ตอนที่ 463 สิ่งที่เธอต้องการก็คือการได้รับบทเรียนราคาแพงสักครั้งหนึ่ง!
หลังมื้อค่ำ เพราะรังสีความหน้าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากร่างกายของป๋อจิ่งชวนจึงทำให้ป๋อจิ่งหางต้องลากภรรยาตัวเองกับน้องภรรยาตัวน้อยกลับชั้นล่างไป
และในตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว
ป๋อจิ่งชวนกลับไปจัดการงานที่ค้างคาไว้เมื่อช่วงกลางวันในห้องอ่านหนังสือ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ สิ่งแรกที่เฉินฝานซิงทำนั่นก็คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอินเทอร์เน็ต
คำวิจารณ์ของประชาชนบนอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับ ‘โตวซื่ออ้าย’ (รักทั้งสิ้น) ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
บางคนถึงขนาดออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยที่เธอเพิ่งเข้าวงการเมื่อไม่กี่ปีก่อน โดยได้ตั้งข้อสงสัยว่าเธอมีการลิปซิงค์ในเวทีคอนเสิร์ต
เพราะเธอจำเป็นที่จะต้องเต้นในคอนเสิร์ต และหากการเต้นดุเดือดเกินไปก็อาจทำให้หายใจไม่ทันได้
ทว่าในคอนเสิร์ตครั้งนั้นเธอกลับร้องเพลงออกมาด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอและไม่มีอาการเหนื่อยหอบหรือเสียงหลงเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่างเมื่อเปรียบเทียบจังหวะขยับปากในคลิปคอนเสิร์ตของเธอแล้วก็พบว่ามีการคลาดเคลื่อนอยู่มาก
เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลก็พากันลุกฮือ!
[ลูกสาวของซื่อซือซิน ที่แท้ก็ลิปซิงค์เสียงคนอื่น? น่าขายหน้าแทนอาจารย์ซื่อจริงๆ!]
[ไม่มีความสามารถแล้วยังจะอิจฉาความสำเร็จของคนอื่นอีก ทำไมบนโลกใบนี้ถึงได้มีคนหน้าไม่อายแบบนี้อยู่นะ]
[เขียนเพลงเหรอ ฉันว่า…เธอเขียนจุดจบให้ตัวเองซะมากกว่า]
[เนื้อร้ายในวงการดนตรีแบบนี้ รีบๆ ไปตายแล้วไปเกิดใหม่ซะเถอะ!]
สุดท้ายเมื่อเฉินฝานซิงได้เห็นข้อความด่าทอที่เล่นกันจนถึงชีวิตเช่นนี้ คิ้วของเธอก็ตีขมวดขึ้น ก่อนจะกดรีพอร์ทในทันที!
ต่อมาเธอได้กดค้นหาเวยป๋อของหลินสื่อเจียและเฉินเชียนโหรว ก่อนจะพบว่ามันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทว่าสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ตอนนี้เว่ยป๋อของพวกเขาถูกยึดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยอดถูกใจแสนกว่ากับยอดคอมเมนต์อีกเจ็ดแปดหมื่น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นข้อความสนับสนุนพวกเขาทั้งสิ้น
ออฟฟิเชียลของหลานอวิ้นเองก็มีการเคลื่อนไหวไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยได้ปล่อยประกาศฉบับหนึ่ง ที่เกี่ยวกับผลสรุปในการแก้ไขปัญหาเรื่องของเพลง ‘โตวซื่ออ้าย’ (รักทั้งสิ้น) ออกมา เช้าของวันพรุ่งนี้จะมีการแถลงข่าวบริเวณหน้าทางเข้าของหลานอวิ้น โดยเชิญชวนให้นักข่าวและสื่อมวลชลทุกคนมาพร้อมกันในเวลาและสถานที่ดังกล่าว
นี่เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเวลานี้ แน่นอนว่าสื่อใหญ่ๆ จากทุกสำนักจะต้องแห่กันไปที่นั่น
เฉินฝานซิงอ่านมันจนจบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจกลับไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ไม่ต้องคิดให้มากความ เธอรู้อยู่แล้วว่าหลานอวิ้นวางแผนจะทำอะไร
สถานการณ์ในตอนนี้เฉินเชียนโหรวเป็นฝ่ายได้เปรียบเห็นๆ แต่ต่อให้ไม่เป็นเช่นนั้น หลานอวิ้นและเจียงหรงหรงก็ไม่มีวันละทิ้งเฉินเชียนโหรวไปได้อย่างแน่นนอน
ดังนั้นในครั้งนี้จี้อี้คงต้องโดนเหยียบจนจมดิน
ไม่ถึงสิบนาที แถลงการณ์ของหลานอวิ้นก็ได้รับความนิยมจนถูกผลักขึ้นสู่ท็อปวัน ด้วยจำนวนของทั้งยอดถูกใจและยอดคอมเมนต์ที่เยอะจนน่าตกใจ
เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว ก่อนจะกดออกจากอินเทอร์เน็ต
เหลืออีกแค่ก้าวเดียวแล้ว เธอแค่ต้องรอ…รอให้หลานอวิ้นสุมไฟให้เรื่องมันร้อนขึ้นจนถึงที่สุด!
สิ่งที่เธอต้องการ ก็คือกระแส
แต่สิ่งที่จี้อี้ต้องการ ก็คือการได้รับบทเรียนราคาแพงสักครั้งหนึ่ง!
แม้ว่าเรื่องนี้จะดูโหดร้ายไปเสียหน่อยสำหรับจี้อี้ แต่ว่า คนเราจะใสซื่อเช่นนั้นตลอดไปไม่ได้ บทเรียนที่แสนเจ็บปวดจะทำให้เธอจำไม่มีวันลืม สำหรับเธอ ทุกอย่างนับแต่นี้ไปจะไม่มีสิ่งใดที่ได้มาอย่างง่ายดาย!
โทรศัพท์ของเธอถูกโยนไปอีกทาง เธอทอดสายตาไปยังพื้นที่ว่างเปล่าบนเตียงซึ่งไร้วี่แววของชายหนุ่ม
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่แค่คิดจะไปตามให้อีกฝ่ายรีบเข้านอนเร็วๆ จู่ๆ โทรศัพท์ที่ถูกทิ้งลงบนที่นอนไปเมื่อครู่ ก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
เธอนิ่งไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“คุณหนูเฉิน ตอนนี้เด็กคนนั้นดูท่าจะไม่ดีแล้วนะ ฝนตกหนักขนาดนี้ เธอยังจะไปที่ชายหาดคนเดียวอีก…”
ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจิงจัง ทำเอาคิ้วของคนฟังขมวดเข้าหากันแน่น
“จับตามองเธอเอาไว้ ส่งโลเคชั่นมา ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
“โอเค”
หลังจากที่วางสายไป เฉินฝานซิงก็รีบถอดชุดนอนออกแล้วหาชุดลำลองมาสวมทับไว้ทันที เธอทอดสายตาไปยังสายฝนนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันไปคว้าเสื้อกันฝนสีแดงมาสวมทับไว้อีกที
ตอนที่ 464 หาคน
หลังจากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมารวบผมตัวเองพลางเดินไปยังห้องอ่านหนังสือ
ในขณะนั้น ป๋อจิ่งชวนเองก็กำลังประชุมอยู่กับผู้บริหารระดับสูงสาขาย่อยที่เยอรมันอยู่พอดี เฉินฝานซิงผลักประตูออกก่อนจะเดินเข้าไป
“ป๋อจิ่งชวน เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อยนะ คุณทำงานเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนล่ะ”
ได้ฟังดังนั้นเขาหันกลับมามองร่างเพรียวที่ตรงประตูทันที นัยน์ตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย
กางเกงยีนส์สีดำ เชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยเสื้อกันฝนสีแดง
ทั้งดูเท่และสวยสง่า
ในงานเลี้ยงวันเกิดของนายใหญ่สกุลเผยที่เมืองเกียวโตครั้งก่อนก็เห็นถึงความผึ่งผายของเธอไปแล้ว ไม่กี่วันก่อนในสกุลป๋อ เธอก็เพิ่งจะแต่งตัวด้วยสูทวินเทจของผู้ชายแถมยังหว่านเสน่ห์ใส่สาวต่างชาติอีก!
พอวันนี้เธอก็ยังจะมาแต่งตัวแบบนี้!
หัวคิ้วเขาขยับเข้าหากัน ป๋อจิ่งชวนเหลือบมองเวลาตรงหน้าจอ ก่อนเอ่ยถามขึ้นเสียงเข้ม
“สี่ทุ่ม คุณจะไปไหน”
“…เรื่องที่บริษัทน่ะ”
“คุณแต่งตัวแบบนี้ไปบริษัท?”
ป๋อจิ่งชวนกดถามเสียงทุ้ม
“ไม่ได้ไปบริษัท ไปหาคน”
เธอว่าพลางรวบผมยาวสลวยของตัวเองจนเสร็จ ก่อนจะเดินไปหยุดลงข้างๆ เขา แล้วก้มลงจุมพิตตรงหน้าผากเขาไปครั้งหนึ่ง
ป๋อจิ่งชวนฉวยโอกาสนี้คว้าเอวเธอเอาไว้ เมื่อเห็นเธอแต่งตัวเช่นนี้แล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงต้องออกไปจริงๆ จึงทำได้เพียงตามใจ
“เดี๋ยวผมให้อวี๋ซงไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ดึกขนาดนี้แล้วฉันไม่อยากรบกวนเขาน่ะ ฉันขับรถไปเองได้ ไม่อันตรายหรอกค่ะ”
เฉินฝานซิงตบลงบนไหล่เขาเบาๆ เชิงปลอบโยน ก่อนผละออกมาจากอ้อมกอดของเขาแล้วเดินดุ่มๆ ออกไปอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นว่าเธอออกไปแล้ว เขาก็ดึงสายตากลับมาแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นกดหาอวี๋ซง
ณ ห้องประชุมใหญ่ ภายใต้แสงไฟสว่างไสวของตึกระฟ้าแห่งหนึ่งในเยอรมนี ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งกำลังจดจ้องอยู่ที่จอเอลซีดีด้วยความประหลาดใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
นั่น…ผู้หญิงเหรอ
ป่านนี้ที่จีนน่าจะดึกมากแล้วนี่?
ท่านประธานพักอยู่กับผู้หญิง?
อีกอย่างท่าทีของทั้งคู่เมื่อกี้ก็ดูสนิทสนมกันมาก
ท่านประธานของพวกเขามีแฟนแล้ว?!
แม้ว่าเมื่อกี้จะเห็นแค่เพียงซีกหน้าของผู้หญิงคนนั้น แต่ว่า ก็น่าจะเป็นสาวสวยที่หุ่นดีสุดๆ ไปเลย
ทุกคนดึงสติกลับมา ทว่านัยน์ตายังคงไม่ทิ้งร่องรอยความประหลาดใจ
โดยเฉพาะคนที่ใบหน้าบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเป็นชาวจีนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมสุดโอ่อ่าแห่งนั้น อารมณ์บนใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วร้อยแปดพันอย่าง
แต่ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากดเสียงทุ้มเย็นเอ่ยออกมาคำหนึ่งว่า “ต่อ”
–
เมื่อขึ้นมานั่งบนพาสสาทซีซีของตัวเองแล้ว เธอก็สตาร์ทรถทันที ครื่นๆ หลังจากที่ตัวเครื่องส่งเสียงหนักแน่นออกมาแล้ว เธอจึงขับรถออกไปในทันที เมื่อขับมาจนถึงเขตชานเมือง รถของเธอก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายมันก็มีสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับปีศาจ แรงกดสูง แรงต้านอากาศต่ำ ดีไซน์โค้งมนเคลื่อนตัวผ่านราตรีอันมืดมิดและฝนพรำประหนึ่งเงาที่พุ่งทะยานไปบนถนนกว้างไร้ซึ่งผู้คนในเขตชานเมืองด้วยความเร็วสูง
เมื่อบวกเวลาที่เดินทางในเมืองถึงชายหาดอันเป็นเป้าหมายแล้ว ต้องใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ทว่าเฉินฝานซิงกลับให้เวลาเพียงสามสิบนาทีเศษๆ เท่านั้น
ยามที่เฉินฝานซิงเปิดประตูเข้าไปในที่พักหลังหนึ่งริมชายหาด จี้อี้กำลังนั่งอยู่บนพื้นไม้ด้วยร่างกายที่เปียกโชก ผมยาวที่พันกันยุ่งเหยิงยังคงมีน้ำหยดลงมา ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดฝาด เธอซุกตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง สองแขนกอดร่างกายสั่นสะท้านของตัวเอง
สภาพไม่ต่างอะไรกับคนที่ถูกทั้งโลกทอดทิ้ง
ตอนที่ประตูถูกเปิดออก เสียงฝนตกในบ้านก็พลันดังขึ้น ตามมาด้วยสายลมหนาวที่แทรกตัวเข้ามา!
ร่างของจี้อี้เผลอสะท้านหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเงียบ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นที่เคยเปี่ยมไปด้วยแสงระยับยามที่เอ่ยถึงเพลงใหม่ของเธอที่สถานสงเคราะห์เด็กไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ มาบัดนี้มันกลับไร้ชีวิตชีวา ห่อเหี่ยว และหม่นหมอง