ตอนที่ 316 เล่นบทบาทอะไร

แม่สาวเข็มเงิน

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เจียงป่าวชิงรีบไปที่บ้านกูฟู่กุ้ยอย่างรวดเร็ว

กู่ฟู่กุ้ยกำลังต่อสู้กับจิ้นเทียนหยู่ในสนามฝึก แม้มีมีดห้อยอยู่ที่เอวหัวหน้าใหญ่ แต่อาวุธที่เขาถนัดมือที่สุดคือขวานคู่หนึ่ง ทว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าขวานนี้เก็บลำบาก มันไม่สะดวกเท่ามีดที่สามารถห้อยเอวพกไปไหนมาไหนตลอดเวลาได้ มีแต่ในสนามฝึกเท่านั้นที่เขาจะโบกขวานวาดลวดลายสู้ได้เต็มที่

กู่ฟู่กุ้ยยิ่งต่อสู้กับจิ้นเทียนหยู่มากเท่าไหร่ ในใจเขายิ่งรู้สึกตกใจมากเท่านั้น เขารู้ว่าจิ้นเทียนหยู่ฝีมือดี คนแก่อย่างเขาถึงกับต้องยกทั้งตัวและจิตวิญญาณมารับมือกับเจ้าเด็กหนุ่มนี่เลยทีเดียว

ใครก็รู้ว่าการโจมตีของจิ้นเทียนหยู่เป็นรูปแบบการโจมตีบ้าคลั่งรุนแรงมาโดยตลอด แต่วันนี้ความคลั่งรุนแรงมีมากเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มเลือดร้อนไปกินยาผิดสำแดงที่ใดมาถึงได้ระห่ำเช่นนี้ เขาสู้ไม่คิดชีวิตราวกับพร้อมเดินไปสู่ความตายได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น

กู่ฟู่กุ้ยกระโดดหลีกไปด้านข้าง ตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “น้องสาม ช่วงนี้ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจหรือเปล่า เจ้าต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึ ? ฟันแต่ละทีเหมือนต้องการฆ่าข้าให้ตายอย่างนั้นแหละ!”

จิ้นเทียนหยู่กระทุ้งมีดลงพื้นอย่างเหนื่อยหอบ เขาหอบหายใจอย่างเงียบ ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าท่าทางทั้งหมดของเขาอยู่ในสายตาหัวหน้าใหญ่และมันทำให้กู่ฟู่กุ้ยรู้สึกเข็ดฟันอย่างประหลาด เขาโยนขวานให้ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างและเดินเข้าไปตบหลังจิ้นเทียนหยู่ ทำให้จิ้นเทียนหยู่ที่ยืนเหม่อไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรเกือบทรุดหน้าคะมำลงไปกับพื้น

“น้องสาม ข้าดูจากท่าทางของเจ้าเหมือนมีเรื่องกลัดกลุ้ม แทนที่จะต่อสู้กับข้าที่นี่ เจ้าไปดื่มกับข้าสักแก้วสองแก้วดีกว่า!” กู่ฟู่กุ้ยเพิ่งพูดจบ สายตาพลันเหลือบไปเห็นเจียงป่าวชิงยืนขมวดคิ้วอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านข้าง

“น้องเจียง… เอ้อไม่ใช่ น้องสาวเจียง…” กู่ฟู่กุ้ยรู้สึกเก้อเขิน เขาตัดสินใจว่าจะเรียกเจียงป่าวชิงว่าน้องสาวเจียงนี่แหละ ร่างใหญ่เดินเข้าไปทักทายนาง “มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าน้องสาวเจียง ?”

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าจิ้นเทียนหยู่ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำว่า “เจียง”

อันที่จริงกู่ฟู่กุ้ยก็ไม่เจอเจียงป่าวชิงมาหลายวันแล้ว เขาทักทายนางด้วยคำถามนี้ ไม่คิดเลยว่าเจียงป่าวชิงจะตอบเขาว่า “มีธุระสำคัญ” ด้วยท่าทางจริงจังอย่างมาก

……

กู่ฟู่กุ้ยใช้สายตาเอือมระอามองพวกโจรที่ชะโงกหน้ายืดคอต้องการมองเจียงป่าวชิงนาน ๆ อยู่ด้านนอก เขาตวาดใส่พวกนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าดูอะไรกัน! ไสหัวไปฝึกไป๊!”

ทุกคนเห็นท่าทางน่ากลัวของหัวหน้าใหญ่ก็พากันวิ่งหนีกระเจิง

ในห้องเหลือเพียงกู่ฟู่กุ้ย จิ้นเทียนหยู่ รวมทั้งพี่น้องที่ค่อนข้างมีตำแหน่งในหมู่บ้านอีกสองสามคน จะว่าไปแล้วถ้าไม่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้ หลู่เว่ยต้งสามารถเข้าร่วมการพูดคุยรวมกลุ่มระดับนี้ได้ด้วยเช่นกัน

“หัวหน้าสองไม่ค่อยสบาย ข้าจึงไม่ได้เรียกนางมา” เจียงป่าวชิงพูดขึ้น

ทุกคนต่างรู้เรื่องที่ซูรุ่ยเอ๋อร์ไม่สบายในช่วงนี้ แต่กลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เพียงพากันพยักหน้ารับรู้เท่านั้น

สีหน้าเจียงป่าวชิงไม่เคยเคร่งขรึมจริงจังมากขนาดนี้มาก่อน นายเอ่ย “เมื่อวานข้าบังเอิญเจอกับคนสองคนที่ข้าเคยรู้จัก ข้าไม่รู้สถานะที่ชัดเจนของหนึ่งในสองคนนั้น รู้เพียงว่าเขาตำแหน่งสูงและมีอำนาจ แต่เขาคนนั้นคือพี่ชายของมู่จิ้งอี๋และน่าจะเป็นกำลังหนุนของมู่จิ้งอี๋ที่อยู่นอกภูเขาด้วยเช่นกัน”

ข่าวคราวนี้ออกจากปากเจียงป่าวชิงก็เกิดเสียงฮือฮาทันที

จิ้นเทียนหยู่นึกถึงคนที่เขาพบกับเจียงป่าวชิงที่ตีนเขาวานนี้ มือเขาพลันกำเข้าหากันแน่น

ขณะเดียวกันมีคนตบโต๊ะเสียงดังและพูดขึ้นอย่างห้าวหาญ “ใครมันจะบุกมาเราก็ไม่กลัว! ไอ้พวกคนนอกคู่นั้นถูกพวกเรามัดโยนเข้าไปในคุกใต้ดินแล้ว ถ้าพี่ชายเขามาอีกคนก็จะถูกพวกเรามัดโยนเข้าไปในคุกใต้ดินด้วยเช่นกัน เรารวมตัวครอบครัวให้พวกเขาเลยเป็นไง!”

แปะ แปะ แปะ!

เจียงป่าวชิงปรบมือนับถือความห้าวหาญของเขาคนนี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “ปัญหาตอนนี้คือเกรงว่าพวกเขาอีกคนจะรู้เส้นทางมาหมู่บ้านเรา รวมถึงรู้ทางหนีทีไล่และช่องทางเข้าออกต่าง ๆ ของหมู่บ้านแล้วน่ะสิ”

คำพูดของเจียงป่าวชิงราวกับตักน้ำเทลงในน้ำมันเดือด เกิดความโกลาหลในฉับพลัน

“เป็นไปได้ยังไง!” ชายห้าวหาญเมื่อครู่ตะเบ็งเสียง เขาอยากจับหลิวหมิงอันเข้าคุกและเล่นงานไอ้บ้านั่นให้เละเป็นกองโจ๊ก “ทางมาและทางเข้าหมู่บ้านเราทั้งแปลกทั้งซับซ้อน ตอนนั้นโจรในคราบนักบวชผู้เก่งกาจเป็นหนี้พี่ใหญ่เรา เขาจึงช่วยออกแบบมันขึ้นมา ไหนจะความอันตรายของเส้นทางธรรมชาติ คนนอกหมู่บ้านจะเข้าใจและเข้ามาในหมู่บ้านเราได้ยังไง!”

แม้ทุกคนไม่ได้โต้แย้ง แต่สายตาของพวกเขากลับหมายความแบบเดียวกัน มีเพียงจิ้นเทียนหยู่คนเดียวที่เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าเขาถึงได้ย่ำแย่ขนาดนั้น

เจียงป่าวชิงถอนหายใจเบา ๆ “ทำไมจะไม่ได้ วันนี้ตอนเช้าชายคนนั้นมาโผล่อยู่ในหมู่บ้านของพวกเราแล้ว”

นอกจากจิ้นเทียนหยู่ที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้เลย แม้แต่กู่ฟู่กุ้ยเองยังหัวเราะคิกคักจนเคราใต้คางสั่นเบา ๆ “น้องเจียงเจ้าล้อเล่นอะไร ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะรู้ทางและต้องการฝ่าเข้ามาในหมู่บ้านเรา ข้าว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถโผล่มาในหมู่บ้านได้อย่างเงียบ ๆ หรอก พี่น้องทางฝั่งด่านลับผลัดเปลี่ยนเวรกันทุกหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ทุกอย่างยังปกติอยู่เลยเจ้าไม่เห็นหรือ ?”

กู่ฟู่กุ้ยพลั้งปากเรียกเจียงป่าวชิงว่าน้องเจียงอย่างเคยชิน

เจียงป่าวชิงถอนหายใจ นางรู้ว่าทุกคนไม่เชื่อว่ากงจี้สามารถหลบหลีกด่านลับทุกด่านและฝ่าเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างเงียบเชียบ หากเป็นเมื่อก่อนนางเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน

แต่ตอนเช้าของวันนี้ กงจี้มาโผล่อยู่ในบ้านนางได้จริง ๆ และมาโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นแม้แต่คนเดียวด้วย ทว่าเพียงลมปากนางคนเดียว ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้

“คนที่เจ้าพูดถึงคือคนที่ปะทะกับข้าเมื่อวานใช่ไหม ?” จู่ ๆ จิ้นเทียนหยู่ก็เอ่ยถาม น้ำเสียงเขาหาเรื่องอย่างที่สุด

เจียงป่าวชิงชะงัก ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

จิ้นเทียนหยู่ถอนหายใจแรง เขากดโต๊ะยันกายลุกยืน “ฮึ่ม ถ้าเป็นชายคนนั้น ไม่แน่อาจจริงดังที่หมอเจียงว่า”

กู่ฟู่กุ้ยเชื้อใจจิ้นเทียนหยู่มากกว่าเจียงป่าวชิง เพียงได้ยินจิ้นเทียนหยู่พูดมาเช่นนี้ สีหน้าเขาเปลี่ยนกลายเป็นเคร่งขรึมทันที “น้องสาม เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

จิ้นเทียนหยู่มองเจียงป่าวชิง “เมื่อวานข้าปะทะกับชายคนนั้นแล้ว ฝีมือเขาไม่เลว อันที่จริงอาจถึงขั้นเก่งกาจมาก ถ้าหากว่าเขาตามรอยข้ากับเจียงป่าวชิงมาในตอนนั้น ไม่แน่เขาอาจอ้อมด่านและหาหมู่บ้านของเราเจอได้จริง”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ไม่หรอก แท้จริงแล้วเขาเทผงยาบางอย่างใส่ตัวข้า ข้าไม่ทันสังเกตเห็นและเขาตามรอยผงยานั้นมา”

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที

ทุกคนต่างกำลังทำความเข้าใจกับข้อเท็จจริงนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นโจรภูเขาที่แน่นอนว่ามีความป่าเถื่อนในแบบของโจรไหลเวียนอยู่ในเลือด ยามใดที่ออกไปฆ่าคนปล้นชิงทรัพย์สิน พวกเขามักมีความตื่นตัวนี้เสมอ ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะมีวันนั้น วันที่ถูกคนอื่นรู้เส้นทางบุกเข้ามายังถ้ำโจรของพวกเขา

นี่มันเสี่ยงต่อการถูกทำลายยกรัง!

“ช่างหัวมันสิ ก็แค่รู้ทางใช่ว่าจะยืนยันได้แน่นอนว่าสามารถบุกเข้ามาได้” ใครคนหนึ่งถ่มน้ำลายลงพื้น “ถุย! พวกพี่น้อง เราต้องเตรียมป้องกันได้แล้ว มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้อ้อมด่านลับได้เพียงคนเดียวใช่ว่ามันจะล้มเราทั้งหมู่บ้านได้ ยังไงซะถ้ามันพากันยกโขยงมา เราต้องรู้ตัวและเรามีวิธีรับมืออยู่แล้ว จะกลัวพวกมันทำไม! ใครกลัวกัน!”

คำพูดชายคนนี้มีเหตุผล ทุกคนพากันพยักหน้าส่งเสียงเฮฮึกเหิมคล้อยตาม

ทันใดนั้นเอง ใครคนหนึ่งที่เงียบมาตลอดก็มองเจียงป่าวชิงและพูดขึ้น

“แต่ข้าสงสัยอยู่หน่อย หมอเจียง เจ้าบอกว่าเจ้ารู้จักสองคนนั้น… งั้นเจ้าเล่นบทบาทอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ ?”

.

.