ตอนที่ 307 สมาชิกหน่วยรบ!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

ถึงแม้ว่าพวกหานจี้จวินและฉีหลงทั้งห้าคนจะสงสารหลี่ซื่ออวี๋ตรงหน้าที่ดูน่าอนาถและเห็นได้ชัดว่าไร้ความผิดอย่างยิ่งยวด แต่ลึกๆ ในใจกลับชื่นชมผลงานชิ้นใหญ่ของลูกพี่ในคราวนี้ที่ผูกมัดหลี่ซื่ออวี๋ไว้กับหน่วยรบของพวกเขาได้แล้ว

อย่างไรเสีย การมีแพทย์ทหารที่ยอดเยี่ยมเช่นหลี่ซื่ออวี๋ในหน่วยรบ เมื่อเข้าร่วมสนามรบก็จะรับรองความปลอดภัยชีวิตของพวกเขาได้มากขึ้น หลิงหลานเพิ่มเครื่องรางคุ้มภัยให้พวกเขาโดยไม่ต้องสงสัย เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกฉีหลงห้าคนก็ซาบซึ้งและเคารพนับถือหลิงหลานมากยิ่งขึ้น

ส่วนเด็กใหม่อีกสองคนที่ลูกพี่หลานเอ่ยถึง พวกฉีหลงไม่ค่อยรู้มากนัก พวกเขารู้แค่ว่าหนึ่งในนั้นคือช่างพัฒนาหุ่นรบ และอีกคนก็คือผู้ควบคุมหุ่นรบที่โจมตีเป็นหลัก

เมื่อเวลาใกล้จะถึงบ่ายโมงแล้ว หลินจงชิงที่คอยสังเกตสถานการณ์รอบๆ มาตลอดพลันตะโกนขึ้นมาในช่องสื่อสารว่า “เลิกคุย ลูกพี่มาแล้ว!”

พวกเขาหลายคนที่กำลังคุยเล่นกันอย่างคึกคักก็หยุดลงฉับพลัน ทยอยกันหันหน้ามองหาร่องรอยของลูกพี่ จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าทางด้านขวาเบื้องหน้าตนมีหุ่นรบสามตัวกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว หุ่นรบสองตัวในนั้นคือหุ่นรบระดับกลาง และอีกตัวก็เป็นหุ่นรบระดับสูง

“หนึ่งในหุ่นรบระดับกลางสองตัวน่าจะมีลูกพี่อยู่” หลินจงชิงเอ่ยเสริม เขาติดต่อกับลูกพี่หลานบ่อยๆ รู้ระดับหุ่นรบของหลิงหลานในตอนนี้ดี

เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด หุ่นรบสามตัวก็หยุดลงตรงหน้าพวกเขา พวกเขาทั้งห้าคนได้รับข้อความส่วนตัวของหลิงหลานแทบจะพร้อมกันว่าให้พวกเขาเข้าร่วมทีมของเธอ หลังจากที่ฉีหลงได้รับข้อความส่วนตัวแล้วก็ยกเลิกสถานะทีมของพวกเขาห้าคนทันที ก่อนจะได้รับแจ้งเตือนคำเชิญของหลิงหลาน

จีอู๋ปู้ซิวเห็นชื่อหลิงเทียนเก๋อโต้ว หลิงเทียนซ่วนผาน หลิงเทียนเปากั่ว หลิงเทียนเจียนเตาและหลิงเทียนที่ปู่ซึ่งใช้คำว่า ‘หลิงเทียน’ ตั้งชื่อนำหน้าแบบเดียวกันเด้งขึ้นบนหน้าจออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าร่วมหน่วยรบของหลิงเทียนอีเซี่ยนทีละคน ในใจเขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอนาคตของตัวเอง เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกหน่วยรบรับเข้าไปหรือไม่ บุญคุณความแค้นของเขากับราชันสายฟ้าก็เคยเป็นที่เลื่องลือในโลกหุ่นรบมา คาดว่าหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่รู้เรื่องในสมัยก่อนนี้ไม่มีทางยินดีรับเขาและไปล่วงเกินราชันสายฟ้าที่มีอิทธิพลในโลกหุ่นรบอยู่บ้างแน่นอน

นอกจากนี้ถ้าหากเขาอยากเรียนจบจากโรงเรียนทหารไปอย่างราบรื่น เขาจำเป็นต้องเข้าร่วมหน่วยรบสักแห่ง ไม่อย่างนั้นก็จะจบหลักสูตรที่เกี่ยวข้องไม่ได้ ในขณะที่เขากำลังสับสนกับอนาคตนิดหน่อยนั้น จีอู๋ปู้ซิวไม่คาดคิดว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะติดต่อเขาก่อน และเอ่ยถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าสนใจเข้าร่วมทีมของเขาหรือไม่

นี่เป็นที่พึ่งสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของจีอู๋ปู้ซิวก็คือคิดจะตกลง โชคดีที่เขายังถือว่ามีสติอยู่ พอใจเย็นลงแล้วก็เริ่มคิดถึงผลลัพธ์หลังจากที่เขาเข้าร่วม เขาไม่สามารถให้คนที่เคยช่วยเหลือเขามาก่อนติดร่างแหไปได้ ต่อให้หลิงเทียนอีเซี่ยนจะแข็งแกร่งมากจริงๆ

ดังนั้นจีอู๋ปู้ซิวเลยถามหลิงเทียนอีเซี่ยนว่า ทำไมถึงเชิญเขาเข้าร่วมหน่วยรบ? แล้วยังถามหลิงเทียนอีเซี่ยนอีกว่ารู้ผลลัพธ์ที่เชิญเขาเข้าร่วมหรือเปล่า? นั่นจะเป็นการล่วงเกินกลุ่มอำนาจของราชันสายฟ้า อาจจะส่งผลต่อการพัฒนาในอนาคตของหน่วยรบหลิงเทียนอีเซี่ยนได้

ไม่นึกเลยว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะตอบกลับมาแค่สี่คำเท่านั้นว่า “แล้วยังไงล่ะ?”

นี่ทำให้จีอู๋ปู้ซิวตื้นตันใจและพูดไม่ออกมากๆ เขาถามหลิงเทียนอีเซี่ยนอีกว่า เขาไม่อยากให้หน่วยรบของตัวเองพัฒนาขึ้นหรือไง? ควรรู้เอาไว้ว่าการโดนกลุ่มอำนาจใหญ่กดดันหาเรื่องตลอด ถึงขนาดที่ทำลายภารกิจทุกอย่างที่รับมา หน่วยรบของเขาจะไม่สามารถพัฒนาได้ตลอดไป ทำได้แค่ดิ้นรนอยู่ต่อไปวันๆ ภายใต้กลุ่มอำนาจของราชันสายฟ้า เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หลิงเทียนอีเซี่ยนอยากเห็น

ไม่คาดคิดว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะไม่ได้ตอบคำถามของเขา หากแต่ถามจีอู๋ปู้ซิวกลับหนึ่งประโยคว่า กล้าเดิมพันกับเขาสักครั้งหรือเปล่า?

หลิงเทียนอีเซี่ยนไม่ได้พูดว่าเขาไม่ได้กลัวราชันสายฟ้าอะไร หรือเอ่ยพวกคำพูดลอยๆ สุดขีดว่าอยู่ห่างจากกลุ่มอำนาจของราชันสายฟ้าก็ได้แล้ว เขาถามจีอู๋ปู้ซิวเรียบๆ ว่าจะเดิมพันหรือไม่ ยืนยันว่าเขาคิดถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรงจากการเชิญจีอู๋ปู้ซิวเข้าร่วมหน่วยรบนานแล้ว นี่บ่งบอกว่าคำเชิญของเขาไม่ใช่การกระทำที่หุนหันไปชั่วขณะ หากแต่เป็นการตัดสินใจที่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งแล้ว

จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำถามประโยคนี้ของหลิงเทียนอีเซี่ยนก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป และตกลงรับปากทันที จีอู๋ปู้ซิวยังจำได้ว่าตอนที่เขาตกลง น้ำตาของเขาก็หลั่งลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ บางทีการต่อต้านกลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของราชันสายฟ้าคนเดียวอาจจะทำให้หัวใจของเขาเหนื่อยล้ามาก จู่ๆ มีเพื่อนที่ยินดียืนหยัดต่อต้านเป็นเพื่อนเขาปรากฏตัวขึ้นสักคน หัวใจเขาก็เหมือนกับถูกฉีดยากระตุ้น มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง จีอู๋ปู้ซิวลอบสาบานว่า ถ้าหากเขากับหลิงเทียนอีเซี่ยนผ่านด่านนี้ไปได้จริงๆ ละก็ เขาจะรับใช้หน่วยรบของหลิงเทียนอีเซี่ยนไปชั่วชีวิต เพื่อนร่วมรบที่ผ่านความทุกข์ยากด้วยกันถึงจะคู่ควรให้เขาอุทิศชีวิตให้

จีอู๋ปู้ซิวรู้ดีว่าถ้าหากไม่มีคำเชิญจากหน่วยรบ สุดท้ายเขาก็มีเพียงสองทางเท่านั้น หนึ่งคือกล้ำกลืนความเจ็บช้ำลาออกจากโรงเรียนเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ในท้ายที่สุด และอีกทางก็คือก้มหัวที่หยิ่งทะนงของตัวเอง หักกระดูกที่เย่อหยิ่งของตัวเอง ทิ้งภาคภูมิใจในตัวเองลงกลายเป็นลูกน้องของราชันสายฟ้า…เส้นทางสองสายนี้ เขาไม่อยากเลือกทางไหนทั้งนั้น คำเชิญของหลิงเทียนอีเซี่ยนคือเส้นทางที่สามซึ่งเป็นทางรอดจากสถานการณ์อับจนอย่างไม่ต้องสงสัย…ถึงแม้อนาคตจะไม่แน่ชัด แต่จีอู๋ปู้ซิวยินดีไปเดิมพันสักครั้ง

“จีอู๋ปู้ซิวจะเป็นช่างพัฒนาหุ่นรบในอนาคตของหน่วยรบเรา ต่อไปถ้าหุ่นรบของพวกนายมีปัญหาอะไรก็ไปหาเขาได้โดยตรง” หลิงหลานชี้ไปยังจีอู๋ปู้ซิวที่กำลังว้าวุ่นใจแล้วเอ่ยแนะนำเขาให้กับคนอื่นๆ

“อ้อ นายก็คือจีอู๋ปู้ซิวที่โดนราชันสายฟ้ากดดันจนใกล้จะจนตรอกแล้วนี่เอง…” หลิงเทียนที่ปู่หรือก็คือเซี่ยอี๋อุทานขึ้นมาเป็นคนแรก

ในฐานะที่เซี่ยอี๋เป็นตัวแทนของทีมในการติดต่อกับคนนอก เขาคอยเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างในโรงเรียนทหารมาตลอด เขาย่อมรู้เรื่องของจีอู๋ปู้ซิวดี รู้ชื่อนามสกุลของจีอู๋ปู้ซิวในชีวิตจริง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงหน่วยรบเสมือนจริงในโลกหุ่นรบเท่านั้น เซี่ยอี๋ไม่รู้เหมือนกันว่าจีอู๋ปู้ซิวจะเป็นสมาชิกถาวรหรือว่าสมาชิกทีมที่เซ็นสัญญาชั่วคราวกันแน่ ดังนั้นหากลูกพี่หลานยังไม่ได้บอกสถานะที่แน่ชัดออกมาโดยตรง เขาก็ยังใช้คำเรียกขานในโลกหุ่นรบมาเรียกจีอู๋ปู้ซิวอย่างระมัดระวัง

“เอ่อ พวกนายก็รู้เหมือนกันสินะ…” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวของเขาจะถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางขนาดนี้

“ใช่แล้ว ถูกขังอยู่ในหมู่บ้านมือใหม่เกือบสามปี ไม่สามารถเดินออกมาได้สักก้าว เรื่องของนายเคยถูกประกาศอย่าง แพร่หลายในฟอรั่มออฟฟิเชียลของโลกหุ่นรบมาก่อน ฉันบังเอิญอ่านเจอน่ะ” เซี่ยอี๋ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ดูท่า ผ่านมาเกือบจะสามปีแล้ว ราชันสายฟ้ายังไม่คิดจะปล่อยฉันไปเลย” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยสีหน้าย่ำแย่ “หลิงเทียนอีเซี่ยนเชิญฉันเข้าร่วมหน่วยรบ ฉันซาบซึ้งใจมาก แต่ตอนนี้พวกนายก็รู้ว่าจนกระทั่งวันนี้ราชันสายฟ้าก็ยังไม่ยอมปล่อยฉันไป เมื่อฉันเข้าร่วมหน่วยรบ ต่อไปจะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน ถ้าหากพวกนายไม่เห็นด้วย ตอนนี้ก็ยังทันนะ”

“ทำไมต้องไม่เห็นด้วย? เรื่องที่ลูกพี่ตัดสินใจแล้ว พวกเราย่อมสนับสนุนทั้งหมด” หลิงเทียนเจียนเตาหรือก็คือลั่วล่างตอบทันที

“หลิงเทียนอีเซี่ยนคือลูกพี่ของพวกนาย?” จีอู๋ปู้ซิวอุทานขึ้นมา เขาไม่คาดคิดมากๆ เลยว่า หลิงเทียนอีเซี่ยนที่ควบคุมหุ่นรบระดับกลางเหมือนกับเขาคือลูกพี่ของนักรบหุ่นรบชั้นสูงกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ความประหลาดใจของจีอู๋ปู้ซิวก็หายไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขานึกได้ว่าตอนที่หลิงเทียนอีเซี่ยนควบคุมหุ่นรบกระต่ายฝึกหัดก็แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนตกตะลึง บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุบางอย่าง อีกฝ่ายถึงไม่ได้เปลี่ยนเป็นหุ่นรบที่ดีขึ้นมาโดยตลอด จีอู๋ปู้ซิวเริ่มจินตนาการหลิงเทียนอีเซี่ยนในทางที่สวยงามอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่มีใครยินดีเชื่อว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนที่เก่งกาจจะเป็นเพียงนักรบหุ่นรบชั้นกลางในโลกหุ่นรบอย่างแท้จริง

“นี่ก็คือฉิงอี้อู๋เจี้ย (มิตรภาพประมาณค่ามิได้) หมอในอนาคตของเรา” หลิงหลานชี้ไปยังฉิงอี้อู๋เจี้ย เอ่ยเรียบๆ ไม่ได้แนะนำอย่างละเอียดจริงจังเหมือนกับที่แนะนำจีอู๋ปู้ซิว

จีอู๋ปู้ซิวเหลือบมองไปยังฉิงอี้อู๋เจี้ยที่ได้ยินหลิงเทียนอีเซี่ยนเอ่ยแนะนำแต่ก็ยังเงียบกริบดังเดิม ถึงแม้เขาจะมาพร้อมกับอีกฝ่าย แต่หลิงเทียนอีเซี่ยนไม่ได้แนะนำอีกฝ่ายให้เขาตั้งแต่แรก นอกจากนี้ตลอดทางที่ผ่านมา ฉิงอี้อู๋เจี้ยไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ เห็นได้ว่าเขาเย็นชาไม่ค่อยน่าคบหาอยู่บ้าง จีอู๋ปู้ซิวแอบคิดว่าอีกฝ่ายก็เป็นหมือนเขาหรือเปล่า โดนหลิงเทียนอีเซี่ยนชวนเข้าร่วมหน่วยรบเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะว่าชื่อของอีกฝ่ายเหมือนกับเขา ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยคำว่าหลิงเทียน

พวกหลิงเทียนเก๋อโต้วทั้งห้าคนได้ยินหลิงเทียนอีเซี่ยนเอ่ยแนะนำแล้วก็พลันเงียบกริบแตกต่างจากความคึกคักที่มีต่อจีอู๋ปู้ซิว หลังจากนั้นในช่องสื่อสารค่อยมีเสียงเอ่ยต้อนรับเบาๆ ดังขึ้นหลายเสียงราวกับพอให้เป็นพิธีอยู่บ้าง และก็เหมือนกับหดหู่ขาดความมั่นใจ และการต้อนรับสุดท้ายที่ฟังดูอึดอัดใจอยู่บ้างก็มาจากหลิงเทียนเก๋อโต้ว

“พี่ฉิงอี้ ร่างกายของน้องต้องฝากพี่แล้ว แต่ว่ารบกวนอย่าให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรอีกนะ…” หลังจากที่ต้อนรับแล้วก็เป็นคำกล่าวของหลิงเทียนเก๋อโต้วทันที ในคำพูดก็แฝงไปด้วยการหัวเราะเจื่อนๆ นี่ทำให้จีอู๋ปู้ซิวมองไปยังฉิงอี้อู๋เจี้ยอย่างใคร่รู้แวบหนึ่ง หรือว่าในนี้ยังมีความลับอะไรอยู่อีก?

ฉิงอี้อู๋เจี้ยที่เดิมทีดูเย็นชาไม่พอใจได้ยินคำกล่าวของหลิงเทียนเก๋อโต้ว เขาก็เอ่ยอย่างจริงจังทันทีว่า “ฉันไม่มีทางทำผิดพลาดเหมือนเดิมซ้ำสองแน่นอน นายวางใจเถอะ” เมื่อเผชิญหน้ากับคนในความรับผิดชอบของตัวเอง หลี่ซื่ออวี๋ก็ไม่สามารถคงความเย็นชาต่อไปได้อีก ต่อให้เขาไม่ค่อยชอบหัวหน้าทีมหลิงหลานคนนี้มากนัก

เวลานี้เองหลิงเทียนซ่วนผาน หรือก็คือหานจี้จวินคล้ายกับสัมผัสได้ว่าบรรยากาศอึดอัดอยู่บ้าง เขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยถามว่า “ลูกพี่ นายบอกว่ามีเด็กใหม่สามคนไม่ใช่เหรอ แล้วอีกคนล่ะ?”

หลิงหลานตอบว่า “ฉันบอกให้เขารีบมาแล้ว”

เพิ่งจะกล่าวจบก็เห็นหุ่นรบระดับสูงตัวหนึ่งบินมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็หยุดลงตรงหน้าพวกเขาฉับพลัน ไม่ได้ปรากฏการไถลออกจากแรงเฉื่อยเลยสักก้าว การเคลื่อนไหวนี้ยืนยันว่าอีกฝ่ายควบคุมได้ร้ายกาจมากโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกฉีหลงและลั่วล่างดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันใด พวกเขาดูออกว่าการควบคุมของอีกฝ่ายอยู่ในระดับชั้นยอด โดยเฉพาะฉีหลงที่จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชนขึ้นมาในใจ อยากจะต่อสู้กับอีกฝ่ายสักรอบทันทีจริงๆ เพื่อดูว่าใครร้ายกาจกว่ากัน

ทุกคนในทีมเห็นข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นในหน้าจอหุ่นรบของตัวเองอย่างรวดเร็ว ‘เนี่ยนเทียนโหยวเหรินเข้าร่วมทีมหลิงเทียน’

“เนี่ยนเทียนโหยวเหริน สมาชิกอีกคนของหน่วยรบเรา เขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบ เป็นสมาชิกหน่วยต่อสู้” หลิงหลานเอ่ยปากแนะนำ ทุกคนต่างทักทายเนี่ยนเทียนโหยวเหรินอย่างคึกคัก มีเพียงหานจี้จวินที่ทักทายในขณะเดียวกันก็เลิกคิ้วน้อยๆ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าตอนที่ลูกพี่ของเขาแนะนำเนี่ยนเทียนโหยวเหรินนั้น ถึงแม้น้ำเสียงจะสงบนิ่งเหมือนเก่า แต่เขายังคงฟังออกได้ถึงความแตกต่างอยู่บ้าง นี่ทำให้หานจี้จวินให้ความสนใจต่อเนี่ยนเทียนโหยวเหรินขึ้นมา

เนี่ยนเทียนโหยวเหรินเห็นชื่อของทั้งห้าคนขึ้นต้นเหมือนกับหลิงเทียนอีเซี่ยนก็รู้ว่าห้าคนนี้จะต้องเป็นสมาชิกถาวรที่มั่นคงที่สุดของหน่วยรบหลิงเทียนแน่นอน เขารีบทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ส่วนจีอู๋ปู้ซิวกับฉิงอี้อู๋เจี๋ย เนี่ยนเทียนโหยวเหรินก็ไม่ได้ละเลยเช่นเดียวกัน ในเมื่อเขาอยากหลอมรวมเข้ากับหน่วยรบหลิงเทียนอย่างแท้จริง เขาก็จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อสมาชิกทุกคน หลี่หลานเฟิงไม่กล้าปล่อยปละเกี่ยวกับเรื่องนี้

——————————–