ตอนที่ 315 เจ้าโตแล้ว

แม่สาวเข็มเงิน

เจียงป่าวชิงกำลังจะดึงผ้าห่มออก ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยเหงื่อจากความประหม่า แต่แล้วจู่ ๆ นางกลับตัวแข็งทื่อ ไม่อาจขยับมือเลิกผ้าห่มออกไปได้

เพราะอะไรน่ะรึ ก็กงจี้กดทับร่างนางอยู่ในผ้าห่มไงเล่า!

เจียงป่าวชิงไม่เคยสัมผัสตัวใครหรือใกล้ชิดคนอื่นมากขนาดนี้แม้กระทั่งผู้หญิงด้วยกันก็ไม่เคย ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงผู้ชายเลย แต่ดูตอนนี้สิ ร่างกายของชายผู้เต็มไปด้วยพลังกำลังกดทับนางไว้ ลมหายใจร้อน ๆ พ่นรดใบหูของเจียงป่าวชิงเบา ๆ

เอ่อ… นี่มันแนบชิดมาก เนื้อแนบเนื้อเกินไป ไม่มีท่าทางไหนที่ใกล้ชิดกว่านี้อีกแล้ว!

“เจ้าโตแล้วนะ” กงจี้พูดอย่างมีความหมาย เห็นได้ชัดว่าสายตาของเขาเลื่อนมองนาง และอ้อยอิ่งอยู่ที่ใบหน้านางนานเป็นพิเศษ

สองใบหน้าอยู่ใกล้กันมาก ใกล้ขนาดที่ลมหายใจเป่ารดกันได้ เจียงป่าวชิงตื่นเต้นแทบบ้าแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ เวลานี้เบื้องหน้านางคือกงจี้ คุณชายผู้ไม่ได้พบหน้ากันเลยมาตลอดสามปี

ตลอดสามปีมานี้นางไม่รู้เลยว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง เหตุใดถึงเปลี่ยนจากคนที่ชอบทำหน้าบูดบึ้งไปเป็นไอ้โรคจิตพราวเสน่ห์อย่างนี้ได้

ความคิดในหัวนางตีกันยุ่งจนใกล้ระเบิดอยู่รอมร่อ

“กงจี้!” เจียงป่าวชิงพยายามเก็บซ่อนหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามและกัดฟันเรียกชื่อเขา

“ข้าอยู่นี่” รอยยิ้มประดับมุมปากกงจี้ เขาตอบรับเสียงเบาแต่ก็ไม่วายยิ้มเจ้าเล่ห์

“ลุก!”

“หึ ๆ ถ้าข้าไม่ลุกเจ้าจะทำไม”

เจียงป่าวชิงขยับมือเตรียมข่วนใบหน้ากงจี้ แต่สองมือของนางถูกเขาฉวยกดไว้เสียก่อน ท่าทางในตอนนี้ล่อแหลมมากกว่าเดิมอีก!

กงจี้ยืดตัวตรง ก้มมองเจียงป่าวชิงและหัวเราะเย็นชา “หึ ๆ ๆ ข้าคิดว่าเจ้ากำลังส่งอาหารให้ข้าด้วยตัวเองซะมากกว่า” พูดเสร็จ เขามองนางอย่างพึงพอใจ สรีระนี้มีชีวิตและนุ่มนิ่ม ไม่ใช่ศพหญิงบวมน้ำในความฝันเมื่อคืนนี้

ดีจริง ๆ… เจียงป่าวชิงของเขายังไม่ตาย แม้นางจะมีคนอื่นในใจแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อชิงนางกลับมาอยู่ข้างกายเขาให้ได้ นางต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น!

กงจี้มองสาวน้อยที่กำลังดิ้นรนอยู่ใต้ร่างเขาด้วยแววตาสุขุมลุ่มลึก ส่วนเจียงป่าวชิงกังวลถึงเจียงฉิงที่อยู่ห้องข้าง ๆ เสียจนไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงดิ้นรนอยากหลุดพ้นจากอ้อมแขนที่พันธนาการ

“คุณชายกง! ถ้าเจ้ายังไม่ลุกออกไป ข้าตะโกนเรียกคนแล้วนะ!”

สีหน้าของกงจี้อึมครึมขึ้นทันที ทว่ามันก็ปนไปด้วยความเยาะหยัน “เหอะ เจ้าจะตะโกนเรียกไอ้ผู้ชายเถื่อนคนเมื่อวานให้มาช่วยงั้นสิ”

เจียงป่าวชิงถลึงตาใส่เขา ความทุกข์ระทมแล่นเข้าเล่นงานหัวใจของนาง ไอ้ผู้ชายเถื่อนอะไรกัน เขามีสิทธิ์อะไรไปเรียกหัวหน้าสามเช่นนั้น และเขามีสิทธิ์มาหึงหวงอะไรที่นี่ ทีตอนนั้นที่เขากับลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขาเหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างต่อกันซึ่งนางรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่เคยอธิบายหรือทำให้มันชัดเจน นางยังไม่ได้พูดหรือทำท่าทางอะไรใส่เขาเลย

นางรู้ตัวดีว่าตนไม่มีสิทธิ์หึงหวงอะไรเขา แต่ในทำนองเดียวกัน เขาก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน

ดวงตาคู่งามของนางน้ำตาเอ่อคลอ ยามนี้น่าหงุดหงิดและไร้ซึ่งทางเลือกอื่น นางเอียงศีรษะอ้าปากกัดแขนเขาเต็มปากเต็มคำ

หงับ!

กงจี้ทั้งเจ็บทั้งโกรธ “เฮ้! นี่เจ้ากัดข้าเพราะไอ้ชายเถื่อนคนนั้นรึ ?!” แม้จะเจ็บแต่เขากลับไม่คิดปล่อยสองมือที่บีบแขนบางของนางอยู่

แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยนางเพราะเห็นหยาดน้ำตาใสตรงหางตาของนาง

ยอมแพ้ก็ได้ให้ตายเถอะ!

……

เจียงป่าวชิงถอนหายใจ นางไม่ได้อยากทำให้กงจี้เจ็บใจเลยจริง ๆ แต่ในตอนนั้นนางรู้สึกเศร้าใจและไร้ทางเลือกจึงต้องปลีกตัวออกห่างมา ทว่าตอนนี้ฟ้าส่งชายผู้สูงศักดิ์กลับมาอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง จะว่าอย่างไรดี การกัดเขาในครานี้ก็เพื่อระบายความโกรธที่สุมแน่นอยู่ในใจนางกระมัง

แต่แน่นอนว่านางไม่ได้ใช้แรงมากมายนัก อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกลึก ๆ นั้นยังคงไม่เต็มใจที่จะทำร้ายเขา

อึดใจต่อมาเขาก็ปล่อยนาง

เจียงป่าวชิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างว่องไว ลูบคลำข้อมือซ้ายของตัวเองป้อย ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าหากเจ้ามาที่นี่ตามอำเภอใจอีก ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าจริง ๆ แล้วนะ”

สายตาแหลมคมของกงจี้ไปหยุดอยู่ที่กำไลข้อมือบนข้อมือซ้ายของเจียงป่าวชิง สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป เขาหลับตาลง… สูดหายใจเข้าลึก ๆ สงบอารมณ์ …ไม่คิดเลยว่านางจะใช้สิ่งที่เขามอบให้เพื่อไว้ใช้ป้องกันตัวมารับมือกับเขาเพื่อชายอีกคน

……

กงจี้กลับไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนตอนที่เขามา

เจียงป่าวชิงนั่งอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ ผ่านไปสักครู่ถึงจะพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หลังจากที่กงจี้กลับไปแล้ว นางถึงได้นอนหลับสบาย และเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ

สาวน้อยเจียงฉิงเห็นเจียงป่าวชิงเป็นเช่นนี้ก็โล่งใจ คิดว่าพี่สาวหายป่วยแล้ว

“อ๊ะ! ใช่แล้วพี่สาว เมื่อครู่พี่ซิ่วผิงมาหาพี่ เห็นบอกว่าหัวหน้าสองรู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อยนะจ๊ะ” เจียงฉิงพูดต่อเมื่อเห็นว่าพี่สาวของนางไม่ได้พูดอะไร “แต่ข้าบอกไปแล้วว่าพี่ไม่สบายและเพิ่งพักผ่อน พี่ซิ่วผิงจึงบอกว่าเมื่อพี่พักผ่อนเพียงพอแล้ว ก็ให้ไปดูอาการหัวหน้าสองหน่อยจ้ะ”

เจียงป่าวชิงลูบผมเจียงฉิง “ได้สิ ข้าจะไปดูหัวหน้าสองสักหน่อย ขอบใจเจ้ามากที่มาบอกต่อ”

เจียงป่าวชิงไปที่บ้านของซูรุ่ยเอ๋อร์ ตอนนี้แผนการของมู่จิ้งอี๋กับซูรุ่ยเอ๋อร์ถูกเปิดโปงแล้ว ซูรุ่ยเอ๋อร์ก็ป่วยแต่ไม่เข้าขั้นรุนแรง เพียงแค่นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนล้าไร้ชีวิตชีวา แต่เมื่อเจียงป่าวชิงจับชีพจรให้นางก็มีอันต้องตกใจพูดไม่ออกเลยทีเดียว

ซูรุ่ยเอ๋อร์กำลังท้อง!

แม้สภาพชีพจรจะตื้นมากและตรวจพบได้ว่านางเพิ่งตั้งครรภ์เพียงระยะสั้น แต่เจียงป่าวชิงมีความรู้เรื่องเหล่านี้จึงตรวจแล้วรับรู้ นางยังไม่กล้ายืนยันอย่างถึงที่สุดก็จริงแต่สภาพชีพจรเช่นนี้ รวมกับปฏิกิริยาท่าทางต่าง ๆ ของซูรุ่ยเอ๋อร์ก็ยืนยันได้มากกว่าครึ่งแล้วว่านางนั้นกำลังตั้งท้อง

ซูรุ่ยเอ๋อร์สังเกตเห็นด้วยตัวเอง นางเห็นสีหน้าของเจียงป่าวชิงก็เดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าตนกำลังเป็นอะไร มือขยับไปลูบท้อง ส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้เจียงป่าวชิง “ฮืม… นี่คงเป็นก่อนที่เรื่องของพวกข้าจะถูกเปิดเผยนะ”

เวลาสั้นเกินไป… เด็กคนนี้ ไม่สิ ตอนนี้เกรงว่ายังคงเป็นตัวอ่อนอยู่ ยังเรียกว่าเด็กได้ไม่เต็มปาก เจียงป่าวชิงไม่รู้ว่ามู่จิ้งอี๋มีความรู้สึกอะไรต่อซูรุ่ยเอ๋อร์หรือไม่ แต่สิ่งที่นางรู้คือแม้จะมีความรู้สึก แต่ความรู้สึกนี้กลับปนไปด้วยการหลอกลวงที่ไม่ยุติธรรมกับซูรุ่ยเอ๋อร์เลย

ยาของหลี่อันหรูในตอนนั้นได้มาอย่างไร คนอื่นอาจไม่รู้แต่เจียงป่าวชิงรู้อย่างชัดเจน นางมีภาพความทรงจำต่อยาทั้งหมดของหลี่อันหรู

ยาเหล่านั้นดูเหมือนจะโผล่มาในใบรายการยาสำหรับใช้ปรับสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นตอนที่เจียงป่าวชิงให้ยากับซูรุ่ยเอ๋อร์ในช่วงเวลานั้น

ได้ยินว่าช่วงเวลานั้นมู่จิ้งอี๋เป็นคนไปต้มยาให้กับซูรุ่ยเอ๋อร์ทุกวัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมู่จิ้งอี๋โยกย้ายยาที่ควรเป็นยาสำหรับปรับสภาพร่างกายซูรุ่ยเอ๋อร์ เขาเอายานี้ไปให้หลี่อันหรู

แม้ซูรุ่ยเอ๋อร์จะเป็นโจร นางก็ดีกับมู่จิ้งอี๋และเป็นจริงเป็นจังกับความสัมพันธ์มาก แต่มู่จิ้งอี๋กลับใจอำมหิต เอายาของนางไปให้คนอื่นซะได้

ต้องทราบก่อนว่ายานี้มักทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่เสมอ มู่จิ้งอี๋ช่างกล้ามากที่ไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตของซูรุ่ยเอ๋อร์

เดิมทีเจียงป่าวชิงไม่อยากบอกเรื่องนี้กับซูรุ่ยเอ๋อร์เลย แต่เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันบีบบังคับ สุดท้ายนางก็บอกซูรุ่ยเอ๋อร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องที่หลิวหมิงอันพี่ชายของมู่จิ้งอี๋กำลังรออยู่ที่ตีนเขาด้วย

ซูรุ่ยเอ๋อร์มีสิทธิ์รับรู้ว่าพ่อของลูกในท้องนางทำอะไรกับนาง แล้วค่อยให้นางตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ต่อไปหรือไม่

ซูรุ่ยเอ๋อร์เงียบไปสักพัก

“ตอนนี้… ท่านจะทำยังไงต่อไปหรือ ?” เจียงป่าวชิงเอ่ยถาม

ซูรุ่ยเอ๋อร์ตีหน้านิ่ง คงเพราะเป็นช่วงต้น ๆ ของการตั้งท้อง นางจึงดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย “ข้าจะทำยังไงได้อีกล่ะ มีลูกแล้วก็เกิดออกมาสิ แม้ข้าไม่กล้าอวดสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกดู แต่ทุกสิ่งที่ข้ามีมันก็เหลือเฟือพอที่จะเลี้ยงลูกข้าให้โตเป็นผู้ใหญ่ได้” นางพิงอยู่บนหมอนอิง พูดตามที่ตัดสินใจออกมาด้วยท่าทางนิ่ง ๆ

เจียงป่าวชิงเงียบ

จู่ ๆ ซูรุ่ยเอ๋อร์ก็เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าพี่ชายของพี่อี๋แซ่หลิวไม่ใช่รึ ? งั้นพี่อี๋ก็คงไม่ได้แซ่มู่ เขาคงแซ่หลิว ข้าไม่รู้แล้วว่าเมื่อลูกเกิดออกมาต้องแซ่มู่หรือแซ่หลิวถึงจะดี” ซูรุ่ยเอ๋อร์เหม่อลอยอยู่สักครู่ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ… ช่างเถอะ ให้เด็กใช้แซ่ซูของข้านั่นแหละดีที่สุด ถึงยังไงพ่อเด็กคงไม่ยอมรับลูกของเขาหรอก ถ้าใช้แซ่ของพ่อเด็กก็เท่ากับว่าเป็นการหาเรื่องน่าเบื่อให้ตัวเอง เจ้าว่าจริงไหมล่ะ ?”

ซูรุ่ยเอ๋อร์พูดถึงหลิวหมิงอัน จู่ ๆ เจียงป่าวชิงก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างได้ ในเมื่อกงจี้สามารถหลบหลีกด่านลับทั้งหมดได้และบุกเข้ามาถึงในห้องนางได้อย่างเงียบ ๆ ถ้าอย่างนั้น… ดูเหมือนว่าเขารับรู้และเข้าใจเส้นทางมาหมู่บ้านฟู่กุ้ยแล้ว

เช่นนั้น… ก็เท่ากับว่าหลิวหมิงอันที่เดิมทีไม่สามารถบุกเข้ามาได้ในตอนนั้น ตอนนี้มีแผนที่มีชีวิตอยู่ในครอบครองแล้ว