บทที่ 236 ไปบ้านตระกูลหลี่อีกครั้ง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 236 ไปบ้านตระกูลหลี่อีกครั้ง

เมื่อเผชิญกับคำถามของอวี้ฮ่าวหราน ซูหว่านเอ๋อร์ก็เพิ่งนึกได้ถึงเรื่องที่เขาเคยขอยืมวัตถุโบราณของเธอเช่นกัน

“อ…อ้อ ได้ ได้สิ! คุณจะเข้ามาเอาวันไหนก็ได้เลย!”

อย่างไรก็ตาม เป็นความพอเหมาะพอดีกับช่วงเวลาที่ในตอนนี้ ซูกว่างไห่พ่อของซูหว่านเอ๋อร์ นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอพอดี ดังนั้นเขาจึงได้ยินบทสนทนาทั้งหมด และแย่งโทรศัพท์ออกไปคุยเอง

“ล…หลานอวี้ งั้นเหรอ? ฮ่า ๆ หลานไม่ต้องเกรงใจเลยนะ หลานจะเข้ามายืมเมื่อไหร่ก็ได้ตามสบายเลย หรือว่าหลานอยากได้พวกมันไปเลยไหม? ฉันยินดียกให้หมดเลยหากหลานต้องการ ฮ่า ๆ!”

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบประแจง

“พ่อ…”

ซูหว่านเอ๋อร์รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้

ของโบราณพวกนั้นเป็นของรักของหวงของเธอนะ!

กว่าจะได้พวกมันมาเธอใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก จู่ ๆ จะมอบให้กับคนอื่นหมดแบบนี้ได้ยังไง?

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ต้องการจะเอาเปรียบอีกฝ่ายถึงขนาดนั้นอยู่แล้ว และเขาต้องการเพียงแค่ดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่ภายในพวกมันก็พอ ชายหนุ่มจึงปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ผมต้องการแค่ยืมพวกมันไปสักวันสองวันก็พอ และหลังจากที่ผมศึกษาพวกมันเพิ่มเติมเรียบร้อยผมจะคืนให้ทันที”

“ฮ่า ๆ! เอาแบบนั้นก็ได้ เอาแบบนั้นก็ได้! ถ้างั้นหลานจะเข้ามาเอาเมื่อไหร่ก็แล้วแต่สะดวกเลยนะ บ้านของฉันเปิดรับหลานตลอดเวลาเสมอ!”

ซูกว่างไห่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานและน้ำเสียงที่เป็นกันเองราวกับว่ารู้จักกับอวี้ฮ่าวหรานมาหลายปีแล้ว ไม่หลงเหลือความรังเกียจที่เคยมีมาก่อนหน้านี้เลย

ในตอนนี้เขาอยากได้อวี้ฮ่าวหรานมาเป็นลูกเขยจนตัวสั่น เขาคาดหวังให้ลูกสาวของเขาพยายามเกาะติดอวี้ฮ่าวหรานให้มากกว่าเดิม

ครึ่งชั่วโมงถัดมา อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซู

ซูกว่างไห่และลูกชายของเขารีบออกมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว

“พี่อวี้! พี่มาเร็วจริง ๆ เลย น้องสาวของผมกลับเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัวได้สักพักแล้ว อีกสักเดี๋ยวน้องสาวของผมก็น่าจะออกมา”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกระอาใจ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังด่าเขาฉอด ๆ อยู่เลย แต่วันนี้กลับกลายเป็นเรียกเขาอย่างกับเป็นพี่น้องที่รักใคร่ที่คลานตามกันออกมาจากท้องแม่เดียวกัน

“ไม่เป็นไร พาผมเข้าไปดูพวกวัตถุโบราณก่อนก็ได้”

ในเมื่ออีกฝ่ายพูดจาดีด้วยแถมเขายังต้องยืมวัตถุโบราณจากอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงตอบกลับอย่างสุภาพเช่นกัน

จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินตรงไปยังห้องแสดงวัตถุโบราณ

ในขณะเดียวกัน ซูหว่านเอ๋อร์ก็เดินออกจากห้องของเธอพอดี

วันนี้เธอปล่อยผมยาวสลวยลงมาถึงบ่า และใส่ชุดกระโปรงยาวสีครีมเข้ารูปซึ่งมันยิ่งทำให้เธอดูเรียบร้อยและงดงามมากยิ่งขึ้น

ที่ด้านในห้องแสดงวัตถุโบราณ

“ผมเอาชิ้นนั้น ชิ้นนั้น และก็ชิ้นนั้น อ้อ ยังมีชิ้นนู้นอีกด้วย ผมขอยืมพวกมันไปแค่คืนเดียวพอ”

อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ ไล่ชี้ไปที่วัตถุโบราณหลายชิ้น พลางพูดกับซูหว่านเอ๋อร์

ในเมื่อของพวกนี้เป็นของซูหว่านเอ๋อร์ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงต้องเอ่ยขอกับเธอด้วย

เขามั่นใจว่าแค่เพียงคืนเดียวเขาน่าจะดูดซับพลังจากพวกมันครบทั้งหมด และแน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก

“ด…ได้เลย อันที่จริงคุณจะเอาพวกมันไปเลยก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก…”

เมื่อได้ยินการตอบกลับเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกพึงพอใจกับความมีน้ำใจของอีกฝ่าย แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่เอาเปรียบเธอถึงขนาดนั้น

ว่าแต่ ทำไมเวลาผู้หญิงคนนี้พูดกับเขาเธอจะต้องหน้าแดงทุกครั้งและพูดอย่างตะกุกตะกักด้วย?

“ฮ่า ๆ ไม่ได้หรอก ๆ ของทั้งหมดนี้คุณหามันมาอย่างยากลำบากผมจะเอามันไปเลยได้ยังไง? ผมขอแค่ยืมไปดูคืนเดียวก็พอ!”

ในขณะที่ครอบครัวของผู้หญิงคนนี้เป็นพวกน่ารังเกียจ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีน้ำใจและสุภาพเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะมีสายเลือดเดียวกัน!

หลังจากนำวัตถุโบราณที่เลือกไว้ทั้งหมดเก็บใส่กล่องเป็นอย่างดีแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็เดินไปทางประตูเพื่อจะกลับไปทันที

อย่างไรก็ตาม ซูกว่างไห่เมื่อเห็นเช่นนี้เขารีบพูดขึ้นทันที

“ด…เดี๋ยวก่อนสิหลานอวี้! ทำไมหลานถึงรีบที่จะไปนักล่ะ? ตอนนี้มันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วทำไมไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ?”

น้ำเสียงของเขาดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก แตกต่างจากเมื่อวันก่อนอย่างสิ้นเชิง

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดกับท่าทีของอีกฝ่าย ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงความไร้ยางอายเมื่อวันก่อนของคู่พ่อลูกคู่นี้

“วันนี้ผมไม่สะดวกเท่าไหร่ เอาเป็นวันหลังก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มปฏิเสธไปแบบสุภาพ เขาไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับพ่อลูกคู่นี้สักเท่าไหร่

แต่แล้วในขณะเดียวกันนี้ ซูหว่านเอ๋อร์กลับเดินเข้ามาจับชายเสื้อของเขาเอาไว้และพูดว่า

“ค…คุณอยู่กินข้าวกับฉันก่อนได้ไหม…ฉัน…กับพ่อของฉันเตรียมอาหารเอาไว้เยอะแยะเลย…”

ซูหว่านเอ๋อร์เอ่ยขึ้นก่อนที่จะรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าของ อวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและการอ้อนวอน

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ลอบถอนหายใจ แต่เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ยังคงยืนยันที่จะจากไป

“วันนี้ผมมีธุระสำคัญจริง ๆ ผมคงไม่สามารถอยู่ทานข้าวด้วยได้ เอาไว้ถ้าผมมีเวลาเมื่อไหร่ผมจะมาทานข้าวด้วยก็แล้วกันนะ”

อันที่จริงเขาไม่ได้โกหกอีกฝ่าย ธุระสำคัญของเขาตอนนี้คือต้องการรีบกลับไปดูดซับพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัตถุโบราณพวกนี้ทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเขาเองให้เร็วที่สุด

“ง…งั้นก็ได้เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน…”

ซูหว่านเอ๋อร์ไม่รั้งเขาอีกต่อไปเมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานปฏิเสธเป็นรอบที่สอง เธอปล่อยมือออกจากชายเสื้อของเขาด้วยสีหน้าผิดหวัง

ทางด้านของคู่พ่อลูกตระกูลซูก็ไม่กล้ารั้งชายหนุ่มเช่นกัน พวกเขารู้ตัวดีว่าพวกเขาเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากอยู่ต่อ

ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวน่ารังเกียจต่ออีกฝ่ายจริง ๆ

มันคงต้องใช้เวลาและค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปในการทำให้อีกฝ่ายหายโกรธพวกเขา

หลังจากออกจากคฤหาสน์ตระกูลซู อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถกลับคอนโดทันทีเพื่อที่จะกลับไปบ่มเพาะ

อย่างไรก็ตามหลังจากขับไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล พี่เขย! ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน? พ่อของฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับพี่ พี่ช่วยมาที่บ้านของพ่อฉันตอนนี้หน่อยได้ไหม ตอนนี้ฉันเองก็อยู่ที่บ้านพ่อแล้ว!”

เสียงของหลี่หรงดูร้อนรนเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าหลี่ชงซานน่าจะมีเรื่องด่วนที่ต้องการคุยกับเขา

“ได้ ตอนนี้พี่ขับรถอยู่ เดี๋ยวพี่จะขับไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับก่อนที่จะวางสายไป

เมื่อวางสายไปแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทำไมถึงต้องการคุยกับเขาด่วนแบบนี้ด้วย?

หลังจากที่ชายหนุ่มสืบทอดบริษัทชงซานและเปลี่ยนมันเป็นเครือฮ่าวหราน หลี่ชงซานก็แทบไม่เคยเรียกเขาไปคุยด้วยเลย

แต่ในเมื่อพ่อตาเรียกเขาไปคุยด้วยแบบนี้แล้ว ก็คงปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ได้จริงไหม?

เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงคฤหาสน์ตระกูลหลี่

หลังจากเข้าไปด้านในห้องโถงของคฤหาสน์ ก็เห็นว่าขณะนี้มีบรรดาสมาชิกของตระกูลระดับอาวุโสแทบทุกคนนั่งกันอยู่ด้านในแล้ว ส่วน หลี่ชงซานก็กำลังนั่งรอเขาอยู่เช่นกัน

“ฮ่า ๆ ลูกเขยคนดีของฉันในที่สุดก็มาถึงแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานมาถึง หลี่ชงซานก็ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยใบหน้าที่เบิกบานทันที

ทางด้านของบรรดาสมาชิกตระกูลระดับอาวุโสต่างก็พากันแสดงสีหน้ายิ้มแย้มให้กับอวี้ฮ่าวหราน ไม่หลงเหลือแววตาดูถูกอย่างที่เคยมีมา

หลี่ชงซานตบเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดัง “มา ๆ ลูกเขยของฉัน มานั่งข้าง ๆ ฉันนี่มา ให้ฉันได้ชื่นชมความสมบูรณ์แบบของลูกเขยฉันใกล้ ๆ หน่อย!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างหลี่ชงซานคั่นกลางหลี่หรงที่กำลังนั่งทำหน้าเคร่งเครียด ซึ่งมันยิ่งทำให้เขาสงสัยมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน หลี่ชงซานก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“ฮ่าวหราน พ่อได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้ลูกพัฒนาบริษัทจนขยายขนาดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว พ่อไม่นึกเลยว่าด้วยเวลาไม่นานลูกจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ ฮ่า ๆๆ ลูกนี่ช่างมีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจเหนือคนทั่วไปจริง ๆ”

เขายังคงเอ่ยชมอวี้ฮ่าวหรานต่อไปด้วยสีหน้าที่เบิกบาน ยิ่งเขามองลูกเขยคนนี้มาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากเท่านั้น

เขาไม่นึกเลยว่าเขาจะมีลูกเขยที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้!