บทที่ 71 นางคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 71 นางคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเขา
ยา?

ทุกคนมองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่เคยส่งยาอะไรให้พระชายาเลยสักครั้ง

แต่ทางฝั่งพระชายา ดูเหมือนในมือของนางจะมีทุกอย่าง ทุกครั้งที่บ่าวรับใช้ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย นางก็สามารถหยิบยามารักษาได้

กู้โม่หานอุ้มหยุนอี่ว์โหรวไว้ แล้วเดินออกจากเรือนเซียงหลินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนมองไปทางหนานหว่านเยียนกลัวว่านางจะโกรธเพราะเรื่องนี้

หนานหว่านเยียนเข้าใจความหมายแฝงในสายตาของพวกเขา แล้วยิ้มเยาะออกมา

นางไม่มีอารมณ์โกรธแต่อย่างใด ถึงอย่างไรคนที่บาดเจ็บก็ไม่ใช่นาง คนที่ปวดใจก็ไม่ใช่นาง แล้วนางจะต้องโกรธเพื่อเหตุใด

แค่รู้สึกว่าอารมณ์ที่กำลังดีๆ ต้องถูกสองคนนี้ทำลายลง

แต่ผลลัพธ์ที่ได้นางพอใจมาก พูดได้คำเดียว——

สะใจมาก!

หลังจากคิดได้เช่นนี้ นางก็บิดตัวอย่างเกียจคร้าน

“โอ๊ย!เจ็บเจ็บเจ็บ—”

หนานหว่านเยียนลงโทษหยุนอี่ว์โหรวเสร็จ ในใจกำลังสะใจ แต่กลับลืมไปว่าตนเองก็บาดเจ็บ ตอนนี้พอผ่อนคลายความเครียดลง แผ่นหลังของนางก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา

หนานหว่านเยียนสูดหายใจเข้าลึก แต่โชคยังดีที่ไม่ได้ขยับตัวแรงเกินไป ดังนั้นผ่านไปสักพักก็ไม่เจ็บแล้ว

นางปิดประตู ถอดรองเท้าออก แล้วอ่านนิยายต่ออย่างเพลิดเพลินต่อ

ผิดกับเรือนเซียงหลินที่ครึกครื้น ภายในเรือนจู๋หลาน หยุนอี่ว์โหรวที่ถูกกู้โม่หานส่งกลับมาก็ “ได้สติ” ทันทีที่เข้ามาในห้อง

สีหน้าของนางซีดเซียว ริมฝีปากของนางซีดเผือด ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง “ท่านอ๋อง นี่โหรวเอ๋อร์เป็นอะไรไป”

กู้โม่หานคิดไม่ถึงว่านางจะฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้ และพูดอย่างเป็นห่วง “เจ้าเป็นลมหมดสติไป ข้าก็เลยพาเจ้ากลับมา พ่อบ้านกาวได้ส่งคนไปเรียกท่านหมอแล้ว อีกเดี๋ยวคงมาถึง เจ้านอนพักก่อน”

หยุนอี่ว์โหรวพูดเสียงอ่อนหวาน “หม่อนฉันขอบคุณท่านอ๋องมากเพคะ ข้าเพิ่งเข้ามาจวนวันแรก ก็สร้างปัญหาให้กับท่านอ๋อง แล้วยังทำให้พระชายากับท่านอ๋องเกิดความขัดแย้งกัน เป็นความผิดของโหรวเอ๋อร์คนเดียว”

ดวงตาของกู้โม่หานเคร่งขรึมลงทันที “หนานหว่านเยียนหญิงนางนี้ สามวันไม่ถูกลงโทษ ก็ก่อเรื่องขึ้นมาไม่หยุด ดูท่าข้าคงลงโทษนางเบาเกินไป! นางถึงได้กล้าก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้”

จากนั้น เขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าห่วงใย “เป็นอย่างไรบ้าง นิ้วยังเจ็บอยู่หรือไม่”

ตอนนี้นิ้วนางไม่เจ็บแล้ว ก่อนหน้านี้เจ็บแทบตาย ไม่รู้ว่าหนานหว่านเยียนผู้หญิงคนนั้นทำอะไรกับนางกันแน่!

หยุนอี่ว์โหรวระงับความเกลียดชังไว้ในใจ แล้วส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุข “มีท่านอ๋องคอยห่วงใย โหรวเอ๋อร์ก็ไม่รู้สึกเจ็บแล้วเพคะ แต่วันนี้ทำให้ท่านอ๋องต้องเห็นเรื่องขายหน้าแล้ว”

หลังจากพูดจบ แก้มของหยุนอี่ว์โหรวก็แดงขึ้นมาอย่างเขินอาย นางรีบหันหน้าหนี

กู้โม่หานตระหนักได้ว่านางกำลังพูดถึงการมีระดู จึงกระแอมออกมา และกระดากอายจึงไม่พูดอะไรมาก

ในเวลานี้เอง ท่านหมอประจำจวนก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนจะทำความเคารพกู้โม่หาน กับหยุนอี่ว์โหรว จากนั้นก็ทำความสะอาดบาดแผลบนนิ้วมือของหยุนอี่ว์โหรว และช่วยพันแผลให้หยุนอี่ว์โหรว

จากนั้น ท่านหมอประจำจวนก็หยิบผ้าไหมผืนเล็กออกมา แล้ววางไว้บนข้อมือของหยุนอี่ว์โหรวอย่างระมัดระวัง และช่วยนางตรวจชีพจร

“ท่านอ๋อง พระชายารองหยุนเป็นเช่นนี้เพราะระดูมาก่อนกำหนด ประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอและไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย ถึงทำให้หมดสติไป”

พอได้ยินเช่นนี้ กู้โม่หานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แล้วต้องระวังอะไรบ้าง”

“พระชายารองหยุนต้องบำรุงร่างกายพ่ะย่ะค่ะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่าแตะของเย็นหรือรับลมเย็น พักรักษาตัวสักระยะ ร่างกายก็จะหายเป็นปกติ”

หยุนอี่ว์โหรวกล่าวขอบคุณท่านหมอ “ขอบคุณมาก เจ้าออกไปได้”

ท่านหมอประจำจวนก็เขียนใบสั่งยาให้ แล้วเดินออกไป

หยุนอี่ว์โหรวเห็นว่ากู้โม่หานยังคงนั่งอยู่หน้าเตียง นางก็หน้าแดง “ท่านอ๋องออกไปรอข้างนอกสักเดี๋ยวได้ไหมเพคะ โหรวเอ๋อร์ต้อง… ต้องทำความสะอาดตัวเองก่อน”

พอได้ยินเช่นนี้ กู้โม่หานก็ตระหนักได้ถึงความเขินอายของหยุนอี่ว์โหรวดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับ และออกไปยืนอยู่ที่หน้าประตู

หยุนอี่ว์โหรวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วเช็ดเลือดบนร่างกายของนางออก ก่อนจะบอกกับกู้โม่หานที่ยืนอยู่หน้าประตูเสียงหวาน “ท่านอ๋องกลับเข้ามาได้แล้วเพคะ”

กู้โม่หานหันกลับมาก็เห็นว่า หยุนอี่ว์โหรวเปลี่ยนเป็นชุดพริ้วยาวสีแดง แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ในสมองเขากลับมีภาพของหนานหว่านเยียนที่ใส่ชุดพริ้วยาวสีแดงเพลิงในงานเลี้ยงวันเกิดขึ้นมา

หนานหว่านเยียนเข้ากับสีแดงได้ดีมาก แต่หยุนอี่ว์โหรวใส่ชุดนี้ กลับไม่มีเสน่ห์เช่นนั้นอยู่เลย…

เดี๋ยวนะ เหตุใดเขาถึงนึกถึงผู้หญิงบ้านั่นอีกแล้ว!

หยุนอี่ว์โหรวไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของกู้โม่หาน นางเดินมาหยุดตรงหน้ากู้โม่หานแล้วโค้งคำนับ ก่อนจะพูดว่า “ท่านอ๋อง เรื่องในวันนี้ โปรดอย่าโทษพระชายาเลย”

เขารีบพยุงหยุนอี่ว์โหรวไว้ ความสงสารของเขานั้นเกินคำบรรยาย “นี่เจ้ากำลังทำอะไร หนานหว่านเยียนผู้หญิงคนนั้นมีอะไรคู่ควรให้เจ้าช่วยขอร้องแทนนาง”

“ตอนนี้ร่างกายของเจ้ายังอ่อนแอ ไม่ได้ยินที่ท่านหมอพูดหรือ รีบลุกขึ้นเร็ว ข้าจะพยุงเจ้ากลับไปพักบนเตียง”

พอพูดจบกู้โม่หานก็กอดเอวของหยุนอี่ว์โหรว แล้วพานางกลับไปบนเตียง

หยุนอี่ว์โหรวพูดเสียงหวาน “โหรวเอ๋อร์แค่รู้สึกว่า พระชายาเองก็ลำบากไม่น้อย วันนี้ที่นางทำร้ายโหรวเอ๋อร์ถึง สองครั้ง คงเพราะนางอยากระบายความโกรธ เพราะอย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องก็ละเลยพระชายาถึงห้าปีเพราะโหรวเอ๋อร์ ซึ่งพอให้อภัยได้”

กู้โม่หานมองไปทางหยุนอี่ว์โหรวที่อ่อนหวานเหมือนกระต่ายขาวบริสุทธิ์ตรงหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

เขาอยากจะถามว่า หนานหว่านเยียนทำร้ายนางจริงหรือไม่ แต่เขาก็กลั้นคำถามนั้นไว้ และกลืนมันลงท้องไป

“ข้ารู้แล้ว จากนี้ไปเจ้าไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหนานหว่านเยียน ผู้หญิงคนนั้นอันตรายมาก และเจ้าไม่จำเป็นต้องไปทำความเคารพนางทุกวันด้วย ถ้ามีใครถาม เจ้าก็บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า”

หยุนอี่ว์โหรวทำทีเขินอาย “อืม โหรวเอ๋อร์ฟังคำพูดท่านอ๋องเพคะ”

“แต่ว่า โหรวเอ๋อร์กลัวว่าพระชายาจะคิดว่าโหรวเอ๋อร์ไม่มีมารยาท ถึงตอนนั้น พวกบ่าวรับใช้ในจวน ก็จะคิดว่าโหรวเอ๋อร์ถูกท่านอ๋องตามใจจนหยิ่งผยอง และไม่มีระเบียบ”

กู้โม่หานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าคำสั่งของข้าพวกเขากล้าฝ่าฝืน นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”

หยุนอี่ว์โหรวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ท่านอ๋อง ช่างดีกับโหรวเอ๋อร์ยิ่งนัก”

นางรู้สึกได้ใจมาก ที่แท้ในใจของกู้โม่หาน ตัวตนของหนานหว่านเยียนเทียบกับมดก็ไม่ได้

แค่จุดนี้ นางก็ยืนอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่า!

กู้โม่หานจับมือที่นุ่มนวลและเย็นของหยุนอี่ว์โหรวขึ้นมา แล้วมองนางด้วยแววตาเสน่หา

“โหรวเอ๋อร์ เจ้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของข้า ถ้าเจ้าไม่สละชีวิตเพื่อช่วยข้าในตอนนั้น ข้าคงไม่มีทุกอย่างในทุกวันนี้ วางใจได้ บุญคุณนี้ข้าจะจดจำไว้ตลอด และจะไม่ปล่อยให้ใครรังแกเจ้าแน่นอน”

พอได้ยินเช่นนี้ แววตาของหยุนอี่ว์โหรวก็เปลี่ยนไปทันที แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ

กู้โม่หานไม่ได้สังเกตเห็น เขายังคงแสดงความรู้สึกที่ลึกซึ้งเหมือนเดิม “ข้าจะให้เวลาบอกกับเจ้าเอง กุมมือเจ้าไว้ และอยู่เคียงข้างจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน คำนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันยอมใช้ชีวิตที่เหลือของข้าเพื่อตอบแทนความจริงใจของเจ้า”

เมื่อหยุนอี่ว์โหรวต้องเผชิญกับความรักที่จริงใจของชายคนนี้ นางก็ซาบซึ้งใจมากเช่นกัน นางยกมือกุมมือของกู้โม่หานกลับ และพูดอย่างจริงใจและอ่อนโยน “ท่านอ๋องโปรดอย่าพูดเช่นนี้ โหรวเอ๋อร์มีโอกาสได้ช่วยชีวิตท่านอ๋อง อาจจะเป็นโชคชะตา”

“ถึงแม้โหรวเอ๋อร์จะไม่กล้าพูดว่านี่คือสิ่งที่สวรรค์ลิขิตมา แต่โหรวเอ๋อร์เชื่อว่าการได้พบท่านอ๋องในวันนั้นเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้โหรวเอ๋อร์ ให้โหรวเอ๋อร์ได้อยู่กับท่านอ๋องตลอดไป และไม่มีวันแยกจากกัน”

สีหน้าของกู้โม่หานดูพอใจมาก

แต่หยุนอี่ว์โหรวกลับมีแววตาโหดเหี้ยมแฝงอยู่ในแววตา

ตราบใดที่กู้โม่หานยังไม่รู้ความจริง นางก็จะเป็นหญิงสาวแสนดีในใจเขาตลอดไป เป็นคนที่กู้โม่หานอยากจะปกป้องที่สุด…