ตอนที่ 317 กงจี้ห่วยแตก

แม่สาวเข็มเงิน

เพียงคำถามนี้หลุดออกไป ภายในห้องพลันตกอยู่ในความเงียบงัน อันที่จริงพวกโจรแห่งหมู่บ้านฟู่กุ้ยจะเงียบเสมอเมื่ออยู่ในช่วงรวมกลุ่มหารือ ทว่าก็เลี่ยงไม่ได้ ในการรวมกลุ่มหารือทุกครั้งมักมีสองสามคนที่ชอบโพล่งคำพูดทำให้ทุกคนรู้สึกว่าข้าอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับคนโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไรประมาณนั้น

และความเงียบในครั้งนี้ ปนไปด้วยความเก้อเขินยากจะบรรยายได้

“ว่าไงล่ะ เจ้าเล่นบทบาทอะไรที่นี่ ?” เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้คือคนพูดสงสัยในตัวเจียงป่าวชิงเล็กน้อย

เจียงป่าวชิงมองชายคนนั้น

ชายคนนั้นกระแอมไอเบา ๆ “อะแฮ่ม… หมอเจียงอย่ามองข้าแบบนั้นสิ เรื่องนี้ข้าเล็งไปที่เรื่องราวไม่ได้เล็งไปหาเจ้าสักหน่อย ในเมื่อเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ยังดูน่าสงสัยกับศัตรูนอกหมู่บ้านเราเช่นนี้ จะไม่ให้ใครถามสักหน่อยรึ ?”

เจียงป่าวชิงไม่ได้คุ้นเคยกับชายคนนี้มากนัก แต่พอจะมีภาพความประทับใจอยู่บ้างเล็กน้อย

ชายคนนี้มีนามว่าจ้าวซื่อไห่ เขาถือเป็นคนหนึ่งที่ชอบถือหางหลู่เว่ยต้ง และเป็นคนที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้านฟู่กุ้ยไม่น้อยเลย ก่อนที่เจียงป่าวชิงจะเข้ามาในหมู่บ้าน ชายคนนี้เป็นโรคหิดที่หลังและเนื้อของเขาก็เน่าเปื่อยมายาวนานหลายปี ต่อมาเขาเจ็บจนทนไม่ไหวจึงลองไปหาเจียงป่าวชิงเป็นการส่วนตัว สุดท้ายนางตั้งใจจะรักษาโดยใช้วิธีการแบบยุคปัจจุบันหรือ ‘ผ่าตัด’ ให้เขาแต่เขากลับไม่เชื่อใจและไม่ยอมให้รักษา ซึ่งก็ไม่แปลกสำหรับคนยุคเก่าอย่างเขาที่จะไม่ยอมให้รักษาด้วยวิธีที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ตอนนั้นนางไม่ได้บังคับอะไรเขา ในเมื่อเขาไม่ยอมก็ยังมีวิธีรักษาอื่น ๆ อย่างเช่นใช้ยาทาภายนอกและยาต้มดื่มรักษาจากภายใน

สุดท้ายแล้วนางใช้วิธีโปะยากอเอี๊ยะกลิ่นแรงไว้บนหลังและให้เขากินยาขมอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการรักษาแบบไม่ผ่าจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะถึงอย่างไรก็ต้องรอให้เนื้อเน่าของโรคหิดตรงแผ่นหลังตกสะเก็ดและหายเป็นปกติไปเอง

เจียงป่าวชิงบอกเขาเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของวิธีทั้งสอง แต่จ้าวซื่อไห่ยังคงเลือกรักษาแบบโบราณอย่างเด็ดขาด

เวลานี้เขาถูกคนอื่น ๆ ย่นจมูก ทำสีหน้าไม่ชอบใจใส่เพราะกลิ่นยาฉุนแรงจากตัวจ้าวซื่อไห่มันลอยโชยเตะจมูก ทว่านี่โทษเจียงป่าวชิงไม่ได้ นางเคยบอกเขาแล้วว่าวิธีแบบโบราณใช้เวลานานกว่าจะหาย นี่ก็ผ่านมานานแล้วที่จ้าวซื่อไห่ต้องเดินไปไหนมาไหนแบบมีกลิ่นยาลอยมาตามตัวซึ่งเหม็นอย่างอธิบายไม่ถูก และไม่รู้ว่าเขาถูกคนอื่น ๆ เหน็บแนมมากเพียงใด เรื่องนี้คงรบกวนจิตใจจ้าวซื่อไห่มากทีเดียวเพราะในระยะเวลาช่วงสองสามปีให้หลัง ทุกครั้งที่นางบังเอิญเจอเขา เขาไม่เคยทำสีหน้าดี ๆ ให้กับนางเลย

เวลานี้จ้าวซื่อไห่เปิดประเด็นมาอย่างไม่ปกปิดว่าเขาสงสัยเจียงป่าวชิง แม้ค่อนข้างเก้อเขินอยู่หน่อย ๆ แต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อืม เจ้าถามได้เป็นธรรมดา…”

ปัง!

ทว่านางยังพูดไม่ทันจบคำ จิ้นเทียนหยู่ตบโต๊ะอย่างแรงพร้อมตวาดเสียงดัง “จ้าวซื่อไห่เจ้าหมายความว่ายังไง ?! ถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงสมคบกับไอ้ศัตรูนั่น ทำไมนางต้องบอกเรื่องนี้ให้เรารู้ สู้สั่งให้คนตีขนาบทั้งด้านนอกและด้านในโดยที่เราตั้งรับไม่ทันไม่ดีกว่ารึ!”

แม้จิ้นเทียนหยู่จะเป็นชายผู้หยาบคายและคำพูดไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกมากเพียงใด เขาก็ไม่ได้โง่ ทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมีเหตุผลอยู่พอสมควรจึงพากันพยักหน้าคล้อยตาม

จ้าวซื่อไห่แค่นเสียงหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ ๆ หัวหน้าสามพูดแบบนี้ไม่ได้ จากที่หมอเจียงหลอกพวกเราจนหัวปั่นว่านางเป็นชายตลอดสามปีที่ผ่านมามันก็น่ากังวลอยู่ว่านางเป็นคนเนียนได้ขนาดไหน ไม่แน่ครั้งนี้นางอาจจงใจพูดให้เราสับสน จงใจบอกกับเราเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้ตัวเองไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เมื่อถึงช่วงเวลาชุลมุนนางอาจโจมตีเราอย่างรุนแรงก็ได้”

คำพูดนี้… คล้ายกับว่ามีเหตุผลน่าเชื่อถือไม่เบา ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกลังเลอีกครั้ง พวกเขามองเจียงป่าวชิงสลับกับมองจ้าวซื่อไห่

เจียงป่าวชิงทอดถอนใจ เพียงยิ้มจาง ๆ และถามกลับไป “พวกท่านคิดว่าข้าเหมือนคนโง่หรือเปล่า ?”

ทุกคนงุนงง ก่อนจะพากันส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง

รอยยิ้มของสาวน้อยให้ความรู้สึกแช่มชื่นในจิตใจราวกับหยาดน้ำค้างหยดชโลมลงบนก้านใบสีเขียวยามรุ่งอรุณ น้ำเสียงนางหนักแน่นชัดเจน ไม่หวานไม่เลี่ยนเกินไปดูแล้วไม่เหมือนพวกโกหกเลย

“ความเป็นไปได้ที่จ้าวซื่อไห่พูดมานั้นถือว่ามีเหตุมีผล แต่ถ้าลองฟังดี ๆ คนโง่เท่านั้นแหละที่จะถามเช่นนี้ ถ้าหากว่าข้ากับชายผู้เป็นศัตรูข้างนอกนั่นคิดร่วมมือกันทำลายหมู่บ้านของเราก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่ข้าใส่ยาพิษลงไปในอาหารของทุกคนก็จบ ถ้าข้าทำจริงข้าทำไปนานแล้วและรับรองได้เลยว่าทั้งหมู่บ้านจะล้มลง เมื่อถึงตอนนั้น ข้าค่อยให้คนรู้จักเก่าเข้ามามัดตัวพวกเจ้าเอาไปส่งให้กับราชสำนักเพื่อรับรางวัล เช่นนี้ทั้งง่ายและรู้สึกน่าปลื้มอกปลื้มใจกว่าไม่ใช่รึ ? ข้าจะมามัวเสียเวลาปลอมตัวแล้วมาช่วยนั่นช่วยนี่พวกเจ้าทำไมตั้งนานหลายปี”

“…”

สิ้นเสียงเจียงป่าวชิง แผ่นหลังทุกคนในห้องชื้นเหงื่อแทบจะในทันที หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนนี้พูดเรื่องน่ากลัวได้อย่างสบาย ๆ แม้เสียงนางจะอ่อนโยนแต่มันดังฟังชัด สีหน้าก็สุดมั่นใจ

ช่างน่ากลัวจริง ๆ!

กลับกันสีหน้าจ้าวซื่อไห่ไม่สู้ดีนัก

เจียงป่าวชิงหยิบถ้วยชาที่วางอยู่ตรงหน้านางขึ้นมา จรดริมฝีปากนุ่มทาบทับกับขอบถ้วย จิบน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื่นกับริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้งแล้วพูดต่อ

“ทำไมข้าถึงต้องลำบากตัวเองเพื่อเปิดโปงเรื่องที่พวกศัตรูรู้เรื่องเส้นทางเข้าภูเขาที่จะนำพามายังหมู่บ้านเราด้วย ข้าก็ทำเพื่อเตือนพวกเราไงเล่า เตือนให้ทุกคนระวัง ไหนจะบอกความเสี่ยงของการถูกฆ่าและความเสี่ยงเกิดการก่อกบฏ ถ้ามัวแต่มาสงสัยกันเองอยู่เช่นนี้ สุดท้ายเราอาจถูกฆ่ายกหมู่บ้าน แต่ถ้ายังสงสัยข้าอยู่ก็กลับไปทบทวนคำอธิบายเมื่อครู่นี้ของข้าอีกครั้ง คิดให้ดี ๆ ถ้าข้าอยากแว้งกัดหมู่บ้านฟู่กุ้ยจริง ๆ ข้าจะทำแบบนี้ทำไม พวกท่านลองพูดมาสิว่ามีวิธีไหนที่ทำได้ง่ายและปลอดภัยสำหรับข้ามากกว่า”

“…” ทุกคนต่างไม่เต็มใจตอบคำถามนี้

สีหน้าจ้าวซื่อไห่ดูไม่ได้มากกว่าเดิม เขาอ้าปากอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กู่ฟู่กุ้ยกระแอมไอขัดจังหวะก่อน

“พอได้แล้ว ศัตรูภายนอกยังไม่ทันบุกโจมตีเข้ามา คนภายในกลับขัดแย้งกันก่อน ใช้ไม่ได้! ซื่อไห่ มันไม่ผิดที่เจ้าจะรู้สึกสงสัย แต่น้องเจียงพูดมีเหตุผล ทุกคนต่างรู้ดีเกี่ยวกับทักษะรักษาโรคของนาง มันง่ายมากจริง ๆ หากว่านางจะวางยาพวกเรา นางไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้ด้วยซ้ำ…”

จ้าวซื่อไห่เห็นกู่ฟู่กุ้ยพูดมาเช่นนี้ เขาไม่ประนีประนอมอีกต่อไปและยืนกราน “หัวหน้าใหญ่ ข้าเองก็คำนึงถึงพี่น้องในหมู่บ้านของเราเหมือนกัน หากท่านไม่กลัวเรื่องที่แน่นอนก็กลัวเหตุไม่คาดฝันหน่อยเถอะ! หมอเจียงบอกว่าชายคนนั้นทาผงยาบนแขนเสื้อนางและตามรอยมาจากผงยา ท่านลองคิดดูดี ๆ ทักษะรักษาโรคของหมอเจียงล้ำเลิศขนาดนั้นแต่ทำไมนางถึงติดกับดักชายคนนั้นในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ได้”

เจียงป่าวชิงเริ่มคิดว่า ‘ไอ้บ้า’ จ้าวซื่อไห่คนนี้ชักเริ่มน่ารำคาญแล้ว พูดเหมือนนางจะต้องใส่ใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับยาอย่างไรอย่างนั้น

แต่ทุกคนกลับไม่คิดเช่นนี้

เจียงป่าวชิงไม่นึกโกรธต่อการโต้เถียงของจ้าวซื่อไห่ แต่พอเขาเอ่ยมาแบบนี้นางก็นึกขึ้นได้โดยไม่คาดคิดว่านางก็ติดกับดักกงจี้จริง เขาฉวยโอกาสทาผงยาตอนที่กอดนาง ทำให้นางขวัญหนีดีฝ่อจนถึงกับไม่ได้สังเกตผงยาบนแขนเสื้อและทำให้เขาโผล่มาทำให้ตกใจได้ถึงในบ้านของนาง!

สิ่งที่ทำให้เจียงป่าวชิงทนไม่ไหวที่สุดคือหลังจากที่เขาปลุกปั่นความรู้สึกนางแล้วก็จากไปอย่างลึกลับ แล้วดูสิ ตอนนี้นางยังต้องมาจัดการกับปัญหาต่าง ๆ นานาของเขาอยู่อีก

กงจี้ ไอ้คนห่วยแตก!

เจียงป่าวชิงแอบด่าในใจทว่าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมาทางสีหน้า นางมองกู่ฟู่กุ้ยและพูดขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อไม่ว่าข้าจะพูดยังไงก็มีคนสงสัยเสมอ งั้นเอาแบบนี้ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ช่วงนี้หัวหน้าใหญ่หาคนสักสองสามคนมาเฝ้าที่บ้านข้า ข้ากับอาฉิงจะอยู่แต่ในบ้าน จวบจนเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้วเราค่อยคุยกันอีกทีก็ได้”

“ไม่ต้องขนาดนั้น…”

กู่ฟู่กุ้ยรีบพูดพลางขมวดคิ้ว ทว่าเขายังพูดไม่ทันจบจ้าวซื่อไห่ที่อยู่ด้านข้างก็ขัดขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจ

“ไม่! เพื่อความปลอดภัยเราควรขังนางไว้ในคุกถึงจะปลอดภัยที่สุด! หัวหน้าใหญ่ ท่านต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของพี่น้องในหมู่บ้านทั้งหมด หมอเจียงไปอยู่ในคุกสักสองสามวันแลกกับความปลอดภัยของพวกพี่น้องทั้งหมู่บ้าน เหมาะสมที่สุดแล้ว!”

.

.