กำลังของค่ายกลลดลงกู้ชูหน่วนถึงได้พบเจอกับทางเข้าเส้นทางลับ

เพียงแต่ว่าทางเข้าเส้นทางลับนี้ไม่ใช่ทางเข้าเส้นทางลับนั้นที่เพิ่งแยกจากจอมมาร

นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ค่ายกลนี้ช่างแปลกประหลาดนัก?

การป้องกันเมื่อครู่นี้แน่นหนาเสียจนลมก็ไม่สามารถผ่านได้และไม่มีที่ใดที่จะทำลายค่ายได้จู่ๆตอนนี้กลายเป็นทำลายค่ายกลไปได้?

มีใครช่วยนางทำลายค่ายกลอีกครึ่งหนึ่งหรือ?

ในบรรดาเผ่าปีศาจยังมีผู้ใดที่สามารถช่วยนางทำลายค่ายกลนี้ได้?

หรือว่าจะเป็นอาม่อ?

“นายท่าน เราได้ค้นพบทางเข้าเส้นทางลับแล้วเหตุใดยังไม่จากออกไป? หรือว่ายังต้องค้นหาสิ่งใดอีกหรือ?” ฝูกวงถามอย่างสงสัย

ที่ไม่ไกลนักมุมปากของจอมมารยกขึ้นยิ้มอย่างพึงพอใจจากนั้นยกมืออันขาวขึ้นเบาๆแล้วสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ในมือด้วยความโลภและกล่าวประโยคหนึ่งออกมาจากมุมปาก

“งี่เง่า แน่นอนว่านางกำลังหาข้าอยู่ หาข้าไม่เจอแล้วนางจะออกไปได้อย่างไร”

กู้ชูหน่วนกวาดมองไปทั่วทุกทิศซึ่งที่นี่นั้นถูกทิ้งให้ร้างโดยไม่มีแม้แต่เงาผู้ใดสักเดียว แต่ที่ไกลๆนั้นเห็นแสงไฟกระจายอยู่และก็ไม่รู้ว่าผู้ถือธงจำนวนเท่าใดกำลังค้นหาร่องรอยของพวกเขา

นางมองดูเส้นทางลับจากนั้นก็มองไปยังแสงไฟอันไกลแล้วกัดฟัน “ไป”

อาม่อเดินเล่นรอบหุบเขากลืนวิญญาณราวกับว่าเดินเล่นอยู่รอบลานเรือนของตนเอง รอไม่เจอนางก็คงจะจากไปเองสินะ

ยิ่งกว่านั้นนางรู้วิธีเส้นทางลับลายเส้นทางเช่นนั้น ฐานะก็ผิดแปลกคาดไม่ได้คิดว่าคงจะไม่โง่เช่นเดียวกับเยี่ยเฟิงที่ถูกคนของเผ่าปีศาจจับกุมตัวไปเลยโดยตรง

บอกว่าไปก็ไป กู้ชูหน่วนไปก่อนเยี่ยเฟิงเป็นที่สองและฝูกวงตามหลัง จากนั้นก็หายตัวไปในส่วนลึกของเส้นทางลับ

นักฆ่าโลหิตกุมหน้าผาก

นายท่านถูกทำให้ขายหน้าอีกครั้งเสียแล้ว

คราวนี้นายท่านคงไม่มีเหตุผลที่จะพูดแทนนางแล้วนะ

นายท่านของเขาหรือไม่ก็ไม่โกรธ หากได้โกรธก็คงจะเกิดการสังหารทั่วและซากศพก่ายกันเป็นกองเป็นแน่

ถูกกระทำเช่นนี้เขาก็ไม่รู้เลยว่านายท่านจะโมโหโกรธาหรือไม่

ม่านตาสีอ่อนอันมีเสน่ห์ของจอมมารปีศาจไม่ได้เกียจคร้านดังเหมือนก่อนหน้านั้นอีก แต่ว่ากลับจ้องมองทางเข้าเส้นทางลับ

การกดบังคับร่างทั้งร่างอันรุนแรงได้ปรากฏออกมา ซึ่งได้กดเอาไว้จนนักฆ่าโลหิตไม่สามารถต้านทานได้จนอยากที่จะคลานลงไปกองตรงพื้น

เหงื่อนั้นได้ไหลลงมาตามหน้าผากของ ที่น่าแปลกคือนักฆ่าโลหิตเกิดความรู้สึกหนึ่งราวกับหวาดกลัวว่าท้องฟ้าจะตกลงมา

นายท่าน……

โมโหเสียแล้ว

เป็นเวลาเนิ่นนาน

นานเสียจนในขณะที่นักฆ่าโลหิตแทบจะทนไม่ไหว แรงกดบนร่างกายของก็คลายลงไปอย่างประหลาด

จอมมารกล่าวอย่างเกียจคร้าน

“ข้ารู้แล้ว ท่านพี่คิดว่าข้ารอนางอยู่ด้านนอกเส้นทางลับดังนั้นจึงออกจากเส้นทางลับไปก่อน ก็ใช่เนื่องด้วยใช้เวลาระหว่างกลางยาวนานเกินไป นักฆ่าโลหิต”

“ข้าน้อย……ข้าน้อยอยู่นี่”

“คิดหาวิธีส่งความหมายของข้าให้นาง บอกกับท่านพี่หญิงว่าอึกไม่กี่วันข้าค่อยไปหานางเพื่อมิให้นางต้องเป็นห่วง”

“ขอรับ”

นักฆ่าโลหิตต้องการบอกมากว่าหญิงผู้นั้นไม่ได้เป็นห่วงนายท่านเลยแม้แต่น้อย

หากนางเป็นห่วงแล้วนางจะจากไปเลยเช่นนั้นได้อย่างไร?

เส้นทางลับต่างกันหมด เหตุใดนางถึงได้โง่เสียจนคิดว่านายท่านรอนางอยู่ที่ปลายทางอีกด้านหนึ่งของเส้นทางลับ

กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆเดินตามเส้นทางลับออกมา พร้อมกับออกจากเขาวงกตของเผ่าปีศาจได้อย่างปลอดภัยและตรงมายังเมืองชิงหงเลย

ตรงทางออกของเส้นทางลับมีข้อความทิ้งไว้โดยที่ในข้อความเขียนเอาไว้สองสามคำ หมายความคือว่าเขามีเรื่องที่ต้องทำอีกไม่กี่วันค่อยมาหาท่านพี่

“ท่านพี่?อาม่อ?”

ช่างประหลาด

เป็นเส้นทางลับที่ไม่เหมือนกันสองเส้นไม่ใช่หรือ?

เหตุใดอาม่อถึงมีข้อความทิ้งเอาไว้ที่นี่?

เป็นไปได้ไหมว่าเส้นทางลับทั้งสองเส้นเชื่อมหากันได้?

กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

ทางเดินในหุบเขากลืนวิญญาณนั้นแปลกประหลาดไปทุกหนแห่งหรือว่าตั้งแต่ได้รู้จักกับซือม่อเฟยก็แปลกประหลาดไปทั่วทุกหนแห่ง

คนผู้นั้นมีสถานะตัวตนใดกันแน่?

การเดินทางในเผ่าปีศาจคิดว่าเขาต้องช่วยเหลืออยู่ตลอดทางเป็นแน่

“นายท่านด้านหน้ามีวัดไป๋อวิ๋นอยู่ ดูแล้วการจุดธูปเทียนสว่างไสวยิ่งนัก หรือไม่เราก็ไปพักที่วัดไป๋อวิ๋นสักครู่หนึ่งก่อน?”

นางนั้นไม่ต้องการพัก

ท่าทีของฝูกวงก็ยังดูดีอยู่

มีเพียงเยี่ยเฟิง ตั้งแต่ออกมาจากหุบเขากลืนวิญญาณก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดสักคำ ลักษณะท่าทางก็เหน็ดหนื่อยเงียบเหงายิ่งนัก