ตอนที่ 306 เข้าร่วม!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

บรรดาอาจารย์กอบกุมรายงานการวิจัยเหล่านี้อย่างเงียบกริบไปพักหนึ่ง ผ่านไปเนิ่นนานถึงค่อยปรึกษากันอย่างละเอียด หลังจากที่หลี่ซื่ออวี๋พูดคุยกับพวกอาจารย์แล้วก็กัดฟันเดินมาที่เบื้องหน้าหลิงหลานและกล่าวขอโทษว่า “มีคนเคยใช้ยาของพวกเรามานับไม่ถ้วน พวกเขาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างของฉีหลงเลย นี่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นปัญหาของคุณสมบัติร่างกายพิเศษ แต่ไม่ว่ายังไง นี่คือความผิดพลาดของพวกเรา ขอโทษด้วยนะ หลิงหลาน”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ฉันแค่อยากรู้ว่านี่จะมีผลต่ออนาคตของฉีหลงในภายหลังไหม?” สายตาเย็นเยียบของหลิงหลานมองตรงไปที่หลี่ซื่ออวี๋ราวกับกำลังเตือนหลี่ซื่ออวี๋ว่าอย่าคิดจะปล่อยผ่านไปเงียบๆ เด็ดขาด

“ฉันไม่รู้ เพราะว่านี่เป็นสถานการณ์พิเศษซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ดังนั้นฉันไม่รู้ว่าอนาคตของฉีหลงจะเกิดอาการที่เกี่ยวพันกันหรือเปล่า แต่ฉันแน่ใจได้ว่ายานี้ไม่มีทางสร้างความเสียถาวรอะไรให้กับร่างกายของฉีหลง ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า ต่อให้หลังจากนี้จะออกฤทธิ์ขึ้นอีก มันก็จะนำผลประโยชน์มาให้เท่านั้น ไม่ใช่ผลร้ายอย่างแน่นอน”

ความจริงแล้ว หลี่ซื่ออวี๋อยากพูดมากๆ ว่า ‘ไม่มีทาง นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเท่านั้น’ ทว่าตามความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ป่วยแล้ว หลี่ซื่ออวี๋ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์อย่างของฉีหลงจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือว่าจะแฝงตัวอยู่ไปชั่วชีวิต ถึงอย่างไรสถานการณ์ของฉีหลงก็แปลกประหลาดมากเกินไป เวลานี้ไม่มีใครแน่ใจได้เหมือนกัน

หลิงหลานได้ยินคำกล่าว พลังที่กดดันบนร่างก็เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง เธอคว้าเสื้อคลุมสีขาวตรงหน้าอกของหลี่ซื่ออวี๋ไว้ ก่อนจะดึงเขามาที่ด้านหน้าตน กล่าวด้วยใบหน้าอาฆาตว่า “อะไรคือไม่มีทางสร้างความเสียหายถาวร? อะไรคือทุกครั้งที่ออกฤทธิ์ขึ้นจะมีประโยชน์? นายก็รู้ว่าอนาคตฉีหลงต้องไปสนามรบ ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ขึ้นในเวลาปกติ พวกเรายังส่งเขามาหาหมอรักษาตัวได้ทันที แต่ถ้าโชคร้ายเกิดขึ้นในสนามรบล่ะ? ขอเพียงมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในสนามรบ มันก็เอาชีวิตเขาได้แล้ว นายคิดว่าฉีหลงเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าไปจะรอดชีวิตมาได้เหรอ?”

คำถามของหลิงหลานทำให้ริมฝีปากของหลี่ซื่ออวี๋กระตุกอย่างไร้เรี่ยวแรง สถานการณ์ที่หลิงหลานว่ามามีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ ถ้าเกิดยาออกฤทธิ์ในสนามรบละก็ ชีวิตของฉีหลงก็คือความตาย ศัตรูไม่มีทางรอให้ฉีหลงอดทนผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้แน่นอน

หลี่ซื่ออวี๋รู้สึกละอายใจ ถึงแม้ว่าเขามีเจตนาดี อยากเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเพื่อนๆ ของญาติผู้น้องตัวเองเล็กน้อย แต่ไม่นึกเลยว่ายานี้ไม่ได้เหมาะสมกับคุณสมบัติร่างกายของทุกคน…การวินิจฉัยทางการแพทย์ก่อนหน้านี้ของพวกเขายังมีช่องโหว่และข้อบกพร่องอยู่

เวลานี้เอง อาจารย์ของศูนย์วิจัยแพทย์ทหารเดินเข้ามา เอ่ยขอโทษอย่างลึกซึ้งว่า “ขอโทษด้วยนะ การตอบสนองของนักเรียนคนนี้เป็นสิ่งที่เราไม่เคยพบมาก่อน ควรรู้ไว้ว่าจำนวนคนที่ใช้ยานี้ของพวกเรามีหลายหมื่นคนแล้ว ทว่าตลอดมาไม่เคยเกิดกรณีเหมือนนักเรียนคนนี้มาก่อนเลย นี่อาจจะเป็นกรณีพิเศษ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นความผิดของศูนย์วิจัยแพทย์ทหารของเรา พวกเราจะรับผิดชอบ เธอมีข้อเรียกร้องอะไรก็เสนอมาได้ตามสบายเลยนะ ขอเพียงพวกเราสามารถทำได้”

หลิงหลานได้ยินอาจารย์ออกหน้าก็คลายมือที่คว้าหน้าอกของหลี่ซื่ออวี๋ เอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้อเรียกร้อง? ข้อเรียกร้องของผมมีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือพี่น้องของผมเสียชีวิตเพราะยานี้ไม่ได้เด็ดขาด ขอเพียงพวกคุณแก้ไขเรื่องนี้ได้ ผมก็ทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้…”

ข้อเรียกร้องที่หลิงหลานเสนออกมาทำให้อาจารย์เผยสีหน้าย่ำแย่ออกมา “ขอโทษด้วยนะ นักเรียน ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถวิจัยยาที่บรรเทาอาการแบบนี้ได้ทันที อาจจะต้องรอไปสักระยะหนึ่งถึงจะสามารถทำได้…”

อาจารย์ไม่สามารถรับปากได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็คิดมาตลอดว่านี่เป็นการตอบสนองที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉีดยาแล้วเท่านั้น ขอเพียงอดทนผ่านพ้นไปได้ก็จะจบสิ้นเรื่องราวแล้ว เดิมทีพวกเขาไม่เคยพิจารณาว่าต้องไปบรรเทาอาการตอบสนองเหล่านี้มาก่อน เพราะว่ายายีนดัดแปลง S มีเพียงฝืนอดทนผ่านพ้นความเจ็บปวดที่เหมือนถูกฉีกกระชากแบบนี้ไปได้ ร่างกายของผู้ป่วยถึงจะสามารถได้รับผลประโยชน์มากขึ้น มากสุดก็เป็นเหมือนกับฉีหลง เพิ่มยาฟื้นฟูอีกนิด ฟื้นพลังกายและพลังจิตเล็กน้อย ช่วยให้ผู้ป่วยประคับประคองต่อไป…

“ต้องรอนานเท่าไหร่ครับ? หนึ่งปี? สองปี? สามปี? หรือว่าห้าปี? สิบปี? หรือถึงขนาดที่ต้องรอนานกว่านั้น?” มุมปากของหลิงหลานผุดร่องรอยเยาะหยันออกมา ความเข้าใจได้ในแววตาทำให้อาจารย์ละอายใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของหลิงหลานได้เลย อาจารย์ของภาควิชาแพทย์ทหารต่างพูดตามข้อมูลมาตลอด พวกเขาไม่สามารถบอกเวลาที่แน่ชัดเกี่ยวกับของที่ยังไม่ได้ศึกษาวิจัยออกมา ก็เหมือนกับที่หลิงหลานว่าไว้ บางทีอาจจะต้องการแปดปีสิบปี

“คุณอยากให้พี่น้องของผมอยู่บนเส้นความเป็นความตายตลอดระยะเวลาที่พวกคุณวิจัยยาแก้ไขหรือไงครับ? ถ้าโชคร้ายก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยคนแรกของยาพวกคุณเหรอ? หลิงหลานตอบด้วยรอยยิ้มหยัน

“ไม่ใช่ พวกเราไม่มีความคิดแบบนั้น ถ้าเป็นไปได้พวกเราจะทำการตรวจสอบร่างกายให้กับกองทัพ นักเรียนฉีหลงสามารถละเว้นจากการไปสนามรบ กลายเป็นทหารฝ่ายแนวหลังได้…” อาจารย์อธิบายด้วยความลนลาน เสนอวิธีการแก้ไขที่เขาสามารถคิดได้ออกมา

“อาจารย์ คุณรู้หรือเปล่าว่าภาควิชาของพวกเราคืออะไร? พวกเราเป็นนักเรียนของภาควิชาควบคุมหุ่นรบนะครับ สาเหตุที่พวกเราเลือกภาควิชานี้ก็เพราะอยากเป็นต่อสู้ในแนวหน้าของสนามรบ ไม่ใช่เป็นคนขี้ขลาดที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง ข้อเสนอของคุณดูถูกผมและก็ดูถูกพี่น้องของผมอย่างไม่ต้องสงสัย” หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ตวาดด้วยด้วยเสียงรุนแรงทันที

ท่าทีเดือดดาลของหลิงหลานทำให้อาจารย์ละอายใจหนักยิ่งขึ้น รู้สึกว่าตัวเองพลั้งปากไปแล้ว เขาลนลานกล่าวว่า “งั้นเธออยากทำยังไง?”

หลิงหลานกวาดมองศูนย์วิจัยแพทย์ทหารด้วยสายตาเย็นเยียบรอบหนึ่ง ทุกคนก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตา เวลานี้ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างถูกพลังเย็นชารุนแรงเด็ดขาดของหลิงหลานปราบ รวมถึงพวกอาจารย์ที่ยึดมั่นในเหตุผลด้วย

จากนั้นก็ได้ยินหลิงหลานค่อยๆ กล่าวว่า “ผมหวังว่าแพทย์ทหารที่จบจากภาควิชาวิจัยแพทย์ทหารจะเข้าร่วมหน่วยรบของผม รักษาและเฝ้าติดตามสภาพร่างกายของพี่น้องผมระยะยาว เพราะว่านอกจากฉีหลงที่เกิดปัญหาในตอนนี้แล้ว คนที่ยอมรับการรักษาของพวกคุณยังมีลั่วล่างพี่น้องของผมอีกคนด้วย!” หลิงหลานชี้ไปยังลั่วล่างที่อยู่ด้านหลัง กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ผมไม่อาจแน่ใจได้ว่าพี่น้องของผมคนนี้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า ถึงยังไงหลังจากที่เขาได้รับการรักษาจากที่นี่แล้วก็เคยเกิดเหตุการณ์แผลเก่ากำเริบมาก่อน”

สายตาของหลิงหลานทอดมองไปที่หลี่ซื่ออวี๋ คิ้วของหลี่ซื่ออวี๋ขมวดเล็กน้อย ในใจของหลี่ซื่ออวี๋มั่นใจเรื่องอาการบาดเจ็บของลั่วล่างมากว่า นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา เพียงแต่ตอนนี้เขายกหลักฐานที่มีน้ำหนักขึ้นมาไม่ได้ ทำได้แต่แบกรับความผิดที่ไม่ได้ก่อนี้ไว้

“และคนที่ก่อผลลัพธ์เหล่านี้ รับผิดชอบรักษาพี่น้องทั้งสองคนของผมก็คือนักเรียนดีเด่นหลี่ ผมหวังว่านักเรียนดีเด่นหลี่จะรับผิดชอบเรื่องนี้ กลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยรบพวกเรา ปกป้องสมาชิกหน่วยรบของผม” หลิงหลานบอกเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองออกมาในที่สุด

“ไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ นักเรียนของภาควิชาแพทย์ทหารจะเข้าร่วมหน่วยรบไม่ได้ นี่เป็นกฎของโรงเรียน” อาจารย์เอ่ยคัดค้านอย่างรุนแรง ควรรู้เอาไว้ว่านักเรียนที่ออกมาจากภาควิชาแพทย์ทหารต่างเป็นแพทย์ทหารที่มีความสามารถล้ำเลิศมากที่สุดในโลกการแพทย์ พวกเขาต้องให้บริการแก่ทหารทุกคน ไม่ใช่ให้บริการแค่หน่วยรบเล็กๆ หน่วยรบเดียว นี่มันสิ้นเปลืองมากเกินไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่ซื่ออวี๋คือนักเรียนอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของภาควิชาแพทย์ทหารพวกเขา บรรดาอาจารย์คาดหวังต่อเขายิ่งยวด หวังว่าสุดท้ายเขาสามารถกลายเป็นหัตถ์เทวะที่เก่งกาจที่สุดในโลกแพทย์ทหารได้ อัจฉริยะที่ทำให้พวกเขาทุ่มเทจิตใจอบรบสั่งสอนขึ้นมานี้ พวกเขาจะตัดใจมอบเขาให้กับหน่วยรบเล็กๆ ได้อย่างไร

“อาจารย์ เท่าที่ผมรู้มา โรงเรียนไม่มีกฎที่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษร มากสุดก็เป็นแค่การยอมรับจากการปฏิบัติมาอย่างยาวนานของโรงเรียนทหาร คุณควรรู้ว่ากฎทุกอย่างที่ไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ใช่สิ่งที่ละเมิดไม่ได้ ความจริงแล้วพี่น้องของผมทั้งสองคนต่างเกิดปัญหาขึ้นในมือของนักเรียนดีเด่นหลี่ จากกฎข้อที่หกสิบแปด วรรคที่ยี่สิบเอ็ดของโรงเรียนระบุว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น (รวมถึงการประลองแข่งขัน อุบัติเหตุทางการแพทย์ การศึกษาวิจัยที่อันตรายต่างๆ ฯลฯ) ใครที่รับผิดชอบก็ต้องเป็นคนดำเนินการจัดการ จากกฎข้อนี้ คำขอของผมไม่ได้มากเกินไปเลยนะครับ” หลิงหลานอ่านกฎระเบียบที่เสี่ยวซื่อมอบให้ไปพลาง เอ่ยถามอาจารย์ด้วยเสียงขึงขังไปพลาง “ศูนย์วิจัยแพทย์ทหารคิดจะปัดความรับผิดชอบนี้เหรอครับ? หรือว่าคิดจะละเมิดกฎข้อนี้?”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น นี่…นี่มัน…” อาจารย์พูดไม่ออกภายใต้คำถามที่รุนแรงของหลิงหลาน เขามองหลี่ซื่ออวี๋แล้วค่อยมองหลิงหลานที่ไม่ยอมหยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายตรงหน้า ร้อนใจขึ้นมาฉับพลันราวกับมดบนกระทะร้อน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

อาจารย์คนอื่นๆ เห็นว่าท่าไม่ดีแล้วก็รีบเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ลอบติดต่อกับคณบดีของภาควิชาแพทย์ทหาร หวังว่าเขาจะรีบเข้ามาจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ พวกเขาที่เป็นอาจารย์ของหลี่ซื่ออวี๋ไม่อยากให้อนาคตของหลี่ซื่ออวี๋ทำได้แค่ก้าวหน้าในหน่วยรบเล็กๆ เท่านั้น

ในตอนนี้เอง หลี่ซื่ออวี๋ที่ใคร่ครวญอย่างเยือกเย็นอยู่นานพลันตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ฉันยินดีรับผิดชอบ!”

หลี่ซื่ออวี๋คิดว่าหลิงหลานพูดถูกแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องของลั่วล่างเลย แค่อาการป่วยของฉีหลงในวันนี้ก็เป็นความผิดของศูนย์วิจัยแพทย์ทหารของพวกเขาแล้วจริงๆ และคนที่ยื่นคำขอใช้ยายีนดัดแปลง S ให้กับฉีหลงก็คือเขา…หลี่ซื่ออวี๋ เขาไม่สามารถปัดความรับผิดชอบนี้ได้

แน่นอนว่าเดิมทีหลี่ซื่ออวี๋หวังว่าจะเข้าสู่กรมการแพทย์ที่ดีที่สุดของกองทัพ ไปศึกษาวิจัยยารักษาและวิชาแพทย์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพราะแบบนี้เขาถึงจะมีโอกาสรักษาโรคประหลาดของญาติผู้พี่คนโต แต่เขาก็ไม่อยากหลีกหนีความรับผิดชอบ ในเมื่อฉีหลงเกิดเรื่องขึ้นในมือเขา เขายินดีใช้อนาคตของตัวเองมาชดใช้ความผิดนี้

หลี่ซื่ออวี๋ลอบขอโทษญาติผู้พี่ของเขาในใจ เขาทำให้ญาติผู้พี่ทนรับความทรมานมากขึ้นเพราะการตัดสินใจนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาเชื่อว่าขอเพียงเขาพยายามศึกษาวิจัย ถึงแม้เวลาจะช้าไปบ้าง แต่เขายังคงมีความมั่นใจสามารถรักษาร่างกายที่เปราะบางของญาติผู้พี่ได้ เป็นเพราะว่าหลี่ซื่ออวี๋มีความมั่นใจแบบนี้ เขาถึงได้แบกรับความรับผิดชอบของเขาโดยไม่ลังเล

หลิงหลานได้ยินคำตอบที่เด็ดเดี่ยวของหลี่ซื่ออวี๋ก็กำหมัดอย่างรุนแรง ตะโกนเสียงดังลั่นในใจว่า ‘YES สำเร็จ!’

หลังจากที่ทุ่มเทความคิด ในที่สุดเธอก็คว้าอัจฉริยะคนนี้เข้ามาในหน่วยรบได้ ถึงแม้วิธีการของเธอจะชั่วช้าอยู่บ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตบรรดาพี่น้องเธอ ต่อให้เธอต้องต่ำช้าอีกแค่ไหน เธอก็ต้องทำ หลิงหลานไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิดเดียว เธอไม่ใช่แม่พระ ไม่ได้ใคร่ครวญถึงกองทัพทั่วทั้งสหพันธรัฐ เธอทำได้แค่ครุ่นคิดถึงพวกพี่น้องข้างกายเธอเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อหลิงหลานมองไปทางหลี่ซื่ออวี๋ ข้างในแววตาจึงสงบนิ่ง ไม่มีร่องรอยความละอายใจเลย หลิงหลานเชื่อมั่นว่า ‘คนไม่รักตนเอง ฟ้าดินย่อมประหัตประหาร ‘ประโยคพูดอมตะที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่โบราณไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน’

หลังจากนั้นคณบดีภาควิชาแพทย์ทหารที่รีบมาได้ยินทั้งสองฝ่ายตกลงกันรวดเดียว หลี่ซื่ออวี๋รับปากเข้าร่วมหน่วยรบ เขาก็เจ็บปวดใจอย่างหาใดเปรียบทันที เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหลี่ซื่ออวี๋ที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ สุดท้ายก็ต้องขอให้หลิงหลานรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่หลี่ซื่ออวี๋เข้าร่วมหน่วยรบออกไป เนื่องจากคณบดีไม่อยากให้นักเรียนที่ยอดเยี่ยมคนอื่นๆ ที่อบรมสั่งสอนอย่างยากลำบากในภาควิชาของเขาถูกหน่วยรบชิงตัวไปมากกว่านี้…

ความปรารถนาของหลิงหลานบรรลุแล้ว เธอย่อมรับปากอย่างเต็มปากเต็มคำไม่ปฏิเสธคำขอของคณบดีแน่นอน หน่วยรบของหลิงหลานจึงปรากฏนักเรียนของภาควิชาแพทย์ทหารเป็นครั้งแรกเช่นนี้เอง และเป็นเพียงหน่วยรบเดียวเท่านั้นที่มีแพทย์ทหารด้วย และตอนนี้หลี่ซื่ออวี๋ไม่รู้เลยว่าตำนานของเขากำลังจะเปิดม่านขึ้นแล้ว