ตอนที่ 28 บทเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง

Perfect Superstar

ตอนที่ 28 บทเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง

มือข้างหนึ่งนี้สวยงามมาก เนียนละเอียดอวบอิ่ม ขาวนวลราวกับหยกที่ไร้ตำหนิ นิ้วเรียวยาวทั้งห้าขาวผ่องราวกับต้นหอมอ่อน ตัดเล็บสะอาดเรียบร้อย ไม่ทาเล็บมือแม้แต่น้อย แต่กลับมีสีชมพูอ่อนสุขภาพดี

นี่คือมือข้างหนึ่งของผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย เธอรับแก้วทรงสูงมาอย่างสง่าและคล่องแคล่ว ราวกับว่าแก้วค็อก เทลแห่งเปลวไฟใบนี้ทำมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ และไม่ได้แย่งมาจากลู่เฉิน

ลู่เฉินหันหน้าไปมองอย่างช่วยไม่ได้ จึงเห็นใบหน้าที่เขาจำได้

ซูชิงเหมย ผู้อำนวยการบริษัทชิงอวี่มีเดีย!

ตอนเย็นผู้อำนวยการคนนี้เปลี่ยนใส่ชุดลำลองของผู้หญิง ทำให้ดูสง่ามากขึ้น ไม่มีความแพรวพราวยั่วยวนแบบนั้น

ลู่เฉินพูดทักอย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ ผู้อำนวยการซู”

น้ำเสียงเย็นชาแฝงด้วยความห่างเหินเล็กน้อย ลู่เฉินไม่คิดว่าผู้หญิงที่เคยถูกเขาปฏิเสธจะมาปรากฏตัวที่นี่อีกครั้ง เพื่อมาแย่งค็อกเทลแก้วนี้

เขาจึงระวังตัวโดยสัญชาตญาณ

“สวัสดีค่ะ คุณลู่เฉิน…”

ซูชิงเหมยตอบกลับอย่างราบเรียบ เธอนำค็อกเทลแตะที่ริมฝีปากแล้วจิบเบาๆ จากนั้นก็พูดวิจารณ์ว่า “น้ำผลไม้เยอะไปทำให้เหล้าเจือจาง รสชาติออกหวานดีกรีไม่แรงพอ ไม่สมกับชื่อ Burning”

เดวิดอ้าปากค้าง แล้วพูดว่า “คุณซู ปริมาณแอลกอฮอล์ในค็อกเทลเปลวไฟมีมากพอแล้วครับ!”

“แต่ก็ยังไม่มากพอ ใช่ไหมคะ?”

ซูชิงเหมยวางแก้วทรงสูงกลับไปบนเคาน์เตอร์บาร์ พูดกับลู่เฉินว่า “คุณไม่ลองเหรอคะ”

บนแก้วยังมีรอยริมฝีปากจางๆ ของเธออยู่

นี่คือการยั่วยวนกันใช่ไหม

ลู่เฉินยิ้มตอบ “ไม่ดีกว่า ขอบคุณครับ แอลกอฮอล์ไม่ดีต่อลำคอ และผมก็เป็นนักร้องด้วย”

เมื่อคืนเขาดื่มเบียร์ไปตั้งมากมาย แน่นอนว่าสำหรับคนที่ชอบดื่มเหล้าแล้ว เบียร์ไม่ถือว่าเป็นเหล้า

ลู่เฉินหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปจากเคาน์เตอร์บาร์

ซูชิงเหมยรู้สึกว่าตัวเองออกแรงเต็มที่แต่เหมือนตีไปบนปุยฝ้าย ว่างเปล่าไร้เรี่ยวแรง อยากจะโมโหแต่ก็หาเหตุผลไม่ได้ จึงได้แต่ทำเสียง ‘เชอะ’ ด้วยความหงุดหงิดใจ

เดวิดยักไหล่ แสร้งทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร แล้วผสมค็อกเทลของเขาต่อไป

ในฐานะบาร์เทนเดอร์จอมเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง เขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในสงครามระหว่างชายหญิง

ลู่เฉินถือกีตาร์ เดินไปที่หลังเวที

ภายในห้องที่กว้างไม่มีคนมากนัก มีเพียงหวางเสี่ยวไซว่กำลังใส่หูฟังส่ายศีรษะฟังเพลง

เขาไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของลู่เฉิน

ลู่เฉินนั่งลงในตำแหน่งของตัวเอง เปิดกระเป๋าหยิบกีตาร์ออกมาแล้วปรับเสียงใหม่

จากนั้นก็เตรียมรายการเพลงที่จะแสดงคืนนี้

‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ กับ ‘ซินเดอเรลล่า’ เพลงต้นฉบับสองเพลงนี้เป็นรายการหลักที่ต้องร้องอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังจะร้องเพลงอีกสองสามเพลง เขาอยากเปลี่ยนเป็นเพลงรักดูดดื่มผ่อนคลายสักสองเพลง หรือไม่ก็เพิ่มเพลงร็อคเบาๆ ไม่รุนแรงสักหนึ่งเพลง

ลูกค้าในบาร์โฮ่วไห่ไม่ใช่คนเรื่องมาก เมื่อก่อนลู่เฉินยังพอหลอกล่อลูกค้าที่ไม่เข้าใจสายอาชีพนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เขาในตอนนี้มีความต้องการสูงกว่าเดิม ต่อให้เป็นการแสดงร้องเพลงบนเวทีในบาร์ก็ต้องมีสไตล์และคุณภาพ

ตอนที่ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง ลู่เฉินก็ยังต้องทำอาชีพเป็นนักร้องในบาร์ต่อไป แต่ถ้าจะทำก็ต้องทำให้ดีที่สุด จะทำเป็นขอไปทีไม่ได้!

เวลาผ่านไปเร็วมาก เผลอแป๊บเดียวก็สองทุ่มแล้ว ลูกค้าที่ปรากฏตัวในบาร์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หลี่หงกับเยี่ยเจิ้นหยางก็มาแล้ว คนแรกยังพอเกรงใจลู่เฉินอยู่บ้าง แถมยังเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อน ส่วนคนหลังยังคงวางมาด ทำท่าทีไม่ยินดียินร้ายเหมือนเดิม

ลู่เฉินไม่สนใจ แต่ก่อนเขาอาจจะเคยอิจฉาเยี่ยเจิ้นหยางที่ได้เป็นนักร้องเซ็นสัญญา แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องอิจ ฉาใครแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักร้องระดับไหนก็ตาม!

เวลาสองทุ่มผ่านไป พี่น่าก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องหลังเวทีเช่นกัน

เธอทักทายกับทุกคนอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็ดึงลู่เฉินไปข้างๆ แล้วพูดว่า “เย็นนี้จะมีเพื่อนในวงการของเถ้าแก่มา ฉันจะจัดให้นายขึ้นแสดงตอนสามทุ่ม นายต้องแสดงให้ดีนะ เป็นโอกาสที่ดีมาก!”

“ผมรู้แล้วครับ ขอบคุณครับพี่น่า อ้อใช่…”

ลู่เฉินพยักหน้า เขาหยิบของที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา

“ขอมอบให้พี่ครับ”

“อะไรเหรอ”

พี่น่ารับมาด้วยความสงสัย พลางยิ้มพูด “คงไม่ใช่จดหมายรักหรอกนะ พี่น่าของนายแก่แล้ว ถ้าหากเด็กลงได้อีกยี่สิบปีล่ะก็ ฉันจะเป็นฝ่ายจีบนายก่อน ฮ่าๆ!”

ลู่เฉินให้ของเธอ เป็นกระดาษ A4 ที่พับซ้อนกันใบหนึ่ง “เป็นเพลงเพลงหนึ่งครับ หวังว่าพี่น่าจะชอบ”

“นายแต่งเพลงให้ฉันจริงๆ เหรอ”

พี่น่าคลี่กระดาษออก มองโน้ตดนตรีที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์อยู่บนนั้นพลางเอ่ยอย่างตกใจ “ขอบใจนะ!”

เธอพูดเล่นกับลู่เฉินเมื่อสองวันก่อน ว่าอยากให้ลู่เฉินช่วยแต่งเพลงให้ตัวเองบ้าง หลังจากพูดก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ดังนั้นเธอจึงคาดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะแต่งเพลงให้เธอจริงๆ

เสียงของเธอดังมาก หลี่หงกับเยี่ยเจิ้นหยางและคนอื่นที่อยู่หลังเวทีก็ได้ยิน จึงมองหน้ากันไปมา

ลู่เฉินแต่งเพลงให้พี่น่า จริงหรือปลอมเนี่ย

เยี่ยเจิ้นหยางเบ้ปากอย่างดูถูก รู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด

เขายอมรับว่าลู่เฉินแต่งเพลงสองเพลงได้ดีมาก แต่สไตล์เพลงบัลลาดรำลึกถึงอดีตแบบนี้ไม่เหมาะกับพี่น่า และเพลงดีๆ แต่งออกมาได้ง่ายเสียที่ไหน คาดว่าคงอยากจะทำเป็นยกยอปอปั้นประจบเอาใจมากกว่า

นอกจากความรู้สึกซาบซึ้งแล้ว สำหรับเพลงที่ลู่เฉินแต่งให้ตัวเอง ความจริงพี่น่าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะการแต่งเพลงป็อบสมัยนี้ไม่ง่าย การจะมีเพลงที่ดีสักเพลงใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆ

จากนั้นเธอลองร้องตามโน้ตดนตรีเบาๆ แล้วสีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที

ถึงแม้พี่น่าจะไม่ใช่นักร้องมีชื่อเสียง และก็ไม่ใช่ครูอาจารย์ที่ไหน แต่เธอที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการนี้มายี่สิบปีแล้ว แสดงการร้องเพลงมามากมาย พูดได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์

บทเพลงหนึ่งจะเพราะหรือไม่เพราะ เธอมองปราดเดียวก็รู้แล้ว ต่อให้เป็นเพลงที่แต่งใหม่ทั้งหมดก็ตาม

พี่น่าอ่านและร้องตามไปได้ครึ่งหนึ่งก็ร้องต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะระดับเธอไม่ไหวหรือแต่งเพลงไม่ดี

“เพลงนี้…”

เธอถือกระดาษบางๆ ด้วยสองมือ เหมือนสาวกคนหนึ่งที่เคร่งศาสนาถือคัมภีร์ไบเบิล ราวกับว่าหนักมาก ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ให้ฉันจริงๆ ใช่ไหม”

เธอไม่เชื่อ และไม่กล้าเชื่อ!

ลู่เฉินพยักหน้า ยืนยันว่า “ให้พี่ครับ!”

น้ำตาแวววาวเอ่อขึ้นมาในดวงตาของพี่น่าทันที

เธอเกิดมาจน เพื่อใช้ชีวิตและความหลงใหล เธอจึงเข้ามาอยู่ในเส้นทางของวงการเพลงนานแล้ว จากนั้นก็ทำอาชีพนี้มายี่สิบปีกว่า แต่เธอก็ไม่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงเสียที จนถึงตอนนี้ยังร้องเพลงอยู่ในบาร์

มีคนมากมายที่ไม่สามารถมีชื่อเสียงได้ เพราะพรสวรรค์ของตัวเองไม่พอ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจโดดเด่นเหนือใคร

แต่ไม่เหมือนกับพี่น่า เธอมีพรสวรรค์ในการแสดงร้องเพลงสูงมาก มีช่วงเสียงร้องที่กว้างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เธอร้องเพลงระดับยากได้อย่างสบาย นี่คือนักร้องร้องดีมีความสามารถที่แท้จริง

เฉินเจี้ยนหาวก็เคยพูดกับเธอเป็นการส่วนตัว สาเหตุที่พี่น่าอยู่ในวงการมายี่สิบปีกว่าแล้วยังไม่ดัง นอกจาก สาเหตุเรื่องหน้าตาแล้ว เธอยังไม่เจอบทเพลงที่ดีเป็นของตัวเอง รวมทั้งป๋อเล่อ[1]ที่เข้าใจดนตรีอย่างแท้จริงด้วย

คนที่ค้นพบบทเพลงดีๆ อย่างป๋อเล่อนั้นมีมากมาย แต่เพลงที่ดีกลับหายาก

และตัวของพี่น่าก็หวังว่าจะมีเพลงที่ดีเป็นของตัวเองสักเพลง แต่นั่นมันนานมาก นานมากจริงๆ!

นานจนเธอยอมแพ้ ไม่คาดหวังลมๆ แล้งๆ อีก

แต่โชคชะตาก็น่ามหัศจรรย์แบบนี้ จู่ๆ ก็มีเพลงที่ดีจริงปรากฏต่อหน้าของเธอ วางอยู่ในมือเธอ และถูกเธอครอบครอง!

เพลงนี้ไม่ใช่เพียงทำนองที่มีสีสัน เนื้อเพลงแต่ละประโยคก็ซาบซึ้งไปถึงจิตวิญญาณของเธอ เหมือนกับว่าสร้างมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ทำให้เธอยากที่จะควบคุมอารมณ์ที่อยู่ในใจ น้ำตาไหลทันที

“ขอบใจ ขอบใจนะ!”

พี่น่ากางแขนทั้งสองข้างทันที ดึงลู่เฉินเข้าไปกอด น้ำตาไหลผ่านแก้มลงมา “ขอบใจ!”

ลู่เฉินตกตะลึงก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นหัวเราะพลางตบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ”

เขามอบบทเพลงนี้ให้พี่น่า ก็เพราะซาบซึ้งที่เธอเคยช่วยเหลือและเอาใจใส่ตัวเอง ถ้าหากไม่มีพี่น่าคอยดูแล เขาอาจจะไม่ได้ร้องเพลงบนเวทีของบาร์เดย์ลิลลี่จนถึงตอนนี้

ดื่มน้ำต้องนึกถึงแหล่งที่มา เป็นคนต้องรู้จักบุญคุณ ลู่เฉินเป็นคนโอหังในสายเลือด ยามที่ตกอับเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงเขาจึงได้แต่ดูแลตัวเองให้ดีก่อน เมื่อมีกำลังความสามารถแล้ว เขาจึงยอมตอบแทนบุญคุณต่อคนที่คู่ควรเหล่านั้น

บทเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง ก็คือการตอบแทนพี่น่าของเขา!

หลี่หงกับเยี่ยเจิ้นหยางแล้วก็หวางเสี่ยวไซว่ต่างนิ่งเหม่อ

พวกเขาเห็นลู่เฉินแต่งเพลงมาให้พี่น่า พี่น่าก็ร้องตามโน้ตดนตรี แต่เสียงเบาเกินไปจนใครก็ฟังไม่ชัดเจน จากนั้นพี่น่าน้ำตาไหล แล้วกอดขอบคุณลู่เฉิน

นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ทั้งสามคนไม่เคยเห็นพี่น่าเสียอาการแบบนี้มาก่อน!

…………………………………………………………………………

[1] ป๋อเล่อ หมายถึง คำเรียกคนคัดสรรม้าศึกในสมัยโบราณ ในที่นี้ความหมายว่า รู้จักและสามารถ ค้นหาสืบเสาะพิเคราะห์แยกแยะคนเก่ง คนดี คนมีความสามารถ