บทที่ 279
บทที่ 279
ถังหยินออกคำสั่งและติดประกาศขอส่วนแบ่งอาหารจากชาวเมือง หากแต่ชาวเมืองหลินเฉียวนั้นกลัวเกินกว่าจะออกไปข้างนอก ทำให้ถึงจะมีการติดประกาศ ทว่าก็ไม่มีใครเห็น จนถังหยินได้แต่คิดจะใช้วิธีบีบบังคับให้ชาวเมืองทำในสิ่งที่เขาต้องการ !
ในขณะนั้นอัยเจียก็ได้นำหน่วยสอดแนมเครือข่ายใยพิภพจำนวนหนึ่งโหลรีบรุดไปที่เมืองหลินเฉียว ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นถังหยิน นางก็พลันเข้าโค้งคำนับก่อนเอ่ยถาม “นายท่าน จะรวบรวมอาหารในเมืองอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังหยินก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วจึงพยักหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถูกต้องแล้ว ! หน่วยเสบียงของกองทัพเราถูกซุ่มโจมตี เสบียงของเรากว่าครึ่งถูกเผาไปแล้ว และถ้าเราไม่รวบรวมเสบียง ทั้งกองทัพของเราก็จะไม่มีอันใดให้กิน”
“งั้น… ตอนนี้มีใครที่ทำการมอบอาหารให้กับพวกเราแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ?”
“ก็ไม่มีสักคน”
“แล้วนายท่านจะวางแผนยังไงต่อ ?”
ถังหยินเหล่ตาของเขาและกล่าวว่า “ต่อให้ต้องบังคับพวกเขาก็ต้องทำ ด้วยไม่ว่ายังก็ต้องมีเสบียงให้กับพวกทหาร !”
อันเจียจิตใจสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจของถังหยิน แต่เป็นเพราะการคาดการณ์ที่แม่นยำของชิวเจิ้น !
เหตุผลที่นางรีบมาเมืองหลิวเฉียวด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ ก็เพราะว่านางได้รับมอบหมายจากชิวเจิ้นให้ทำเช่นนั้น ด้วยฝ่ายหลังกังวลว่าถังหยินจะใช้กำลังในการรวบรวมอาหารหลังจากเข้ายึดเมือง
หญิงสาวกลืนน้ำลายและกระซิบ “นายท่าน ก่อนที่ข้าจะมา นายท่านชิวได้กล่าวเตือนข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าข้าต้องห้ามท่าน ไม่ให้ทำเช่นนั้น !”
“หื๊ม ?” ถังหยินตกใจ ด้วยชิวเจิ้นรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้น ?
เมื่อเห็นการแสดงออกที่สับสนของชายหนุ่ม อัยเจียก็ได้อธิบายออกไป “นายท่านชิวกล่าวว่า เนื่องจากกองทหารของศัตรูกล้าที่จะลอบโจมตีเรา ดังนั้นแล้วอีกฝ่ายก็คงทำการขนย้ายทรัพยากรทั้งหมดของพวกเขาออกไปแล้วเช่นกัน ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเหมาอันนั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน !”
“และมันก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาจะไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้แน่ ดังนั้นเรื่องเสบียงที่ว่าก็น่าจะอยู่ภายใต้การคาดการณ์ของเขาด้วยเช่นกัน งั้นแล้วมีหรือที่เขาจะพลาดในจุดนี้ไป ?”
หลังจากได้ยินสิ่งที่อัยเจียพูด ถังหยินก็ตกใจและอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ด้วยชิวเจิ้นไม่เพียงแต่มองเห็นความตั้งใจของศัตรูเท่านั้น เพราะแม้แต่ลักษณะและรูปแบบการปฏิบัติก็มองออกเช่นกัน ..นี่มันน่ากลัวเกินไปไหม ?
ถังหยินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แปลว่าตอนนี้เราตกอยู่ในหลุมพรางของศัตรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ?”
อัยเจียที่ได้ยินแบบนั้น ก็กล่าวสวนกลับไปว่า “ศัตรูจะทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่จากเรื่องนี้ และสร้างความหวาดกลัวให้กับพลเมือง ทำให้ความเป็นปรปักษ์ต่อกองทัพของเรายากที่จะเยียวยา นอกจากนี้ ศัตรูยังจะใช้เรื่องนี้เพื่อรวบรวมผู้คนจากทั่วทั้งหลีฮู ให้เข้าร่วมกับพวกเขาแล้วมาต่อต้านกับพวกเราเสียเอง !”
เป็นอย่างนั้นเอง ! ถังหยินเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจทุกอย่างในทันที ! อีกฝ่ายน่ากลัวยิ่งนัก จะประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ และแม้ว่าจะเป็นเพียงผู้นำเขต แต่คนผู้นี้ก็เป็นคนที่มากไปด้วยเล่ห์ยิ่ง !
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น ปากกล่าวพึมพำ “แต่ถ้าเราไม่รวบรวมอาหาร กองทัพของเราก็มีแต่จะต้องถอยอย่างเดียว !”
อันเจียกล่าวอย่างกังวล “นายท่านชิวได้ส่งคนไปที่จิงกวงแล้ว เพื่อให้พวกเขาส่งเสบียงเร่งด่วน ทั้งยังได้ส่งคนไปตามหาแม่ทัพเสี่ยวและแม่ทัพลี่ให้ตามมาคุ้มกัน คาดว่าในอีก 2 วันถึงจะมาถึง !”
“โอ้ !” ถังหยินพยักหน้ารับ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
และด้วยคำเตือนของชิวเจิ้น ถังหยินก็ได้ยกเลิกคำสั่งเดิม ทั้งยังทำการสั่งให้ทหารของเขาไปประจำการชั่วคราวในเมืองหลิวเฉียว เพื่อรอให้เสบียงมาส่ง ก่อนที่จะทำตามแผนต่อไป
เนื่องจากอาหารมากกว่าครึ่งถูกทำลายไป ถังหยินจึงไม่กล้าเดินหน้าไปมากกว่านี้
เหมาอันไม่ได้มาต่อสู้กับถังหยิน ด้วยเขาสู้ไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะต้องอย่าลืมว่าเขามีทหารเพียง 8 พันนายเท่านั้น ! ทว่าถึงจะมีจำนวนไม่นาก แต่เขาก็สามารถยื้อเวลาถังหยินให้อยู่แต่ภายในเมืองได้อย่างอยู่หมัด จนทำให้เหมาอันมีเวลาเพิ่มขึ้น 2 วัน !
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่กองทัพผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงภายใต้คำสั่งของถังหยินเท่านั้นที่ไม่รบกวนพลเมืองของหลินเฉียว เพราะแม้แต่กองกำลังหลักของพวกเขาเองก็ไม่ได้เข้ามาในเมืองและเลือกที่จะตั้งแคมป์เพียงภายนอก ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้พลเมืองของเมืองหลิวเฉียวหวาดกลัวน้อยลง เช่นเดียวกับท่าทีของพวกเขาที่เปลี่ยนไป
หลังจากที่เหมาอันหนีไปแล้ว ถังหยิน จางจี้ ซงหยวนและกุนซือที่เหลือก็ได้ปรึกษาหารือกัน ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจจัดตั้งตำแหน่งผู้ว่าเขตขึ้นมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของเมือหลินเฉียวแห่งนี้ไว้ ด้วยเมืองนี้ได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพวกเขาไปแล้ว และในอนาคต หากพวกเขาต้องการโจมตีเขตทางตะวันตก พวกเขาก็จะต้องผ่านทางหลินเฉียวนี่ !
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งเข้ายึดเมืองหลินเฉียวและไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ ทำให้ถ้าพวกเขามอบหมายตำแหน่งให้ผู้ช่วยและบุคลากรที่เชื่อถือได้ใกล้ตัว งั้นแล้วคนเหล่านั้นก็คงไม่อาจบริหารจัดการเมืองได้ดี ด้วยประชาชนไม่เชื่อมั่น แต่ถ้าให้เลือกคนในท้องถิ่น งั้นแล้วควรจะเลือกใครดีเล่า ?
…ถังหยินรู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย ก่อนจะเป็นซงหยวนที่เสนอให้แจ้งให้พลเมืองในหลินเฉียวทราบ ด้วยหากพวกเขาไม่ต้องการคนนอก งั้นแล้วพวกเขาก็ต้องเลือกกันเอง !
ถังหยินรู้สึกว่าคำแนะนำของซงหยวนมีเหตุผล ดังนั้นจึงทำการส่งคนไปจัดการเรื่องประกาศทันที
การเลือกผู้นำเขตจากสามัญชนอาจกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่มีใครเชื่อเขาในตอนแรก และพากันคิดว่าถังหยินสร้างภาพเพื่อซื้อใจ
แต่ทว่าในวันต่อมา ผู้คนก็เริ่มออกมา ซึ่งถังหยินก็ปฏิบัติต่อพวกเขาทั้งหมดด้วยความเคารพ ทำให้พวกเขาเริ่มเชื่อสิ่งที่อยู่ในป้ายประกาศนั่นมากขึ้น …จนส่งผลให้ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
ในวันที่สาม การรวบรวมเสบียงจากทั่วทั้งเมืองก็ได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับที่มีเสบียงจากกองทัพปิงหยวนและกองทัพฉีเฟิงที่มาถึงแล้ว ทำให้ถังหยินเริ่มทำการเตรียมการที่จะโจมตีต่อไปทางทิศใต้ พร้อมกับส่งเรื่องการเลือกผู้ว่าเขตให้ซงหยวนจัดการ
เมืองจี๋เป็นจุดตัดระหว่างชางเป๋ยกับเป๋าฉิง และตราบใดที่พวกเขายึดครองเมืองนี้ได้ กลุ่มของถังหยินก็จะสามารถเข้าสู่เขตเป๋าฉิงและตรงไปยังเมืองหลวงทางตะวันตกได้
โดยเมืองจี๋นั้น มันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก หากแต่กองทัพรักษาการณ์ของเมืองก็ประกอบไปด้วยชาวเมืองมากถึง 2 หมื่นคนเลยทีเดียว ซึ่งก็มีเพียง 8 พันคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเหมาอัน ส่วนคนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่เป็นพลเมืองและทาสที่ถูกจับเข้ากองทัพชั่วคราว !
และในขณะที่เหมาอันอยู่ในเมือง เขาก็ได้เริ่มการเตรียมการ เพื่อทำให้แน่ใจว่าจะสามารถสกัดกั้นกองทัพของถังหยินเอาไว้ที่แห่งนี้ !
โดยในเวลาเดียวกันนั้น เหมาอันก็ยังได้ส่งจดหมายไปถึงเกิงฉวน เพื่ออธิบายถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเมืองจี๋อย่างสุดกำลัง พร้อมกับสำทับว่าให้เกิงฉวนเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี …บอกว่าให้รอจนถึงวันที่สองของการต่อสู้กับกองทัพของถังหยิน ! และเมื่อศัตรูแตกพ่าย ก็ให้เขาเข้ามาเสริมกำลังในทันที !!!
จดหมายของเขาถูกส่งไปถึงมือของเกิงฉวนเรียบร้อยแล้ว หากแต่ผู้รับกลับแอบยิ้มให้กับคำขอนั้น ด้วยเหตุผลที่เขากล้าที่จะอยู่ที่หลีฮูเพื่อรั้งกองทัพเทียนหยวน ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะการป้องกันเมืองนั้นแข็งแกร่ง ป้องกันได้ง่าย และยากที่จะโจมตี ทว่าตอนนี้เหมาอันต้องการให้เขาออกไปนอกเมืองเพื่อต่อสู้กับกองทัพเทียนหยวน …เรื่องนี้นั้นเขาไม่มีความมั่นใจเลย
ด้วยนี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นแล้วเกิงฉวนจึงไม่กล้าที่จะประมาท ทำให้ทั้งคืนนั้นเขาทำการปรึกษากับผู้ช่วยตลอดทั้งคืน ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้
พวกเขามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ที่นี่ แต่กองกำลังของถังหยินไม่รอด้วย ทำให้มาตอนนี้กองทัพของถังหยินก็ได้มาถึงที่หมายแล้ว !
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเมืองตรงหน้า ซึ่งก็ห่างไปไม่มากนัก ราว ๆ 2 จั้งเศษได้ แต่กำแพงเมืองนั้นกลับสูงถึง 1 จั้ง !
นับตั้งแต่ถังหยินนำกองทัพเข้าสู่เขตหลีฮู ก็นับเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นศัตรูมากมายเช่นนี้ ดังนั้นเขาเลยเหล่ตาและกระตุ้นให้ม้าศึกไปข้างหน้า
ก่อนเป็นพี่น้องชางกวน อู่กวน กู่เยว่ หลีเทียน อัยเจียและคนอื่น ๆ ที่เร่งม้าตามแม่ทัพของพวกเขาไปติด ๆ ด้วยความกลัวที่จะคลาดกับผู้เป็นนายของพวกเขา
ขณะที่ถังหยินกำลังขี่ม้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงหวีดหวิวดังมาจากด้านบนของกำแพงเมือง …เป็นฝนลูกศรอันแหลมคมพุ่งผ่านอากาศและตกลงไปที่พื้นด้านหน้ากีบม้าของถังหยิน !
เมื่อเห็นว่ากองกำลังของศัตรูโจมตีใส่ ถังหยินก็พลันตะโกนใส่คนพวกนั้น “ข้าคือถังหยิน ! เรียกแม่ทัพของพวกเจ้าออกมาคุยกับข้าหน่อย !”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนจากบนกำแพงเมืองที่ตะโกนออกมาว่า “ถังหยิน ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว !”
ถังหยินมองอย่างระมัดระวัง ก่อนสังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากสีขาวอายุประมาณ 30 ปียืนอยู่ที่นั่น เขาสวมชุดเกราะพร้อมดาบที่เอว มีหนวดที่ริมฝีปาก และแม้ว่าเขาจะสวมชุดเกราะ ทว่าเขาก็ยังดูอ่อนโยนและสง่างามยิ่งนัก
ถังหยินที่มองสำรวจอีกฝ่ายเสร็จ ก็ได้ตะโกนออกไปว่า “เจ้าเป็นใคร”
“เหมาอัน !”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหนุ่มก็ได้หัวเราะออกมาดัง ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นก่อนชี้ไปที่เหมาอัน “วันนี้ข้าจะเด็ดหัวเจ้ากลับไป ให้สมกับที่เจ้าทำไว้กับกองทัพของข้า !”
“เหอะ !?”
เหมาอันไม่ได้แสดงความกลัวใด ๆ แต่กลับหัวเราะเสียงดังและสวนกลับมา “ไอ้เด็กเวรนอกคอกอย่างเจ้าน่ะเหรอ ! ถ้าทำได้อย่างที่พล่ามก็เข้ามาสิ !”
ถังหยินกำหมัดแน่น หันไปพูดว่า “หลีเทียน ยิงเขาลงมาจากกำแพงเมืองซะ !”
“ตามบัญชาขอรับ !”
หลีเทียนตอบรับ ก่อนดึงลูกศรสีเงิน และในขณะที่เขาจับมัน ลูกศรสีเงินก็ได้กลายเป็นลูกศรปราณที่มีหนามยาวงอกออกมาบนตัวลูกศร !
และเมื่อเล็งไปที่เหมาอันที่อยู่ด้านบนสุดของกำแพงเมือง หลีเทียนก็พลันปล่อยลูกศรให้พุ่งทะยานออกไป !
ลูกศรพลังปราณบินออกมา ส่งเสียงหวีดหวิวในอากาศ ทั้งยังรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ก่อนพุ่งเข้าหาเหมาอันที่อยู่ด้านบนสุดของกำแพงเมือง !!!