ตอนที่ 190 กฎของจวน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 190 กฎของจวน

อันหลิงเกอกล่าวจบก็หันไปเอ่ยถามชิงเอ๋อ นัยน์ตาสีดำวาววับเป็นประกายและใบหน้าเรียบเฉย “เจ้ากล่าวมาสิว่าได้ช่วยน้องหญิงสามซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกหรือไม่ ? “

เมื่อชิงเอ๋อโดนเอ่ยถามก็รีบก้มศีรษะลงพื้น “ฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวเพียงทำตามคำสั่งคุณหนูสามให้ไปซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกกลับมา มิรู้จริง ๆ ว่ารูปปั้นนี้จักถูกคนดัดแปลงเจ้าค่ะ ! “

คำสารภาพของชิงเอ๋อทำเอาใบหน้าของอันหลิงอีและหลี่ซื่อเปลี่ยนสีพร้อมกัน ทั้งที่อันหลิงเกอเป็นคนซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก แต่ชิงเอ๋อกลับกล่าวเยี่ยงนี้ออกมา หรือนางจักถูกซื้อตัวไว้แล้วจึงกล้าทรยศพวกนาง ?

“เจ้ามันเลวทราม กล้าใส่ร้ายข้า!”

อันหลิงอีโกรธมาก เพราะถูกตามใจมาแต่เด็ก ยามนี้นางจึงตะโกนด่าอย่างโกรธจัดและยื่นมือออกไปตีชิงเอ๋อ

“หยุด ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว มองอันหลิงอีอย่างเย็นชา “ในเมื่อสาวใช้ผู้นี่ยอมรับความจริงแล้ว เจ้ายังอยากเล่นลิ้นอีกหรือ เจ้าคิดว่าหากมิยอมรับผิดเสียอย่าง แล้วข้าจักทำอันใดเจ้ามิได้เยี่ยงนั้นหรือ ? “

ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ามืดครึ้ม ดูเหมือนโกรธขึ้นมาจริง ๆ

เมื่อเห็นเยี่ยงนั้น อันหลิงอีก็ชะงักการกระทำเอาไว้แล้วหันมาขอร้อง “ท่านย่าเจ้าคะ ได้โปรดตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนอีกครั้ง หลานมิเคยสั่งชิงเอ๋อไปซื้อรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยก แล้วจักดัดแปลงรูปปั้นได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? “

อันหลิงอีกล่าวพลางน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม นางคุกเข่าลงกับพื้น ท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิเชื่อใจนางอีกแล้ว

“รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกเป็นสาวใช้เจ้าซื้อมา ของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นเจ้ามอบให้ข้า เจ้ากลับบอกว่ามิรู้เรื่อง นี่คิดว่าข้าโง่มากหรือไร ? “

ตั้งแต่ซื้อและส่งมอบของขวัญ รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกผ่านแค่มือคนของอันหลิงอีเพียงผู้เดียว สาวใช้ที่ไหนจักใจกล้าลงมือหากมิได้รับคำสั่งนาย เยี่ยงนั้นคนที่กล้าลงมือก็มีแต่อันหลิงอี

สืบไปสืบมาก็สืบไปถึงคนข้างกายอีเอ๋อ!

ตอนนี้ใบหน้าของหลี่ซื่อมีความกังวลปรากฏขึ้น นางจึงคุกเข่าลงเบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเลือกมิได้ “ท่านแม่เจ้าคะ อีเอ๋อเป็นคนเยี่ยงไรท่านยังมิรู้อีกหรือเจ้าคะ ? นางมิอาจทำเรื่องโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ได้เด็ดขาด ได้โปรดคืนความบริสุทธิ์แก่นางด้วยเถิดเจ้าค่ะ ! “

ความบริสุทธิ์เยี่ยงนั้นหรือ ยังกล่าวถึงความบริสุทธิ์อันใดอีก ?

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกโกรธจนหน้าเขียว เว่ยซื่อรีบลุกขึ้นมาประคองนาง

“หลี่ซื่อ ในเมื่อคุณหนูสามทำผิดจริง เจ้าก็รีบให้คุณหนูสามยอมรับผิดต่อท่านแม่เถิด นางเป็นเด็กจึงยังมิรู้ความ หรือเจ้าเองก็มิรู้ความเช่นกัน ? “

ในคำกล่าวของเว่ยซื่อมิได้โทษอันหลิงอี เพียงกล่าวหาว่าหลี่ซื่อสั่งสอนลูกมิเป็นจึงทำให้เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น

อย่างไรก็ตามอันหลิงอีเป็นคนเอาแต่ใจอยู่แล้ว เพียงเหยียบหลี่ซื่อให้ล้ม คนโง่งมเยี่ยงอันหลิงอีย่อมจัดการได้มิยาก

ท่าทางที่ทำเป็นใจกว้างของนางล้วนอยู่ในสายตาของหลี่ซื่อ ทำให้ใบหน้าของหลี่ซื่อแดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้ายและโหดเหี้ยม

“อีเอ๋อมิได้ทำอันใดผิด เหตุใดเว่ยซื่อจึงคิดใส่ร้ายนาง ? “

เหตุใดน่ะหรือ ? แน่นอนว่าทำไปเพราะความคับแค้นใจจากการถูกกดขี่ข่มเหงมาหลายปีเยี่ยงไรเล่า !

เว่ยซื่อกะพริบตา แววตาแฝงความได้ใจเล็กน้อย

มิง่ายเลยกว่านางจักมีโอกาสได้ออกมาจากเรือนเพียน มิง่ายเลยกว่าหยูเกอร์เอ๋อจักมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแรง นางจึงมิอาจทนเห็นหลี่ซื่อบีบบังคับจนพวกตนไร้พื้นที่ให้ยืนอีก

มีเพียงตัดกำลังของหลี่ซื่อได้ หยูเกอร์เอ๋อของนางถึงจักมีวันโงหัวขึ้นมา

แต่นี่เป็นความคิดในใจของนางเท่านั้น เว่ยซื่อย่อมมิกล่าวออกมาตามตรง

ภายนอกนางทำเป็นตกใจราวกับคาดมิถึงว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วหลี่ซื่อยังมิยอมรับผิด “หลี่ซื่อ เรื่องนี้เป็นเยี่ยงไรทุกท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ หากคุณหนูสามรู้จักยอมรับผิด ท่านแม่ย่อมมิทำให้เรื่องราวยืดเยื้อ แต่ตอนนี้คุณหนูสามมิยอมรับผิดเสียที มันทำให้ท่านแม่รู้สึกมิดีใช่หรือไม่ ? นี่เป็นวันเกิดของท่านแม่ เพื่อทำให้ท่านมีความสุข คุณหนูสามควรยอมรับผิดและขอโทษ เพื่อมิให้ทุกคนต้องเสียบรรยากาศ”

เว่ยซื่อพูดว่าอันหลิงอีผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำแล้วย้ำอีกให้อันหลิงอียอมรับผิด แม้แววตาและท่าทีอ่อนโยน แต่น้ำเสียงเหล่านั้นราวกับเป็นมีดแหลมคมทิ่มแทงร่างของอันหลิงอี ทำให้นางรู้สึกเจ็บไปทั้งกาย

ทว่าคำต่อมาของฮูหยินผู้เฒ่าต่างหากที่ทำให้นางได้รู้ว่าสิ่งใดคือความเจ็บอันแท้จริง

“ในเมื่ออีเอ๋อมิเคารพผู้ใหญ่ทั้งยังมิรู้จักกลับตัวกลับใจ วันนี้ข้าจึงขออัญเชิญกฎของจวนออกมาสอนให้นางรู้ว่าสิ่งใดคือมารยาทประเพณี สิ่งใดคือความกตัญญูและมีคุณธรรม ! “

เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนี้ แม่นมอู๋ก็รีบสั่งให้คนไปนำแส้เข้ามา แส้เส้นนั้นคือสิ่งที่ท่านโหวคนก่อนใช้รบแย่งชิงแผ่นดินมาได้ มันทำมาจากหนังวัวมีหนามขนาดเล็กปักไว้หนาแน่น ภายใต้แสงแดดที่ส่องมาทำให้คนมองแล้วต้องเกิดความหวาดกลัว

“ท่านแม่จักทำเยี่ยงนี้มิได้นะเจ้าคะ ! “

ใบหน้าหลี่ซื่อซีดขาว แม้กระทั่งริมฝีปากยังสั่นเทา

นางคาดมิถึงจริง ๆ ว่าฮูหยินผู้เฒ่าใจแข็งจัดการอันหลิงอีได้ หรือมิได้เกรงกลัวหลี่กุ้ยเฟยจักทราบเรื่องนี้เลยหรือ ?

ฮูหยินผู้เฒ่าทำสีหน้าเด็ดขาด ในชั่วอึดใจต่อมาก็ให้แม่นมอู๋ลงมือได้เลย ทำให้หัวใจของหลี่ซื่อเหมือนกระเด็นออกมาจากอก นางจึงกล่าวด้วยคำที่แฝงการข่มขู่ “หลี่กุ้ยเฟยรักอีเอ๋อที่สุด หากครั้งหน้าทรงตรัสถึงอีเอ๋อ…”

ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงเย็นชาทีหนึ่ง มิปรายตาไปมองนางด้วยซ้ำ “หลี่กุ้ยเฟยถามถึงแล้วเยี่ยงไร เจ้าก็ตอบตามตรงไปเช่นนี้ หากนางขัดข้องก็ให้ไปทูลฟ้องข้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ได้เลย”

นางกับฮูหยินผู้เฒ่ามิมีความผูกพันต่อกัน แต่ในปีนั้นท่านโหวคนก่อนได้สู้รบแย่งชิงแผ่นดินร่วมกับอดีตฮ่องเต้มาโดยตลอด มิว่าเยี่ยงไรฮ่องเต้ก็ต้องไว้หน้าฮูหยินผู้เฒ่าอยู่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางลงโทษหลานสาวตนเอง แม้หลี่กุ้ยเฟยรักเอ็นดูอันหลิงอีเพียงใด ยังสามารถยื่นมือมายุ่งเรื่องการลงโทษหลานสาวของนางได้หรือ ?

ในเมื่อยกหลี่กุ้ยเฟยขึ้นมาขู่ ฮูหยินผู้เฒ่ายังมิแยแส หลี่ซื่อรู้ว่าเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงมิได้แล้วใบหน้าจึงขาวซีดกว่าเดิม นางเปลี่ยนมาขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าแทน “เป็นข้าสั่งสอนนางมิเข้มงวดจึงเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น หากท่านแม่จักลงโทษก็ลงโทษข้าเถิด อีเอ๋อยังเด็กย่อมแบกรับการลงโทษเยี่ยงนี้มิไหวหรอกเจ้าค่ะ “

หลี่ซื่อร้องไห้และฮูหยินหลายคนที่มองนางด้วยหัวใจของผู้เป็นแม่ก็ทนมองมิได้

นี่คือสิ่งที่อันหลิงเกอต้องการให้เป็นเยี่ยงนี้ หลังจากนั้นนางก็เดินขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่งเพื่อยืนข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าแล้วพูดปลอบ “สิ่งที่หลี่อี๋เหนียงกล่าวก็มีเหตุผลนะเจ้าคะ น้องหญิงสามอายุยังน้อย หากรับการลงโทษครั้งนี้มิไหวก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อหลี่อี๋เหนียงยอมรับโทษแทนนาง ท่านย่าก็เห็นแก่หัวใจความเป็นแม่ ช่วยเมตตาปล่อยน้องหญิงสามไปเถิดเจ้าค่ะ”

หากปล่อยอันหลิงอีแล้วหลี่ซื่อก็ต้องรับโทษแทน

ฮูหยินผู้เฒ่าเม้มปาก ครุ่นคิดสักพักจึงเอ่ย “เช่นนั้นก็ให้สะใภ้หลี่รับโทษแทนอีเอ๋อ”

แม่นมอู๋รับคำสั่ง หลังจากนั้นก็ให้คนพาตัวหลี่ซื่อไปที่ลานกลางจวน แม้สายตาของฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นจักมองมิเห็น ทว่าสักพักก็ปรากฏเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังตามมา

“แค่ฟังก็รู้ว่าเจ็บปวดมากเพียงใด” เว่ยซื่อถอนหายใจพร้อมเอ่ยขึ้นแล้วมองไปทางอันหลิงอีอย่างตักเตือน “หลี่ซื่อทำเพื่อคุณหนูสาม ต้องมาแบกรับความลำบากเอาไว้ ในวันหน้าคุณหนูสามอย่าเลอะเลือนจนทำเรื่องเยี่ยงนี้อีก “

อันหลิงอีจ้องหน้าเว่ยซื่ออย่างเคียดแค้น แววตาดุร้ายราวกับว่าจักกินคนเข้าไปได้