บทที่ 280
บทที่ 280

“ระวังขอรับ !”

เหมาอันไม่ได้เกิดมาเป็นแม่ทัพ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับอาวุธปราณมากนัก ทว่าก็ยังโชคดี ที่แม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบดึงแขนเหมาอันหลบไป ก่อนเกิดเสียงแตกหักดังขึ้นในจังหวะเดียวกันนั้น !

ลูกศรปราณปักเข้าอย่างแรง หากแต่มันไม่ได้ทะลุศีรษะของเหมาอัน ทว่ากลับพุ่งเข้าใส่หมวกของเขาแทน เพียงแต่แรงปะทะของมันไม่ได้ลดลงเลย จนทำให้ธงที่อยู่ด้านหลังเหมาอันแตกออกเป็นสองส่วน

“อะ… ?” เหมาอันเกือบจะถูกฆ่าด้วยลูกศรนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะที่ด้านข้างของหมวกเกราะบนหัว จนสัมผัสได้ถึงรอยแตกอย่างชัดเจน

…โชคดีที่เขาถูกช่วยเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงมีลูกศรปักเข้าที่กลางหัวไปแล้ว !

เขาถอนหายใจ ก่อนหันไปหาแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ และพยักหน้า “แม่ทัพหลู่ ครั้งนี้ข้าติดหนี้เจ้าซะแล้ว !”

“นี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของข้า มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาเลยขอรับ” เขามีนามว่าว่าหลู่ฉิงเฟิง และเป็นแม่ทัพที่ต่อสู้ร่วมกับเหมาอันมาโดยตลอด ซึ่งตัวเขานั้นก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังปราณโดดเด่น แต่ด้วยเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง จึงทำให้ตำแหน่งไปไม่ได้ไกลกว่านี้

อย่างไรก็ตาม เขานั้นก็เคารพเหมาอันอย่างแท้จริง ด้วยหลู่ฉิงเฟิงรู้สึกว่าผู้บังคับบัญชาของเขาคนนี้ฉลาดและมีเล่ห์เหลี่ยมยิ่ง ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และรับฟังคำสั่งจากอีกฝ่ายด้วยใจจริง

เหมาอันพยักหน้าให้เขา จากนั้นก็หันมองไปยังถังหยินที่อยู่นอกเมืองและตะโกน “ดูท่าว่าเจ้าจะต้องมารับหัวของข้าด้วยตัวเองแล้วล่ะ !!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โดยไม่ต้องรอคำสั่งของถังหยิน หลีเทียนก็พลันหยิบลูกศรสีเงินจำนวน 3 ดอกออกจากซองธนู หากแต่ก็เป็นถังหยินที่ห้ามเขาเอาไว้ ก่อนที่จะถาม “มีใครอยากนำทัพไหม ?”

“ข้าเองขอรับ !”

อู่กวนขันอาสาในทันที ด้วยในที่สุดเขาก็ได้พบกับศัตรูที่คู่ควรแล้ว ดังนั้นอู่กวนจึงต้องการใช้โอกาสนี้แสดงความแข็งแกร่งของตน ! ซึ่งถังหยินก็ได้พยักหน้ารับและกล่าวว่า “แม่ทัพอู่ เจ้านำทหาร 2 หมื่นนายไป ข้าหวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในสมรภูมิแรก !”

“ขอรับ !”

อู่กวนรับคำสั่ง นำกองทัพเดินตรงไปที่ชานเมือง ก่อนจะควบม้าไปด้านหน้าแล้วตะโกนออกมา “เตรียมประจัญบาน !!”

“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เองขอรับ !” เมื่อเห็นว่ากองทัพเทียนหยวนเริ่มบุกเข้ามาแล้ว รองแม่ทัพหนุ่มภายใต้คำสั่งของเหมาอันก็พลันก้าวไปข้างหน้าและขอเข้าร่วมการต่อสู้

เหมาอันต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของกองทัพเทียนหยวน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ระวังตัวด้วย ถ้าเกิดสถานการณ์เลวร้ายเมื่อใด ให้รีบถอยกลับมาทันที !”

“ขอรับ นายท่าน !” รองแม่ทัพตอบและเดินลงไปที่กำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสั่งให้เปิดประตูเมืองและนำกองทัพเปิงจำนวน 1 พันคนออกจากเมืองไปเพื่อรับมือกับศัตรู

ชายหนุ่มดูเหมือนจะอายุ 20 ต้น ๆ แต่รัศมีของเขาไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอออกมาเลย และเมื่อมาถึงตรงหน้าอู่กวน เขาก็พลันยกหอกในมือขึ้นชี้ไปที่อีกฝ่ายแล้วร้องตะโกน “ข้าขอรู้ชื่อของเจ้าหน่อย ก่อนที่จะโดนข้าเด็ดหัว !”

อู่กวนหัวเราะพร้อมส่ายหัว ด้วยเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่ใช้ตาทิพย์ก็สามารถรู้ถึงระดับขั้นพลังปราณของคู่ต่อสู้แล้ว !

ก่อนที่เขาจะพูดอย่างสบาย ๆ ออกมา “ข้าอู่กวน ! ฝีมืออย่างเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก กลับเมืองไปหาคนที่เก่งกว่านี้มาสู้กับข้าเสี… !”

ยังไม่ทันที่อู่กวนจะพูดจบ รองแม่ทัพหนุ่มที่ได้ยินก็โกรธจนคิ้วกระตุก ก่อนที่สีหน้าเขาจะเปลี่ยนไป พร้อมปากที่ร้องตะโกนว่า “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า …คงได้ตายก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก !” ในขณะที่พูด พลังปราณของชายหนุ่มก็ได้แปรเปลี่ยนหอกในมือให้กลายเป็นสีเงิน จากนั้นเขาก็พลันควบม้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเป็นหัวใจของอู่กวน !!!

‘ฮึ !’ อู่กวนแค่นเสียงในใจอย่างเย็นชา ทั้งยังคงนั่งบนหลังม้าโดยไม่ตื่นตระหนกและไม่แม้แต่จะชักดาบยาวจากอานด้วยซ้ำ เขาเพียงเรียกเกราะปราณและรอให้หอกของฝ่ายตรงข้ามแทงเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

ก่อนที่อู่กวนจะเอนตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลบปลายหอก จากนั้นเขาก็ได้คว้าจับหอกพลังปราณแล้วตะโกนว่า “ปล่อย !”

เกิดเสียงเสียดสีหนัก ๆ ก่อนหอกในมือของเขาจะหลุดออกและถูกอู่กวนแย่งจากมือ จนทำให้สีหน้าของรองแม่ทัพหนุ่มเปลี่ยนไป แต่ทว่าก่อนที่เขาจะได้หันกลับไป ก็เป็นอู่กวนที่ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เอาไป ข้าคืนให้ !” ขณะที่พูด อู่กวนก็ได้ปาหอกนั่นคืนกลับไป !!

กร็อบ !

ฉึก !

ปลายหอกพุ่งตรงไปข้างหน้า ทำให้รองแม่ทัพหนุ่มไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบสนอง จนกระทั่งปลายหอกแหลมคมแทงเข้าใส่ ทำให้ เกราะปราณที่ปกป้องกายแตกเป็นเสี่ยง ๆ ปล่อยให้ปลายหอกแทงทะลุร่างไป !

รองแม่ทัพหนุ่มไม่ทันแม้แต่จะได้ส่งเสียง ในขณะที่ร่างของเขาโงนเงนอยู่บนหลังม้าก่อนที่จะตกลงมา…

อู่กวนไม่ได้ใช้อาวุธของเขาด้วยซ้ำ และแม้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะดูถูกตน แต่คนผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะทัดเทียมกับอู่กวนได้เลยแม้แต่น้อย !!

หลังจากการตายของรองแม่ทัพหนุ่ม ทั่วทั้งกำแพงเมืองก็พลันเกิดความโกลาหล และทำให้ทหารที่ออกมานอกกำแพงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ต่างก็พากันหันหลังกลับและวิ่งหนีเข้าไปในเมือง แต่มีหรือที่อู่กวนจะยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นได้ เขายกดาบขึ้นชี้ไปข้างหน้าและตะโกน “ฆ่าให้หมด !”

ภายใต้คำสั่งของอู่กวน ทหารทั้ง 2 หมื่นนายก็พากันพุ่งทะยานออกไปเข้าโรมรันกับศัตรูและสังหารพวกเขา

“ยิงธนู ! ยิงธนูเดี๋ยวนี้ ! หยุดพวกมันเอาไว้ให้ได้ !!!”

เหมาอันตะโกนจากด้านบนของกำแพงเมือง ร้องสั่งให้ทหารโดยรอบยิงธนูออกไป ทำให้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เกิดลูกศรโปรยปรายลงมาจากด้านบนของกำแพงเมืองไม่หยุด จนเกิดเสียงคมศรเจาะทะลุเข้าเนื้อ ที่มาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ถูกยิงก่อนล้มพับลงกับพื้น

อย่างไรก็ตาม เพียงเท่านั้นไม่สามารถหยุดผลกระทบที่บ้าคลั่งของพวกเทียนหยวนได้ และเมื่อพุ่งทะยานเข้าไปอีก พวกเขาก็พ้นระยะโจมตีแล้ว !!

พวกทหารต่างเหยียบร่างของสหายและผลักพวกเขาเข้าไปใต้กำแพงเมือง ในขณะเดียวกันทหารก็ได้ยกบันไดขึ้น ก่อนเป็นอู่กวนที่กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมถือดาบยาวด้วยมือข้างเดียวเข้าเกี่ยวนิ้วไว้กับกำแพงหิน

หลังจากที่เขาร้องตะโกน อู่กวนก็พลันยกแขนขึ้น ส่งร่างตนปีนสูงขึ้นอีก และหลังจากกระโดดไม่กี่ครั้ง อู่กวนก็ได้ปีนขึ้นไปถึงระหว่างกลางกำแพงแล้ว !

เมื่อทหารบนกำแพงเมืองพบเห็นว่ามีคนกำลังปีนขึ้นมา พวกเขาก็พากันยกหม้อใส่น้ำมันเดือนมา ก่อนจะเทลงบนศีรษะของอู่กวน

ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะแข็งแกร่งแค่ไหน เกราะปราณของคนผู้นั้นก็ไม่อาจหยุดหม้อน้ำมันไม่ให้เทลงมาที่พวกเขาได้ !

หัวใจของอู่สั่นสะท้านกับภาพตรงหน้า ทำให้เขาไม่กล้าที่จะประมาทและกระโดดหลบออกไป ทว่าถึงจะพยายามกระโดดอีกกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถขึ้นไปถึงด้านบนได้เสียที !

การโจมตีของอู่กวนและกองทัพไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทหารจำนวนมากที่กำลังปีนขึ้นบันไดถูกยิงด้วยลูกศรและทุบด้วยก้อนหินกับไม้ ทำให้ซากศพด้านล่างของเมืองกองสูงขึ้นทุกวินาที และหากการโจมตีนี้ดำเนินต่อไป ไม่เพียงแต่เมืองจะไม่ถูกโจมตี แต่กองทัพทั้ง 2 หมื่นนายก็คงจะจบลงที่นี่แล้ว !

ถังหยินที่เฝ้าดูการต่อสู้จากด้านหลังเหล่ตาและจ้องไปที่สนามรบ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นและพูดอย่างไร้ความรู้สึก “หยวนอู่ หยวนเปียว พวกเจ้าสองคนจงนำกำลังทหารอีก 2 หมื่นเข้าไปช่วยเหลือเสีย !”

“รับทราบขอรับ !”

สองพี่น้องชางกวนตอบพร้อมเพรียงกันแล้วจึงนำกองทหารพุ่งเข้าสนามรบไป

เมื่อมีกำลังมาช่วยแบบนี้ มันก็ลดแรงกดดันของอู่กวนไปได้มากทีเดียว !

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนั้นจนเช้า ทว่าจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจเข้าตีเมืองจี๋ได้ ทำให้ในเวลานี้ถังหยินเกิดอาการตื่นตระหนกเล็กน้อย และเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็พลันขมวดคิ้วและหันศีรษะไปร้องถามคนใกล้ตัว “กู่เยว่ !”

“ข้ามาแล้วขอรับ!” กู่เยว่รีบก้าวเข้าไปข้างหน้า

“เจ้าจงนำกำลัง 3 หมื่นนายไปที่ด้านหลังของเมืองจี๋แล้วทำการโจมตี !” ถังหยินกล่าวอย่างเย็นชา

“ขอรับนายท่าน !” กู่เยว่รับคำสั่ง และรีบดำเนินการในทันที !

จากนั้นถังหยินก็พลันพูดภาษามอร์ฟิสออกมา “จ้านหู !”

“ขอรับ !”

“นำกำลัง 2 หมื่นนายเข้าไปเสริมแนวหน้าต่อไป !”

“ตามบัญชาขอรับ !”

จ้านหูรับคำสั่ง ทำให้ในเวลานี้ถังหยินมีผู้ติดตามเหลือเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้น ด้วยกลุ่มลูกศรทมิฬที่นำโดยเฉิงจินได้จากไปก่อนแล้ว

เช่นเดียวกับพวกทหารม้าที่ไม่สามารถโจมตีเมืองได้ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่อยู่ในสนามรบ

การปรากฏตัวของกู่เยว่และจ้านหูทำให้พวกเขามีกำลังพลมากกว่า 9 หมื่นนายเข้าไปแล้ว ผิดกับกองทัพป้องกันของเมืองจี๋ที่มีเพียง 2 หมื่นนายเท่านั้น !

ในเวลานี้ การต่อสู้ได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว ด้วยมีศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเมืองจี๋ !

สำหรับจ้านหู เขาในตอนนี้ก็กำลังสะพายค้อนเหล็กขนาดใหญ่พิเศษไว้ ก่อนจะเดินนำทหารที่อยู่ด้านหลังและวิ่งไปที่หน้าประตูเมือง จากนั้นก็จึงยกมือขึ้น พร้อมกับมองไปที่ประตูเมืองตรงหน้า

เสียงโครมครามดังไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้กองทัพเฟิงที่อยู่รอบ ๆ หูอื้อไปหมด จนหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไป !