ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 70 นางจะถูกเยาะเย้ย
หญิงร้ายชายเลวคู่นี้เฉิดฉายจนทำให้นางกำลังจะตาบอดไปเสียแล้ว

“จิตใจดีงามบ้า นางเลวที่สุดแล้ว!” หนานหว่านเยียนโยนกล่องไม้ในมือลงสู่พื้น ดวงตากลมโตมองไปด้วยความเย็นชา “หยุนอี่ว์โหรว เจ้าอยู่ต่อหน้าข้า ควรหยุดทักษะการแสดงอันเสแสร้งนี้ไปเสีย กำไลหยกของเจ้า เจ้าเป็นคนทำมันพังเองกระมัง? ทั้งยังตั้งใจกรีดมือตนเองแล้วโทษข้า มิเลวนี่!”

หยุนอี่ว์โหรวตกตะลึง นางคิดมิถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้โม่หาน หนานหว่านเยียนจะยังคงดูหยิ่งผยองเช่นนี้

เมื่อเห็นท่าทางอันดุร้ายของหนานหว่านเยียนเช่นนั้น นางก็รู้สึกกระสับกระส่ายใจ

หนานหว่านเยียนเยาะเย้ยแล้วก้มลงไปหยิบเศษกำไลบนพื้นขึ้นมา มองไปทางกู้โม่หานแล้วกล่าวว่า “อีกอย่าง เจ้าอ๋องบ้า เจ้าจงแหกตาดูข้าเอาไว้ให้ดี ข้าหนานหว่านเยียนจะมิใช้ทักษะระดับต่ำต้อยเช่นนี้ หากข้าต้องการจัดการกับนางจริง บาดแผลควรจะเป็นเช่นนี้”

เมื่อกล่าวจบนางก็คว้าข้อมือของหยุนอี่ว์โหรวเข้ามาด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า แล้วกรีดไปอย่างไร้ความปรานี

“กรี๊ด!”

ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นยังมิทันได้สติกลับคืนมา ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของหยุนอี่ว์โหรว

กู้โม่หานถึงกับตกตะลึง เมื่อเขารู้ตัวอีกที หนานหว่านเยียนก็ได้กุมข้อมือของหยุนอี่ว์โหรวเอาไว้แน่น ยกฝ่ามือข้างที่เลือดไหลขึ้นมาตรงหน้า

“เห็นหรือไม่ ข้าเรียนตำราหมอมา หากข้าต้องการทำร้ายนางจริงๆ มิจำเป็นต้องมีเลือดตกยางออกนางก็สามารถปางตายได้ ทักษะชั้นต่ำแบบนี้ยังคิดจะเอามาใส่ร้ายข้า สมองของเจ้ามิมีแล้วหรือไร?”

เมื่อกล่าวจบ หนานหว่านเยียนก็สะบัดแขนหยุนอี่ว์โหรวออก หยุนอี่ว์โหรวจึงเอนกายเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกู้โม่หานโดยปริยาย

บาดแผลของนางมิมีเลือดออกมากนัก แต่มิรู้ว่าหนานหว่านเยียนใช้ทักษะใดจึงทำให้บาดแผลนั้นเจ็บปวดมากกว่าเดิมหลายหมื่นเท่า สีหน้าดูซีดเผือดลงทันที “ท่านอ๋อง เจ็บยิ่งนักเพคะ……”

กู้โม่หานโมโหมาก เขากอดหยุนอี่ว์โหรวเอาไว้แน่นแล้วหันไปตะคอกหนานหว่านเยียนว่า “นางคนชั้นต่ำ กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายโหรวเอ๋อร์ต่อหน้าข้า ข้าดูแล้วเหมือนว่าเจ้าจะมิอยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”

หนานหว่านเยียนโมโหเสียจนหัวเราะออกมา “กู้โม่หาน หากข้าจะกล่าวว่าเจ้ามิต่างอันใดกับคนตาบอดเล่า? เมื่อครู่ข้าพูดมิชัดเจนหรืออย่างไร หรือว่าเจ้าโง่เง่าจนเกินไป หากข้าต้องการจัดการนาง นางควรจะพบกับสภาพเช่นนี้ มิใช่มีเพียงเลือดออกสองหยดดังเมื่อครู่”

ได้ยินดังนั้นกู้โม่หานก็ก้มลงมองดูหยุนอี่ว์โหรวที่อยู่ในอ้อมแขน

ใบหน้าของนางดูดุร้าย แต่บัดนี้เนื่องจากความเจ็บปวด หยุนอี่ว์โหรวขมวดคิ้วเข้าหากัน เหงื่ออันเย็นเยือกไหลรินลงมา มองดูก็รู้ว่าเจ็บปวดยิ่งนัก

เขามองไปที่ฝ่ามือของหยุนอี่ว์โหรวอีกครั้ง มือข้างที่ถูกหนานหว่านเยียนกรีดเมื่อครู่เป็นเพียงแผลเล็กๆ และจุดเลือดบางๆ รอยแผลนั้นลึกเข้าไป แต่ภายนอกดูสม่ำเสมอ แตกต่างจากรอยเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

เขามิเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หรือว่าหนานหว่านเยียนจะพูดความจริง?

มิใช่ โหรวเอ๋อร์มิใช่คนเช่นนั้น

หยุนอี่ว์โหรวกัดฟันกรอด นางสังเกตเห็นแววตาอันสงสัยจากดวงตาของกู้โม่หานเมื่อครู่

ความเจ็บปวดที่ฝ่ามือผสมผสานกับความแค้นภายในใจ ทำให้หยุนอี่ว์โหรวเกลียดชังหนานหว่านเยียนมากขึ้นกว่าเดิม

นางคิดมิถึงว่านางมิเพียงแต่มิสามารถแก้แค้นได้ ทั้งยังสูญเสียอีกต่างหาก

หนานหว่านเยียน สตรีนางนี้ตนจะต้องทำให้ถึงแก่ชีวิตให้ได้!

หนานหว่านเยียนหัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน “ทำไมหรือ? ข้าพูดถูกจนท่านมิอาจจะหักล้างได้กันหรืออย่างไร จะว่าไปก็คงเป็นดังนั้น พวกเจ้าช่างเกิดมาเพื่อกันและกัน คนหนึ่งชอบแสดง อีกคนหนึ่งก็ช่างโง่เง่า คู่กันดีเหลือเกิน”

“หนานหว่านเยียน เจ้า……!”

“กรี๊ด เลือด!” กู้โม่หานยังมิทันพูดจบ ก็ได้ยินบ่าวรับใช้คนหนึ่งตะโกนกรีดร้องขึ้นแล้วชี้ไปที่ร่างของหยุนอี่ว์โหรว

เชี่ยนปี้ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว นางรีบเข้าไปกระซิบข้างกายของกู้โม่หานว่า “ทูลท่านอ๋อง นายหญิงมีรอบเดือน……”

รอบเดือนหรือ?

หยุนอี่ว์โหรวแทบจะเป็นลมล้มไป

รอบเดือนของนางเพิ่งจะหมดไปได้ประมาณเจ็ดแปดวัน บัดนี้เป็นโอกาสดีที่จะตั้งครรภ์ เหตุใดรอบเดือนจึงมาวันนี้ได้ เช่นนั้นก็คงมิอาจร่วมหอกับกู้โม่หานได้ตามใจหวังน่ะสิ!

หากว่าเจ้าสาวที่แต่งงานออกไปมิได้ร่วมหอสักที มีใครรู้เข้าคงจะหัวเราะเยาะเย้ย

หยุนอี่ว์โหรวสวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน เมื่อเทียบกับเลือดสีแดงสดนั้นทำให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น

“มองอะไร มิอยากมีลูกตาแล้วหรือ!” กู้โม่หานตะคอกออกไป จากนั้นถอดเสื้อคลุมด้านนอกให้แก่หยุนอี่ว์โหรวสวมใส่

เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันก้มหน้าก้มตามิกล้ากล่าวสิ่งใดออกมา

หนานหว่านเยียนเอามือกอดอกแล้วเผยอริมฝีปากแดงเรื่อขึ้น

เมื่อครู่ตอนที่นางกำลังสั่งสอนหนานหว่านเยียน นางได้ใช้กำลังของตนในการกระตุ้นบริเวณจุดลมปราณ เนื่องจากจุดลมปราณนั้นส่งผลกระทบสามารถทำให้รอบเดือนของหญิงสาวเคลื่อนได้ หากอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นี่นับว่าเป็นวิธีที่ใช้โดยทั่วไป

หยุนอี่ว์โหรวต้องการจะร่วมหอกับกู้โม่หาน เช่นนั้นนางก็ทำให้มิอาจสามารถทำได้ มิให้แผนของนางเป็นจริง!

เพื่อทำให้นางรู้ว่าการทำให้ตนต้องรู้สึกอึดอัดใจจะมีสภาพการเป็นอยู่เช่นไร

บรรยากาศดูน่าประหลาดใจเป็นที่สุด

หยุนอี่ว์โหรวเห็นแววตาอันซับซ้อนของหนานหว่านเยียน หัวใจของนางก็ราวกับมีใครมาทิ่มแทง นางหลับตาลงแล้วเสแสร้งแกล้งทำเป็นลม

ร่างกายของนางอ่อนแอลงทันที กู้โม่หานรีบเข้าไปพยุงเอาไว้ “โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์……!”

เมื่อเห็นว่านางมิตอบสนอง หัวใจของกู้โม่หานก็จมดิ่งลงแล้วอุ้มหยุนอี่ว์โหรวขึ้น

“หนานหว่านเยียน หากเจ้ากล้าทำเรื่องชั่วอีก ข้าจะตัดมือเจ้าทิ้งโดยมิลังเล!”

ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธมาก ดวงตาที่จ้องมายังหนานหว่านเยียนนั้นโหดเหี้ยมเหลือเกิน “นับแต่นี้เป็นต้นไป ใครก็ตามห้ามส่งยามาให้หนานหว่านเยียน มันผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งข้าจะถูกประหารชีวิตทันที!”