ตอนที่ 191 กุมอำนาจ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 191 กุมอำนาจ

เสียงร้องทรมานของหลี่ซื่อยังดังขึ้นในลาน ฮูหยินผู้เฒ่าทำราวกับมิได้ยิน แต่ใบหน้ายังแฝงความรู้สึกผิดอยู่บ้าง หลังจากนั้นนางก็กล่าวกับบรรดาคุณหนูและฮูหยินว่า “ข้าดูแลคนในจวนมิเข้มงวด เป็นการรบกวนอารมณ์สุนทรีของทุกท่าน ช่าง…”

“ท่านฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้เอ่ยเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินยวี่ฉือรีบพูดแทรกเสียก่อน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน ผู้ใดก็มิคาดว่าจักเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น แม้ท่านฉลาดและมองการณ์ไกลเพียงใด แต่ก็มิอาจป้องกันคนข้างกายได้หรอกเจ้าค่ะ”

คำกล่าวนี้ย่อมชมฮูหยินผู้เฒ่า แต่เหยียบซ้ำหลี่ซื่อและอันหลิงอีไว้ใต้เท้า

อันหลิงเกอรู้จักฮูหยินท่านนี้ น้องสาวของนางเป็นนางสนมในวังที่เข้าวังไปพร้อมหลี่กุ้ยเฟย แรกเริ่มยังได้รับความเอ็นดูรักใคร่จากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก แต่มิรู้โดนหลี่กุ้ยเฟยเล่นงานเยี่ยงไร ต่อมานางสนมผู้นั้นวางยาพิษลอบสังหารหลี่กุ้ยเฟยและถูกผู้อื่นเห็นเข้า นางจึงกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย

ฮูหยินยวี่ฉือคงเกลียดหลี่กุ้ยเฟยมาก ตอนนี้มีโอกาสเหยียบพี่สาวของหลี่กุ้ยเฟยแล้วนางจักปล่อยโอกาสดีไปได้เยี่ยงไร ?

เมื่อฮูหยินยวี่ฉือกล่าวเยี่ยงนี้ออกมา สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีขึ้น เว่ยซื่อก็กล่าวเอาใจคุณหนูท่านอื่น ล้วนช่วยกันทำให้บรรยากาศดีขึ้นและในที่สุดเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไป

หลังจากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยคำพูดรักษาน้ำใจอีกมิกี่คำก็ทำท่าทางราวกับว่าตนเหน็ดเหนื่อยแล้ว ดังนั้นบรรดาฮูหยินและคุณหนูจึงพากันกล่าวลา

แม่นมอู๋สั่งให้สาวใช้ส่งพวกนางกลับและตนได้กลับมาที่โถงใหญ่ นางโน้มกายอยู่เบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่า “ฮูหยินรองหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ จักให้คนส่งนางกลับเรือนเลยหรือไม่เจ้าคะ ? “

ทางด้านอันหลิงเกอก็นิ่งฟัง พบว่ามิได้ยินเสียงร้องทรมานของหลี่ซื่อแล้วจริง ๆ คาดว่าคงแบกรับความเจ็บมิไหวจึงหมดสติไปแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อืม เบา ๆ “ส่งหลี่ซื่อกลับเรือนไปเถิด”

ตอนนี้สาวใช้ข้างกายหลี่ซื่อจึงกล้าเข้าไปยกเจ้านายที่หมดสติขึ้นมา พอเห็นสภาพเลือดมากมายจนแยกหนังหรือเนื้อมิออกก็ตกใจกลัวไปตาม ๆ กัน ในใจคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิใช่ผู้รับมือได้โดยง่าย

เสียดายที่หลี่ซื่อคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าไร้ฝีมือ อีกทั้งคิดว่าตนมีท่านโหวเป็นที่พึ่งพา แม้ทำอันใดเกินเลยก็ลงโทษนางมิได้ ทว่าครั้งนี้นางตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ยิ่งนัก

ครั้งก่อนนางร้องไห้ทำตัวน่าสงสารต่อหน้าอันอิงเฉิง จนเขาต้องถกเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่าเพราะนาง ฮูหยินผู้เฒ่าจนใจจึงต้องมอบอำนาจดูแลจวนให้หลี่ซื่อ

แต่วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่า อันหลิงอีส่งของขวัญเยี่ยงนั้นมา เป็นผู้ใดก็มิอาจปล่อยไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงจัดการอันหลิงอีและหลี่ซื่อ อันอิงเฉิงย่อมมิอาจร้องขอแทนพวกนางเพื่อสร้างความมิพอใจแก่ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแน่นอน

หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลง อันหลิงเกอและเว่ยอี๋เหนียงก็ค่อย ๆ เดินออกจากโถงใหญ่และได้สบตากัน ทันใดนั้นมุมปากของนางทั้งสองก็เผยรอยยิ้มได้ใจออกมา

เมื่อกลับไปถึงเรือนฉีอู๋ ปี้จูก็มิอาจซ่อนความดีใจบนใบหน้าต่อไปได้ นางรู้สึกดีใจจนอดมิได้ที่อยากลากผู้ใดสักคนมารับฟังว่าดีใจมากเพียงใด

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงมิรู้ว่าตอนที่ฮูหยินรองได้รับโทษ แส้นั้นเพียงสะบัดทีเดียวก็มีหนังกับเนื้อติดขึ้นมาแล้ว สภาพน่าสมเพชยิ่งนักเจ้าค่ะ “

ปี้จูที่แอบไปดูหลี่ซื่อโดนลงโทษมิรู้สึกหวาดกลัวกับฉากที่เต็มไปด้วยเลือดแม้แต่น้อย

ส่วนหมิงซินก็ได้แต่ผลักปี้จูเบา ๆ เตือนนางว่าอย่ากล่าวคำเหล่านี้ต่อหน้าอันหลิงเกอ

“มิเป็นไร” อันหลิงเกอโบกมือเพราะนางมิใส่ใจในสิ่งที่ปี้จูกล่าวเลยสักนิด

นางยังเคยแทงอาชาพยศตายด้วยตนเอง เวลาเจอโจรป่านางก็สู้กับพวกมัน วันนี้ก็แค่หลี่ซื่อถูกลงโทษ สถานการณ์เช่นนี้ทำให้นางตกใจมิได้หรอก

หลังจากนั้นหมิงซินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ รูปปั้นหยกตกอยู่ในมือคุณหนูสามได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? “

ในเมื่อนางเป็นผู้ไปซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกกลับมา เหตุใดในตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งคนไปสืบกลับสืบถึงตัวชิงเอ๋อได้ ? ทำให้หมิงซินมิเข้าใจในจุดนี้

เมื่อปี้จูได้ฟังหมิงซินเอ่ยถามก็ได้แต่อมยิ้ม แล้วเดินไปเอาของบางอย่างออกจากกล่อง นำมาวางตรงหน้าหมิงซิน “เจ้าว่านี่คืออันใด ? “

ของสิ่งนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือ ทำจากหยกเขียว แสงเงาขาวลื่น ปั้นเป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก หากมิใช่รูปปั้นแล้วจักเป็นสิ่งใดได้เล่า ?

ที่แท้ก็มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก 2 องค์ !

หมิงซินตะลึงทันที แต่ก็ยังมิเข้าใจอยู่ดี แม้ว่ามีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก 2 องค์ที่เหมือนกัน แต่คุณหนูสามมิได้ให้คนไปซื้อของสิ่งนี้แล้วเจ้าของร้านชี้ตัวว่าเป็นชิงเอ๋อสาวใช้ของนางได้เยี่ยงไร ?

“ตอนนั้นคุณหนูสามส่งหลันซินมาสืบของขวัญของคุณหนู คุณหนูจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยจึงให้เจ้าแกล้งโดนหลันซินฆ่าตายเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ อีกด้านก็ติดต่อกับอนุเว่ย”

ครั้งก่อนเว่ยซื่อปะทะกับหลี่ซื่อก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มิง่ายกว่านางจักเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าให้วางใจเพื่อยกขึ้นดูแลจวน แต่หลี่ซื่อเพียงร้องไห้ต่อหน้าอันอิงเฉิงก็ทำให้ความฝันนางพังทลาย

อันหลิงเกอจึงพาปี้จูไปที่เรือนเว่ยอี๋เหนียงแล้วเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเว่ยอี๋เหนียงตกลงร่วมมือกับอันหลิงเกอทันทีและยังเล่าว่าแท้จริงชิงเอ๋อเป็นคนของตน

“ที่แท้ชิงเอ๋อเป็นคนของอนุเว่ยหรือเจ้าคะ ? ” หมิงซินรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก นางยังรู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดชิงเอ๋อต้องดึงหลี่ซื่อและอันหลิงอีลงน้ำด้วย ที่แท้ก็เป็นคนที่เว่ยซื่อส่งตัวไปอยู่ข้างกายอันหลิงอีนั่นเอง

อันหลิงเกอพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เพราะชิงเอ๋อเป็นคนของเว่ยอี๋เหนียง ข้าจึงได้เปลี่ยนแผนการโดยให้ชิงเอ๋อไปซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกมาอีกองค์ รอให้หลี่ซื่อส่งคนไปเปลี่ยนแปลงรูปปั้นเสร็จก็ค่อยให้ชิงเอ๋อนำรูปปั้นนั้นกลับไปและสับเปลี่ยนของขวัญของอันหลิงอี”

เมื่อนึกถึงเรื่องการสับเปลี่ยนของขวัญ เพราะการกระทำของอันหลิงอีที่เตือนนางขึ้นมาเอง

หากมิใช่เพราะอันหลิงอีใช้หลันซินปลอมมาแทนหมิงซิน นางก็นึกเรื่องเปลี่ยนของขวัญของอันหลิงอีมิออก หากหลี่ซื่อและอันหลิงอีมิส่งคนมาดัดแปลงรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก ฮูหยินผู้เฒ่าก็คงมิโมโห ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นอันหลิงอีที่เจตนาชั่วกรรมจึงตามสนอง

“จากนั้นข้าก็ให้ชิงเอ๋อชี้ว่าอันหลิงอีเป็นผู้บงการแล้วทั้งพยานและหลักฐานครบถ้วน อันหลิงอีจักแย้งกลับเยี่ยงไร ท่านย่าก็มิเชื่อนางอีก”

โชคดีที่เว่ยอี๋เหนียงวางแผนสำรองไว้เมื่อหลายปีก่อน ส่งคนไปแฝงตัวอยู่ในเรือนของอันหลิงอี แม้มีเพียงชิงเอ๋อคนเดียวแต่ในยามสำคัญเพียงคนผู้เดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้มิน้อย

“แล้วชิงเอ๋อควรทำเยี่ยงไรต่อหรือเจ้าคะ ? ” ปี้จูนึกเรื่องนี้ขึ้นอย่างกะทันหันจึงเอ่ยถามอันหลิงเกอ เพราะชิงเอ๋อชี้ตัวอันหลิงอีออกมาในวันนี้ นับเป็นการทรยศหลี่ซื่ออย่างชัดเจน ด้วยนิสัยของหลี่ซื่อคงมิปล่อยชิงเอ๋อไปโดยง่าย

อันหลิงเกอจิบชาด้วยใบหน้านิ่งเฉยแล้วตอบเสียงเรียบ “เว่ยอี๋เหนียงขอร้องกับท่านย่าว่าปล่อยให้นางจัดการเรื่องนี้เอง ชิงเอ๋อจึงถูกมอบให้นางแล้ว”

พอถึงตอนนั้น มิว่าชิงเอ๋อถูกไล่ออกจากจวนหรือแกล้งหลบหนีไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับเว่ยอี๋เหนียง

ชิงเอ๋อทำงานให้เว่ยอี๋เหนียงจึงเป็นไปมิได้ที่เว่ยอี๋เหนียงจักมิสนใจนาง