตอบ “เขาคือคุณชายคนหนึ่ง เป็นคนที่ข้าเคยรักษาขาให้”
สีหน้าของจิ้นเทียนหยู่ไม่สู้ดีนัก “แต่ท่าทางของเขาเหมือนไม่ใช่แค่คนที่เจ้าเคยรักษาข้าให้ธรรมดา ๆ เลยนะ”
เจียงป่าวชิงยิ้ม แต่ดวงตานางกลับไม่ได้ยิ้มตาม “ไม่ธรรมดาจริง ๆ นั่นแหละ ขาเขารักษายากมากเป็นพิเศษ”
ไม่ใช่แค่รักษายากอย่างเดียว ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ทำให้นางป่วยทางใจเพราะเรื่องของเขาไปแล้วด้วย นางคิดว่าเวลาจะสามารถเยียวยาทุกสิ่งได้ แต่วันนี้กลับพบว่าเวลาไม่สามารถรักษาได้เลย นาน ๆ ไป “กงจี้” กลับกลายเป็นจุดศูนย์รวมของโรคที่ทำร้ายหัวใจนางมากขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำให้ตัวเองยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด “ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเข้าสู่ยามโพล้เพล้ เรารีบกลับกันดีกว่า”
จิ้นเทียนหยู่รู้สึกอึดอัดใจและใจร้อนไม่เป็นสุข แต่เขาเองก็รู้ว่าเขาไม่มีจุดยืนมากพอที่จะไต่ถามนางมากกว่านี้ ท่าทางของเจียงป่าวชิงดูเหมือนจะไม่อยากบอกเขาสักเท่าไหร่เช่นกัน
แต่ใครก็ดูออกว่าชายหนุ่มรูปงามในชุดทหารคนนั้นจะต้องมีอดีตหลายอย่างกับเจียงป่าวชิงอย่างแน่นอน ยิ่งสายตานางเวลาที่มองชายหนุ่มคนนั้น แสงประกายความรู้สึกบางอย่างในดวงตาของนาง เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
สาวน้อยคนนี้มักเย็นชามาโดยตลอด บางครั้งนางก็จะพูดคำพูดบางอย่างที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่นางแสดงออกในวันนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริง ๆ
……
คืนนั้น เจียงป่าวชิงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ตอนตื่นขึ้นในวันถัดมาดวงตานางบวมเพียงเล็กน้อย ทว่านั่นถึงกับทำให้เจียงฉิงตกใจเลยทีเดียว นางคิดว่าเจียงป่าวชิงป่วยจึงร้อนใจอย่างมาก
เจียงป่าวชิงพูดปลอบ “ไม่เป็นไร ข้าแค่นอนไม่พอ ประเดี๋ยวนอนเพิ่มก็ดีขึ้นแล้วล่ะนะ”
เจียงฉิงเชื่อใจเจียงป่าวชิง เด็กหญิงได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก
หลังจากที่เจียงป่าวชิงล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้วนางก็เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถึงค่อยกลับไปที่ห้องเพื่อไปเตรียมนอนเพิ่ม แต่หลังจากที่นางปิดประตูเสร็จก็หันมาเห็นกงจี้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของตัวเอง
นางคิดว่าตัวเองคิดเรื่องเขาทั้งวันทั้งคืนทำให้เกิดเป็นภาพหลอน จึงขยี้ตาและพูดพึมพำ “ข้าคงเหนื่อยเกินไปแล้วแน่ ๆ”
แต่แล้วภาพหลอนรูปกงจี้นี้กลับขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมทั้งสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องไปด้วย เขาพูดประเมินอย่างเย็นชาว่า “แคบ”
สวรรค์โปรด! ภาพหลอนนี้พูดได้ ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่ภาพหลอนแล้วกระมัง!
แม่แต่คนที่สงบนิ่งอย่างเจียงป่าวชิงก็ตกใจต้องรีบวิ่งไปปิดหน้าต่างให้สนิททันที ดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่รอบ ๆ นี้นางถึงกล้าเดินมาตรงหน้ากงจี้และอดที่จะใช้นิ้วจิ้มแขนของเขาไม่ได้
แตะต้องได้และเป็นคนจริง ๆ ด้วย
เจียงป่าวชิงทั้งใจเต้นแรงและรู้สึกมึน ๆ เล็กน้อย “เจ้ามาได้ยังไง ?”
กงจี้มองดูท่าทางกินปูนร้อนท้องของเจียงป่าวชิงก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม ตัวข้านี่ไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยให้คนอื่นรู้รึไง ?” เขาถามด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
“ไม่ใช่ คุณชายกงเก็บนิสัยเสียของเจ้าก่อน” เจียงป่าวชิงรู้สึกระอาใจอย่างมาก “เจ้าไม่รู้รึว่าที่นี่ที่ไหน”
ที่นี่คือถ้ำโจรนะพี่ชาย! แล้วยังมีด่านลับระหว่างทางขึ้นเขาอีกด้วย ด่านลับนั้นตรวจไม่พบคนตัวใหญ่ที่เดินขึ้นเขาอย่างทะนงองอาจและถ่อมาขู่ขวัญนางถึงในบ้านเลยรึ
กงจี้พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ไม่ใช่ว่าหลิวหมิงอันกำลังหาหมู่บ้านฟู่กุ้ยอยู่หรอกรึ ? เมื่อวานตอนที่ข้ากอดเจ้า ข้าทายาผงบนแขนเสื้อของเจ้าเล็กน้อย ข้าหาเจ้าโดยตามยาผงมา”
กระดิ่งระวังภัยในหัวของเจียงป่าวชิงดังขึ้นทันที “หลิวหมิงอันหาหมู่บ้านฟู่กุ้ยทำไม ?”
กงจี้มองเจียงป่าวชิงและไม่พอใจที่นางให้ความสนใจหลิวหมิงอันขนาดนั้น แต่เมื่อเห็นท่าทางสนใจเอามาก ๆ ของนาง สุดท้ายเขาก็บอกออกไปอย่างเย็นชา “น้องชายเขาถูกคนจากหมู่บ้านฟู่กุ้ยจับตัวไป เขาจะไม่หาได้หรือ ?”
ที่แท้คนที่รอติดต่อกับมู่จิ้งอี๋คือหลิวหมิงอัน!
เจียงป่าวชิงได้รับข่าวสารนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นางไม่รู้ว่าหลิวหมิงอันอยู่ในตำแหน่งอะไร แต่รู้ว่าคงไม่ใช่คนที่ใครก็สามารถหาเรื่องเขาได้อย่างแน่นอน
กงจี้ฉวยจังหวะตอนที่เจียงป่าวชิงเหม่อลอยคว้าร่างนางมากอดในอ้อมแขนของตัวเอง “ทำไมเจ้าถึงได้สนใจหลิวหมิงอันขนาดนี้ฮะ ?!”
เจียงป่าวชิงเกือบหัวเราะเพราะกงจี้อยู่แล้ว “นี่เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นว่าเจ้ากอดข้าในตอนที่ข้าเหม่อลอยรึ ?”
กงจี้แค่นหัวเราะ เขาพันธนาการร่างบางนี้ไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา “เห็นแล้วยังไง เจียงป่าวชิง ข้าบอกไว้เลยว่าชั่วชีวิตนี้เจ้าอย่าได้หนีไปไหนอีกเลย ยังไงเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น”
ได้ยินคำพูดเชิงใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ หัวใจของเจียงป่าวชิงเต้นแรงจนมันใกล้จะกระโดดขึ้นมาถึงลำคออยู่แล้ว นางรู้สึกคอแห้งผากและขาอ่อนแรงเล็กน้อย
“ไม่เจอกันสามปี ทำไมเจ้าถึงได้ไร้เหตุผลขนาดนี้นะ” เจียงป่าวชิงคว่ำหน้าอยู่ในอ้อมแขนของกงจี้และพูดขึ้นเสียงเบา
กงจี้ส่งเสียงหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นนิ่ง ๆ “เมื่อก่อนข้าเย่อหยิ่งมาก แต่มันจะมีประโยชน์อะไร เจ้าทิ้งข้าอย่างโหดร้ายครั้งหนึ่งข้าจึงยอมแพ้ไป แต่ข้าเกือบเสียใจทีหลังไปตลอดชีวิตตอนที่คิดว่าเจ้าตายแล้ว ตั้งแต่นั้นมา ข้าก็เข้าใจว่าเมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญก็ควรไร้เหตุผลบ้าง”
ได้ฟังชายหนุ่มที่เคยเย่อหยิ่งเย็นชาเยาะเย้ยตัวเองเช่นนี้ เจียงป่าวชิงรู้สึกตื้นตันใจ เบ้าตาของนางเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกทั้งตื้นตันและขมฝาดในลำคอ นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เสียงเจียงฉิงกลับดังมาจากนอกประตูเสียก่อน
“พี่สาว พี่อยู่ในห้องหรือเปล่า ?” สิ้นเสียงเด็กหญิงก็ได้ยินเสียงเปิดประตูดังตามมา
เจียงป่าวชิงตกใจมากจนเผลอผลักกงจี้ลงบนเตียงอย่างไม่รู้ตัว แล้วล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียงด้วยเช่นกัน มือเล็กรีบหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองกับร่างกงจี้ไว้เป็นพัลวัน
เจียงฉิงเปิดประตูไม่มาก ออกแนวแง้มประตูมากกว่าและมองลอดเข้ามาเห็นอย่างเลือนรางว่าเจียงป่าวชิงนอนอยู่บนเตียง
“อาฉิง ข้าจะนอนต่ออีกสักหน่อย เจ้าปิดประตูก่อนนะ” เจียงป่าวชิงตอบเสียงเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจียงฉิงเชื่อฟังเจียงป่าวชิง นางส่งเสียงตอบรับเบา ๆ พลางปิดประตู “ได้จ้ะพี่ งั้นข้าไปฝึกเขียนตัวอักษรอยู่ที่ห้องข้าง ๆ นะจ๊ะ ถ้าพี่ตื่นแล้วเรียกข้านะ”
หลังจากไล่เจียงฉิงออกไป เจียงป่าวชิงถอนหายใจโล่งอก เหงื่อบาง ๆ ผุดออกมาที่แผ่นหลังของนาง
ฟู่ววว! นี่มันฉิวเฉียดจริง ๆ
แต่ทว่า… นางเพิ่งตระหนักได้ในภายหลัง
‘โอ้ไม่นะ! เมื่อกี้ข้าทำอะไรลงไป ?!… ข้าซ่อนกงจี้ไว้ใต้ผ้าห่มและตอนนี้เขากำลังกอดข้าอยู่!’
.