“หา” เด็กหลอดแก้วนี่เกมอะไร สุ่ยเซียนไม่รู้จะรับมุกยังไง
“อ้อ ฉันลืมไป ดูเหมือนเธอจะมีลูกไม่ได้ ตอนที่เป็นโรคเบื่ออาหารระบบเผาผลาญในร่างกายเธอขาดสมดุล งั้นเอาแบบนี้ ฉันจะมีลูกกับอวี๋หมิงหลางแล้วให้เธอเป็นแม่บุญธรรมดีไหม พอมีลูกแล้วฉันก็จะเขี่ยอวี๋หมิงหลางทิ้ง”
“เอ่อ…” สุ่ยเซียนพูดในใจ นี่เธอมีลูกไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไร ระบบเผาผลาญในร่างกายเธอเคยเสียสมดุลเพราะโรคเบื่ออาหารก็จริง แต่ก็ไปรักษากับหมอจีนจนหายดีแล้วนี่นา
ความหวังสุดท้ายของอาเหม็ดไม่เหลือแล้ว สุ่ยเซียนมีลูกไม่ได้ งั้นไม่เท่ากับว่าเขาหมดหวังแล้วเหรอ แผนท้องก่อนแต่งใช้ไม่ได้ผลแล้ว
“สุ่ยเซียน เธอว่ามีแฟนเป็นผู้ชายดีกว่าฉันไหม” เสี่ยวเชี่ยนยังไม่หยุด
สุ่ยเซียนส่ายหน้า “นอกจากพ่อ เธออยู่เหนือกว่าผู้ชาย95%ที่ฉันเคยเจอมา”
นี่คือความจริง แม้แต่ทังต้าเย่ยังเคยพูดไว้ ลูกสาวบุญธรรมของเขาถ้ามาทำธุรกิจก็ไม่มีทางพลาด ผู้ชายทั่วไปชนะคนมันสมองแบบนี้ไม่ได้หรอก เพียงแต่เสี่ยวเชี่ยนอยากเป็นหมอมากกว่า
เสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองอาเหม็ดที่มีสีหน้าหมดหวัง ความหมายคือ ผู้ชายที่สู้เจ้ไม่ได้แล้วยังจะคิดแย่งผู้หญิงของเจ้งั้นเหรอ
หัวใจของอาเหม็ดแตกสลาย โลกนี้มันอยู่ยากจริงๆ
ท่าทางถัดไปของเสี่ยวเชี่ยนยิ่งทำให้อาเหม็ดช้ำใจหนักกว่าเดิม
เขาเห็นเสี่ยวเชี่ยนโอบคอสุ่ยเซียน แล้วจุ๊บแก้มสุ่ยเซียน แถมยังหันไปทำหน้าได้ใจใส่อาเขา
อาเหม็ดใจสลายอีกรอบ
โลกนี้มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน…
“ต่อไปสุ่ยเซียนก็เป็นคนของฉันแล้ว ใครกล้าแย่งผู้หญิงของฉัน ฉันจะให้ผู้ชายของฉันไปอัดมัน” เสี่ยวเชี่ยนพูดข่ม
“เขาเป็นสามีคุณแล้วจะช่วยคุณได้ยังไง…” อาเหม็ดเถียงกลับเบาๆ คล้ายกับอยากหาความกล้าให้ตัวเอง
“วัฒนธรรมของประเทศเรายาวนานกว่าห้าพันปี คนต่างชาติอย่างนายจะซึมซับหมดได้ยังไง จะบอกให้นะ อันที่จริงวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของเราไม่ได้ต่อต้านรักร่วมเพศ ในคัมภีร์บทกลอนยังมีสรรเสริญเรื่องรักร่วมเพศไว้เลย ไหนจะผลงานเหลียนเซียงป้านของหลี่อวี๋สมัยราชวงศ์หมิงยังได้สะท้อนเรื่องราวของรักร่วมเพศที่เป็นหญิงไว้ ไม่เชื่อก็ไปหาดู”
เรื่องหาเหตุผลมาซับพอร์ตนั้นไม่ยาก
อาเหม็ดถูกปั่นหัวอีกรอบ แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง…
“วัฒนธรรมอันเก่าแก่ไม่คัดค้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าสามีคุณจะไม่คัดค้านด้วย”
“ลึกซึ้งเกินเพื่อน แต่ใครเล่าจะสนใจ”
“เชี่ยนเอ๋อหมายความว่าไง” สุ่ยเซียนเรียนสายวิทย์มาเลยไม่ทันเสี่ยวเชี่ยนเรื่องพวกนี้
“สมัยก่อนในภาษาบ้านๆหมายถึงผู้หญิงที่เป็นรักร่วมเพศน่ะ เสี่ยวเฉียงของฉันเป็นคนใจกว้าง เขาไม่แคร์เรื่องพวกนี้หรอก~ นี่แหละน้าความรัก”
เปรี้ยง ฟ้าผ่าที่กลางหัวอาเหม็ด เขารู้สึกว่าทัศนคติของตัวเองถูกทำลาย
เสี่ยวเชี่ยนไม่ปล่อยโอกาสทรมานเขาเป็นครั้งสุดท้ายไป “ไม่ต้องสนว่าฉันกับสุ่ยเซียนเป็นอะไรกัน นายแพ้พนันแล้ว รีบๆเรียกฉันเจ๊เร็วๆเข้า”
“…” อาเหม็ดยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เขายังอยู่ในวังวนเรื่องรักร่วมเพศที่เสี่ยวเชี่ยนกรอกใส่สมองจนขึ้นมาไม่ได้
ในประวัติความรักของเขาไม่เคยมีคำว่าล้มเหลว เขาคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะจูขี้บ่นที่สุ่ยเซียนเจอหน้าไม่บ่อยได้ ช้าเร็วเขาต้องจัดการผู้หญิงคนนี้ที่มีประสบการณ์รักอันน้อยนิดได้แน่
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า ยุคสมัยนี้ศัตรูหัวใจไม่ได้มีแค่ผู้ชาย ยังต้องระวังผู้หญิงด้วย
โลกที่มันบิดเบี้ยวนี้ ทำไม ‘ศัตรูหัวใจ’เป็นผู้หญิง แถมยังเป็นผู้หญิงที่แสบสุดๆด้วย
อาเหม็ดวิเคราะห์อย่างเป็นกลาง สมองเขาสู้เฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ พละกำลังก็สู้อวี๋หมิงหลางไม่ได้—ที่น่ากลัวกว่าก็คือ ทำไมโลกนี้ถึงมีผู้ชายที่ยอมให้เมียตัวเองไปทำเรื่องแบบนี้ด้วย ประเทศนี้เปิดกว้างความสัมพันธ์แบบหนึ่งชายสองหญิงแล้วเหรอ ทำไมมันซับซ้อนแบบนี้ เขาไปมาจะรอบโลกแล้วยังไม่เคยเจอเรื่องที่เพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ ไร้สาระที่สุด
ความสามารถในการล้างสมองของเสี่ยวเชี่ยนทรงพลังมาก ได้สั่งสอนอาเหม็ดไปหลายเรื่อง รวมถึงคำศัพท์แปลกๆมากมาย อย่างเช่น บาสเก็ตบอล…
“ทำไม กล้าพนันกับเจ๊ แต่แพ้แล้วไม่กล้ายอมรับหรือไง”
“ใครได้ยินเรื่องที่ผมพนันกับคุณบ้าง หึหึ สุ่ยเซียนเป็นคนของคุณแล้ว คำพูดพยานอย่างเขาไม่เป็นผล” อาเหม็ดถูกเสี่ยวเชี่ยนยั่วโมโหจนเริ่มเดินตามรอยเสี่ยวเชี่ยนพูดจาไม่มีเหตุผลบ้างแล้ว
“นายมาจากตระกูลคาร์เตอร์ไม่ใช่เหรอ หรือคนในครอบครัวนายไม่มี—” คนที่พูดคือสุ่ยเซียน เธอใช้วิธีของเสี่ยวเชี่ยนเป็นแล้ว
“คุณอยากจะพูดว่าตะกร้าใช่หรือเปล่า หึหึ เอาเลย เอาให้ครอบครัวผมมีตะกร้างอกเพิ่มกันเข้าไปเลยยกเว้นผม” อาเหม็ดดับเครื่องชนแล้ว เขาไม่มีทางเรียกยัยจอมปีศาจเฉินเสี่ยวเชี่ยนว่าเจ๊หรอก ไม่ มี ทาง
ยางอายมีไว้ก็ไร้ประโยชน์ ทิ้งๆมันไป
“อ้อ ก็ได้ ฉันจะเอาเสียงที่อัดไว้ให้กับผู้สืบทอดตระกูลคาร์เตอร์คนต่อไป ซึ่งก็คือลูกชายเมียหลวงของพ่อนายหรือรัชทายาท หรือก็คือคู่แข่งของนาย ฉันเชื่อว่าเขาจะ ‘มีความสุข’ ถ้าได้ฟังคำ ‘อวยพร’ จากนาย คำว่าตระกร้างอกนี่นายพูดออกมาเองนะ ฮ่าๆ”
ประธานเชี่ยนหยิบปากกาอัดเสียงออกมาแล้วมองสีหน้าอาเหม็ดที่ทำหน้าเหมือนกินขี้เข้าไป
“คุณพกของแบบนี้ไว้กับตัวด้วยเหรอ” อาเหม็ดแทบอยากร้องไห้
นี่ยังเป็นคนอยู่ไหมเนี่ย
นี่ถ้าให้พี่ใหญ่ของเขาได้ยินคำสาปแช่งผู้ชายในตระกูลให้มีตระกร้างอกเพิ่มล่ะก็ เขาได้ตายอย่างน่าเวทนาแน่
“นายลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นจิตแพทย์ จิตแพทย์เวลารักษาคนไข้ล้วนใช้วิธีสนทนากับผู้ป่วย ฉันเลยติดนิสัยพกที่อัดเสียงไว้กับตัวเพื่อที่จะได้สะดวกเอากลับไปวิเคราะห์อาการคนไข้ที่บ้าน อ้อ จริงสิ ฉันเชื่อว่าพี่ใหญ่ของนายจะต้องยินดีเป็นอย่างมากแน่ที่จะให้ฉันวิเคราะห์นาย ได้ยินว่าเขาอยากจะหาจุดอ่อนจากตัวนายจะตาย นายถึงได้เที่ยวไปตามหาผู้หญิงรวยๆแทบพลิกแผ่นดิน จุดอ่อนแบบนี้ของนายพี่นายน่าจะชอบนะ”
“คุณเป็นใครกันแน่” อาเหม็ดเริ่มอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา พอได้ยินคำพูดช่วงท้ายสีหน้าของเขาก็ขรึมลง
เฉินเสี่ยวเชี่ยนคนนี้ทำไมรู้อะไรเยอะขนาดนี้
เธอรู้เรื่องที่เขาไม่ลงรอยกับพี่ใหญ่ ขนาดสื่อทั้งโลกยังไม่รู้ แต่เธอกลับรู้
“ฉันเป็นจิตแพทย์ที่วิเคราะห์จิตใจคนเก่ง ดังนั้นนายอย่ามาคิดแย่งผู้หญิงของฉัน ไม่อย่างนั้นจะตายอย่างน่าเวทนา” เสี่ยวเชี่ยนพูดเสริมในใจ แถมเธอยังเป็นจิตแพทย์ที่พกเอาเรื่องราวในชาติที่แล้วมาด้วย ถ้ายังไม่ยอมก็เข้ามาเด้
สีหน้าที่ขรึมลงของอาเหม็ดไม่ได้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนกลัวเลยสักนิด แต่กลับทำให้เธอเดินเข้าไปโอบสุ่ยเซียนเหมือนเจ๊ จากนั้นก็หันไปมองอาเหม็ดด้วยสายตาเหยียดๆ
“นายกำลังคิดหาทางทำให้ฉันตายอยู่หรือเปล่า”
“…” นี่มันปีศาจ ปีศาจชัดๆ แค่มองก็รู้ความคิดของเขาแล้ว
“ถ้าฉันไปต่างประเทศ นายจะทำให้ฉันตายก็ย่อมมีความเป็นไปได้ แต่ตราบใดที่เท้าของฉันยังเหยียบแผ่นดินนี้อยู่ นายจะจ้างนักฆ่ามากี่คนก็ไม่มีประโยชน์ ไปสืบดูก่อนละกันว่าสามีฉันทำงานอะไร หึหึ”
ประโยคสุดท้ายเต็มไปด้วยความท้าทาย อารม์ประมาณว่าถ้ายังไม่ยอมแพ้ก็เข้ามาเลย อาเหม็ดเก็บความโกรธไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาไม่เชื่อหรอกว่ายังจะมีชีวิตที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
“สามีฉันทำงานอะไรนายอาจจะสืบไม่ได้ ดังนั้นฉันขอแนะนำด้วยความปรารถนาดี นายไปติดตามข่าวในช่วงนี้ก็ได้ ในนั้นอาจมีชื่อพ่อสามีฉันปรากฏอยู่ ถึงข่าวเรื่องพ่อสามีฉันได้เลื่อนตำแหน่งจะเป็นข่าวภายใน แต่ในข่าวก็มีพูดถึงอยู่บ้าง”
ตอนนี้ตระกูลอวี๋ไม่มียศพลตรีแล้ว มีแต่ยศพลโท