บทที่ 72 นางถูกคนยกตัวลอยขึ้นมา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 72 นางถูกคนยกตัวลอยขึ้นมา
ขอแค่ยังมีความสัมพันธ์นี้อยู่ ไม่ว่าหนานหว่านเยียนจะหยิ่งยโสเพียงใด ก็จะถูกนางข่มไว้ และไม่สามารถพลิกตัวขึ้นมาเหนือนางได้!

แต่หยุนอี่ว์โหรวเองก็รู้สึกถึงความอันตรายเช่นกัน

เหตุการณ์ในวันนี้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงท่าทีของกู้โม่หานที่มีต่อหนานหว่านเยียนนั้นเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องที่หนานหว่านเยียนทำร้ายนางต่อด้วย

ถึงแม้นางจะร้องอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ช่วยนางเหมือนทุกครั้ง!

ดูเหมือนว่านางจะต้องรักษาความโปรดปรานของกู้โม่หานไว้ให้อยู่ ยึดอำนาจของพระชายามาไว้ในมือ แล้วจัดการกำจัดหนานหว่านเยียนทีละขั้น——

กู้โม่หานลูบแก้มของหยุนอี่ว์โหรวอย่างอ่อนโยน “ถ้าเช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อน ข้าจะไปดูเสิ่นอี่ว์สักหน่อย เจ้าต้องการอะไรก็ไปหาพ่อบ้านกาวข้าจะหามาให้!”

หยุนอี่ว์โหรวลดสายตาลง และพูดเสียงหวาน “โหรวเอ๋อร์เข้าใจแล้ว ท่านอ๋องโปรดดูแลตัวเองด้วย ช่วงนี้โหรวเอ๋อร์คงไม่สามารถรับใช้ท่านอ๋องได้ โปรดให้อภัยบ่าวด้วย”

กู้โม่หานขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น เขามองไปทางหยุนอี่ว์โหรวพร้อมกับกล่าวตำหนิเล็กน้อย “โหรวเอ๋อร์พูดอะไรของเจ้ากัน ข้าหวังเพียงให้เจ้าสุขภาพแข็งแรง ไม่เช่นนั้นในอนาคต ข้าจะพาเจ้าท่องเที่ยวไปทั่วหล้าได้อย่างไร?”

เขาสัญญากับนางไว้ นางช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจะแต่งงานกับนาง พานางท่องเที่ยวไปทั่วหล้า และจะดูแลนางไปตลอดชีวิต

เพราะคำสัญญานี้ เขาถึงต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้เป็นดังที่หวังไว้

แก้มของหยุนอี่ว์โหรวแดงก่ำ นางพูดอย่างเขินอาย “เพคะ โหรวเอ๋อร์ฟังคำพูดของท่านอ๋อง”

หลังจากพูดจบกู้โม่หานก็ช่วยหยุนอี่ว์โหรวดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวนางไว้ จากนั้นก็เดินออกจากเรือนจู๋หลานไป

หลังจากที่กู้โม่หานจากไป ใบหน้าที่แต่เดิมอ่อนหวานและอ่อนโยนของหยุนอี่ว์โหรวก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง

นางโยนหมอนและปัดแจกันขึ้นมา และโยนลงบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง

แจกันตกแตกกระจายเต็มพื้น บรรยากาศในห้องแผ่ซ่านไปด้วยความน่ากลัว

“หนาน หว่าน เยียน! ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับในวันนี้ อีกไม่นานข้าจะคืนให้เจ้าเป็นพันเท่า! ไม่มีวันปล่อยให้เจ้ามีชีวิตสุขสบายแน่!” หยุนอี่ว์โหรวมองบาดแผลบนมือของนาง และกัดฟันกรอด ริมฝีปากของนางเม้มกันจนซีดเผือด แววตาดุร้าย

เชี่ยนปี้ได้ยินเสียงจึงรีบเดินเข้ามา นางเห็นท่าทางของหยุนอี่ว์โหรวก็ไม่รู้สึกแปลกใจ แต่กลับโค้งคำนับและพูดอย่างนอบน้อม “พระชายาไม่จำเป็นต้องโมโหเลยเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่า หนานหว่านเยียนไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว พระชายาควรกำจัดนางให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ”

หยุนอี่ว์โหรวได้ยินเช่นนี้ แววตาของนางเฉียบคม แล้วเอ่ยพูดอย่างเย็นชา “ต้องให้เจ้าพูดหรือ?หนานหว่านเยียนนางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นหลายวันมานี้ทำข้าเจ็บปวดเช่นนี้ ข้าแทบอยากจะกำจัดนางทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ แต่ไม่ได้เจอกันห้าปี หนานหว่านเยียนนางผู้หญิงชั้นต่ำนั่นเปลี่ยนไปมาก จนตอนนี้ข้าทำอะไรนางไม่ได้!”

นี่ถ้าเป็นหนานหว่านเยียนเมื่อห้าปีก่อน คงถูกนางปั่นป่วนจนหัวหมุนไปนานแล้ว!

เชี่ยนปี้ลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “บ่าวมีวิธีจัดการ ไม่ทราบว่าพระชายาจะสนใจหรือไม่”

“ว่ามา!”

“อีกสองวันข้างหน้า พระชายากับหนานหว่านเยียนจะต้องกลับบ้าน ท่านอ๋องคงไม่ปล่อยให้ท่านกลับแต่เพียงผู้เดียวแน่ ถึงตอนนั้นท่านอ๋องจะต้องกลับไปกับท่าน ท่านใช้โอกาสนี้ข่มนาง เช่นนั้นไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ?

หยุนอี่ว์โหรวกัดฟันครุ่นคิด บาดแผลที่ฝ่ามือมีเลือดไหลออกมาเพราะเล็บจิก นางพูดด้วยเสียงขรึม “ข่มหรือ? หึ จะจัดการกับหนานหว่านเยียนจะแค่ข่มได้อย่างไร เชี่ยนปี้ ท่านอ๋องไปหาเสิ่นอี่ว์เพื่อเหตุใด”

นางเพิ่งคิดได้ว่าไม่ได้เจอเสิ่นอี่ว์หลายวันแล้ว ปกติแล้วกู้โม่หานไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะมีองครักษ์ผู้นี้ตามไปด้วยทุกที่ แต่ว่าตั้งแต่นางแต่งเข้ามา นางยังไม่เคยเห็นเสิ่นอี่ว์เลยสักครั้ง

เชี่ยนปี้กล่าวตอบอย่างนอบน้อม “เมื่อหลายวันก่อนองครักษ์เสิ่นได้รับบาดเจ็บเจ้าค่ะ ท่านอ๋องให้ หนานหว่านเยียนทำหน้าที่รักษาเขา ดูท่าทาง เขาคงจะหายดีในเร็วๆ นี้”

หยุนอี่ว์โหรวขมวดคิ้ว บนสีหน้าแสดงความอิจฉาออกมาอย่างเห็นได้ชัด “เหตุใดถึงเป็นนางผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว!”

“แต่ว่า— “เชี่ยนปี้คิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ “ท่านอ๋องได้ออกคำสั่งไว้แล้ว หากองครักษ์เสิ่นเป็นอะไรไป หนานหว่านเยียนคงไม่รอดอย่างแน่นอน!”

พอได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหยุนอี่ว์โหรวก็เป็นประกายขึ้นมา

“หนานหว่านเยียนเอ๋ยหนานหว่านเยียน ใครบอกให้เจ้าถือว่าตัวเองมีวิชาแพทย์แค่เล็กน้อยกับรูปร่างหน้าตายั่วยวนผู้ชายก็เริ่มคิดคิดว่าตนเองสูงส่ง ในเมื่อเจ้าคิดจะขวางทางข้า ก็อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”

นางยกยิ้มมุมปาก ทำท่ามั่นใจเหมือนจะต้องชนะให้ได้ ก่อนจะส่งสายตาให้เชี่ยนปี้ แล้วกระซิบข้างหูเชี่ยนปี้

ไม่นาน ใบหน้าของเจ้านายและบ่าวรับใช้ก็มีรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมาพร้อมกัน…

ตรงลานด้านหน้าเรือนซีเฟิง เสิ่นอี่ว์อาการดีขึ้นมาก และสามารถลุกจากเตียงมาเดินเล่นได้แล้ว

เขาแทบอยากจะออกไปข้างนอกห้องเต็มทีแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์ ก่อนจะรู้สึกว่ามีบริเวณขาของเขากำลังถูกดึงชายเสื้อทั้งสองข้าง

เสิ่นอี่ว์ลดสายตาลงมามองอย่างระวังตัว จึงเห็นเกี๊ยวน้อยกำลังใช้ดวงตากลมโต มองขึ้นมาที่เขาอยู่

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาทันที และพูดว่า “คุณหนู มาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ”

ซาลาเปารีบเดินตามหลังเซียงอวี้มาต้อยๆ ในมือยังจับลูกอมไว้หลายชิ้น

เกี๊ยวน้อยหันหน้าไปทางอื่นอย่างทำตัวไม่ถูก “ข้า ข้ากับซาลาเปามาเยี่ยมท่าน ขอบ…”

ใบหน้าเล็กๆ ของนางมีหลากหลายอารมณ์ กลั้นคำพูดไว้ไม่ยอมพูดออกมา

“ท่านพี่อยากจะบอกว่า ขอบคุณพี่เสิ่นอี่ว์มากที่ช่วยชีวิตพวกข้าไว้!” ซาลาเปาที่วิ่งหอบ ยกยิ้มหวาน และช่วยเกี๊ยวน้อยพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของนางออกมา

เซียงอวี้เห็นว่าเสิ่นอี่ว์ทำตัวไม่ถูก ในแววตาปรากฏแววตาเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะทำความเคารพเสิ่นอี่ว์

“องครักษ์เสิ่น ข้าเป็นสาวใช้ในเรือนของพระชายาชื่อเซียงอวี้เจ้าค่ะ คุณหนูทั้งสองได้ข่าวว่าองครักษ์เสิ่นอาการดีขึ้นแล้ว ก็เลยอยากจะมาเพื่อขอบคุณท่าน”

เสิ่นอี่ว์ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าปกติเขากับท่านอ๋องเอาแต่ข่มหนานหว่านเยียน แต่เด็กสาวตัวน้อยทั้งสองคนจะมาเยี่ยมเขา

เขาย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กสาวทั้งสองคน ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “ไม่ต้องขอบคุณขอรับ พวกคุณหนูไม่เป็นไรก็พอแล้ว”

คิดไม่ถึงเลยว่า เกี๊ยวน้อยจะดึงอมยิ้มออกจากอ้อมแขนของซาลาเปา แล้วยัดใส่มือของเสิ่นอี่ว์

“อันนี้ให้เจ้า! ท่านแม่บอกว่าถ้ากินของหวานแล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น อาการบาดเจ็บก็จะหายดีเร็วขึ้น ที่ข้าพูดไม่ดีเกี่ยวกับเจ้าในวันนั้น ก็ถือว่าลบล้างกันไป!”

หลังจากพูดจบ ดวงตาของเกี๊ยวน้อยกลอกตาไปมา ขนตายาวของนางกะพริบตาปริบๆ เผยให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดเล็กน้อย

เสิ่นอี่ว์มองไปทางสิ่งที่อยู่ในมือของเขา ในใจรู้สึกว่าไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้าเช่นนั้นเสิ่นอี่ว์ ต้องขอบคุณ … ขอบคุณมากขอรับ”

เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าจะเรียกเด็กน้อยทั้งสองคนนี้อย่างไร ถ้าเด็กทั้งสองเป็นลูกของท่านอ๋องจริงๆ ก็คงจะดี

แต่ในเวลานี้เขารู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก เขารู้สึกว่าเด็กน้อยทั้งสองคนใจกว้าง อีกทั้งยังแยกแยะถูกผิด กล้าทำกล้ารับ เด็กน้อยเช่นนี้ ยากที่จะมีคนไม่ชื่นชอบและเอ็นดู

จู่ๆ ซาลาเปาก็ดึงชายเสื้อของเสิ่นอี่ว์ ดวงตากลมโตของนางเต็มไปด้วยความจริงจัง “พี่เสิ่นอี่ว์ หลายวันก่อนข้ากับพี่สาวเพิ่งได้ฟังนิทานเรื่องหนึ่งมา พวกเราเล่าให้พี่ฟังดีไหม”

เกี๊ยวน้อยรีบชูกำปั้นน้อยของนางขึ้นและพูดอย่างตื่นเต้น

“ใช่แล้ว! นิทานมีชื่อว่า “ล่ากับปู๋ล่าปะทะคุณหนูใจร้าย”

สีหน้าของเซียงอวี้เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น นางคิดในใจ: นี่มันใช่นิทานตรงไหน นี่มันเป็น “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” ของคุณหนูทั้งสองชัดๆ

ชื่อเรื่องเสิ่นอี่ว์ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงนั่งตรงขั้นบันไดและยกมือเกยคางฟังอย่างตั้งใจ “ได้สิ ไหนเล่ามาสิ”

ฟังไปฟังมา เสิ่นอี่ว์ก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรผิดแปลก

เห็นเพียงเกี๊ยวน้อยสีหน้ามุ่งมั่น บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่สั่งสอนชิงหว่านในคืนนั้น “ผู้หญิงใจร้าย ใครบอกให้เจ้ารังแกแม่ของข้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง!”

“ล่ากับปู๋ล่า! กดนางไว้!”

เล่าถึงตรงนี้ ซาลาเปาก็ทำท่าทางเหมือนลูกสุนัข แสร้งทำเป็นดุร้ายและแยกเขี้ยวขู่ แต่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่ารักนั้นทำให้ดูน่าเอ็นดูมากกว่า

“โฮ่งโฮ่ง—” ซาลาเปาวิ่งไปที่ประตู จู่ๆ ก็เตะถูกก้อนหินก้อนเล็กๆ จนเซถลา และกำลังจะล้มลงกับพื้น

“ระวัง!” เสิ่นอี่ว์คิดในใจว่าแย่แล้ว อยากจะลุกขึ้นไปช่วย แต่ซาลาเปาวิ่งเร็วเกินไป ร่างกายของเขายังบาดเจ็บอยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถทำตามที่ใจเขาคิดได้

สีหน้าของเซียงอวี้เปลี่ยนไปทันที “คุณหนู…”

ซาลาเปาไม่สามารถหยุดตัวเองได้ ในใจรู้สึกตื่นกลัว แล้วรีบหลับตา แต่จู่ๆ ร่างกายของตนเองก็เบาหวิว ถูกชายร่างสูงโปร่งอุ้มขึ้นมา…