แดนจิ่วโจวกับทะเลบูรพามีแดนแห่งร้อยเผ่าพันธุ์ขวางกั้น แผ่นดินผืนนั้นมีขนาดใหญ่กว่าแดนจิ่วโจวอย่างมาก มีเผ่าพันธุ์ทั้งน้อยใหญ่ของแผ่นดินบรรพกาลนับร้อยกระจายตัวอยู่
พวกอันหลินไม่มีทางเหาะไปทะเลบูรพาแน่ เช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ต้าไป๋จะเหนื่อยตายได้
ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาก็คือมีเงิน จึงใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลหลายครั้งหลายครา มาถึงหาดแห่งทะเลบูรพาได้อย่างราบรื่น
“โอ้โห! นี่หรือทะเลบูรพา มองไม่เห็นปลายทางเลยสักนิด!”
อันหลินยืนอยู่บนชายหาด ทอดมองทิวทัศน์ที่ผืนฟ้าและทะเลเป็นสีเดียวกัน อุทานมาจากหัวใจ
น้ำครามใสแจ๋ว กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เกลียวคลื่นตระการตา นี่เป็นความประทับใจแรกที่เขาได้จากทะเลบูรพา
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ เป็นอาณาเขตของจักรวรรดิมุกดา
จักรวรรดิมุกดาถูกปกครองโดยเผ่ามุกดา พวกมันเป็นหนึ่งในร้อยเผ่าพันธุ์ รูปลักษณ์น่าสนใจมาก ผิวขาวเหลือง มีสองแขนสองขาเฉกเช่นมนุษย์ ทว่าสั้นมาก รูปร่างก็กลมมน ความสูงทั่วไปราวๆ หนึ่งเมตร มองจากภายนอก พวกมันเป็นเหมือนไข่มุกมีสติปัญญาที่เดินเหินบนพื้นเรียบ
“ท่านอันหลิน นี่แหละน่านน้ำที่ใกล้เจ็ดแดนภูตผีที่สุด”
ไข่มุกตัวหนึ่งชี้ไปด้านหน้า ใบหน้ากลมกลึงเคร่งขรึมจริงจัง
นางมีนามว่าฉีฉี เป็นมัคคุเทศก์ชั้นหนึ่งที่อันหลินจ้างมาด้วยเงินหนึ่งหมื่นหินวิญญาณ
นางเป็นหญิงงามที่เลื่องชื่อในเมืองริ้วคลื่นละแวกนี้ มีเรือนร่างที่กลมมนที่สุด ขาวสะอาดเรียบเนียนที่สุด มองดูแล้วก็เรียกได้ว่างดงามจำเริญตา
อันหลินพยักหน้า เจ็ดแดนภูตผีเป็นน่านน้ำที่โด่งดังที่สุดในทะเลบูรพา มักจะมีปีศาจทะเลที่ยิ่งใหญ่ปรากฏตัว โจมตีเรือในละแวกนี้บ่อยครั้ง มีปีศาจทะเลกระหายเลือดบางตัวถึงขั้นปีนขึ้นฝั่ง เข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตริมฝั่ง
ร่ำลือกันว่ามีปีศาจเจ็ดตนปกครองน่านน้ำผืนนี้ ปกครองหมื่นปีศาจ น่านน้ำผืนนี้จึงถูกขนานนามว่า เจ็ดแดนภูตผี
หากไม่ใช่เพราะอันหลินให้ราคางาม ความสามารถก็ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ฉีฉีไม่มีทางเสี่ยงอันตรายพาพวกเขามาที่นี่หรอก
“เข้าใจแล้ว พวกเรากลับไปเตรียมตัวกันก่อน พรุ่งนี้จะออกทะเลทันที!” ดวงตาอันหลินของเปี่ยมด้วยความตื่นเต้นอยากรู้อยากลอง “เจ็ดเทพโจรสลัดจะเท่าไรกันเชียว คอยดูสิข้าจะบดขยี้ทีละคนเลย ราชาโจรสลัด ข้าได้เป็นแน่นอน!”
ทุกคนไม่เข้าใจคำพูดประหลาดพวกนั้นของอันหลิน แต่มีข้อมูลหนึ่งที่พวกมันรู้แน่แล้วก็คือ พรุ่งนี้จะออกทะเล
ณ เมืองริ้วคลื่น บนท้องถนนมีไข่มุกขาวกลมเดินกันให้ควั่ก มีร่างของมนุษย์คนสองคนให้เห็นเป็นครั้งคราว
มนุษย์เหล่านี้คาดว่าจะเป็นนักพรตจากแดนจิ่วโจวที่มาหาประสบการณ์ที่นี่ มองจากความสูงแล้ว แลดูเหมือนนกกระเรียนในฝูงไก่ ปกติยามไปกินข้าวในโรงเตี๊ยม จะชนขอบประตูได้หากไม่ระวัง
ฉีฉีในฐานะของมัคคุเทศก์ชั้นหนึ่ง ดูแลการท่องเที่ยวได้ครอบคลุมทุกด้าน
พวกอันหลินตามนางท่องไปทั่ว ผ่อนคลายสบายทีเดียว
พลบค่ำ ฉีฉีหาโรงเตี๊ยมที่มีเอกลักษณ์พิเศษร้านหนึ่ง สั่งอาหารทะเลชุดใหญ่เต็มโต๊ะ มีทั้งกุ้งหอยปูปลายันนกทะเล อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์กินอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ลืมเลือนไปทุกสิ่ง
จากรสชาติแล้ว อาหารทะเลที่นี่ เป็นอาหารทะเลที่ดีที่สุดที่เคยกินมา
หลังทุกคนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมที่ต้อนรับชาวต่างแดนโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง
“เรือสินค้าสามลำเตรียมไว้พร้อมแล้ว ดาดฟ้าชั้นบนสุดของเรือจะมีสินค้าวางอยู่ และมีอาหารที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งล่อลวงทะเลปีศาจได้” ฉีฉีนั่งรายงานการเตรียมพร้อมก่อนออกทะเลหน้าอันหลิน
ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล การออกเดินทางตามหาทะเลปีศาจระดับจักรพรรดินั้น ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้พวกมันเป็นฝ่ายมาหาเอง และเรือสามลำนั้นก็เป็นเหยื่อล่อที่ดีที่สุด
ขณะที่กำลังคุยสัพเพเหระในห้องกันอยู่นั้น ผิวดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
ตูม!
เสียงระเบิดดังมาไกลๆ คล้ายกับเสียงกระแทกอย่างรุนแรง
สีหน้าของอันหลินเปลี่ยนไป ลุกขึ้นทันใด
ฉีฉีเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ผลักหน้าต่างออกทันที ทอดมองไปทางประตูเมือง จากนั้นก็เห็นแสงไฟและกลุ่มควันหนาลอยขึ้น ใบหน้าถมึงทึง พูดเสียงตกใจว่า “ทะเลปีศาจ พวกมันบุกเมือง!”
“ปีศาจทะเลบุกเมืองหรือ!”
อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ตาลุกวาวทันทีที่ได้ฟัง
คิดแต่จะหลอกล่อพวกมัน ไม่คิดว่าพวกมันจะเป็นฝ่ายมาหาด้วยตัวเอง โอกาสแบบนี้พวกอันหลินจะปล่อยผ่านได้อย่างไร
“ไป! เราไปหาทะเลปีศาจแห่งทะเลบูรพากันหน่อย!”
อันหลินขี่สุนัขเหาะขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปทางประตูเมืองอย่างตื่นเต้น
“ทะเลปีศาจเชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ พวกเจ้าระวังตัวด้วยนะ!” ฉีฉียังไม่บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ เหาะเหินไม่ได้ ทำได้เพียงตะโกนเตือนลอดหน้าต่าง
“หายห่วงได้เลย”
อันหลินเหาะไปทางประตูเมืองโดยไม่เหลียวหลังมอง แค่ยาพิษของทะเลปีศาจกระจอกๆ จะเป็นภัยต่อความปลอดภัยของอันหลินได้อย่างไร พลังพฤกษธาตุอมตะมีความสามารถช่วยกำจัดหมื่นพิษ เกรงว่าจะมีเพียงปีศาจจักรพรรดิ ที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้บ้าง
ในตอนนี้ ควันลอยขึ้นรอบประตูเมือง ไข่มุกที่เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ทั้งหลายกำลังปล่อยคาถาโจมตีอยู่เหนือกำแพงเมือง ก่อตัวเป็นมังกรแนวป้องกันเปลวไฟ
“ท่านแม่ทัพราชามุกดา จำนวนข้าศึกมีมากโข หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเมืองต้องแตกแน่!” ไข่มุกรักษาการณ์ตัวหนึ่งตะโกนลั่น
“อดทนไว้! ข้าขอความช่วยเหลือจากเมืองเกลียวคลื่นแล้ว กองหนุนจะมาในไม่ช้า!” ไข่มุกทั้งกลมทั้งใหญ่ตัวหนึ่งพูดเสียงเข้ม ผิวของมันมีเกราะผิวหนังสีทองชั้นหนึ่งหุ้มอยู่ ดูค่อนข้างเท่
ขณะที่พูดอยู่นั้น จู่ๆ หนวดใหญ่ยักษ์ก็ยื่นมาบนยอดกำแพงเมือง กวาดต้อนด้วยพลังมหาศาล
ทหารไข่มุกนับไม่ถ้วนกรีดร้อง ถูกโจมตีจนตกลงจากกำแพงเมือง
“ฮ่าๆ ๆ ราชามุกดายังไม่ออกมารับความตายอีกหรือ!” หมึกยักษ์สูงสิบจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวนอกเมือง กำลังตะโกนอย่างอหังการ
โครมๆ ๆ…
ร่างดำทะมึนพุ่งชนประตูเมืองไม่หยุด การโจมตีของไข่มุกกระแทกร่างนั้น แต่ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด
“ราชันหมึกทะเลลึก เต่ายักษ์น้ำดำ…” ราชามุกดาจ้องวัตถุใหญ่โตมโหฬารสองตัวที่บุกเมืองตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ขึงขัง
“มีข้าด้วย!” ในตอนนั้นเอง สิ่งมีชีวิตร่างโปร่งใสมีสายฟ้าห้อมล้อมทั้งตัวก็ตะโกนกร้าวท่ามกลางปีศาจทะเลนับพัน “ราชามุกดา อย่าดิ้นรนอย่างไร้ความหมายเลย จักรพรรดิปีศาจสีชาดต้องการสิ่งมีชีวิตของเผ่ามุกดาเพียงหนึ่งหมื่นตัวไปบูชายัญ หากเจ้ายอมเป็นฝ่ายเปิดประตูเอง พวกเราสัญญาว่าจะไม่เข่นฆ่าสังหาร! ไม่อย่างนั้นหากพังประตูได้ ข้าจะฆ่าล้างบางยกเมือง!”
ราชามุกดาเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่อาบแสงฟ้าตัวนั้น ก็เสียการทรงตัว ประหนึ่งว่าจะยืนหยัดไม่ได้แล้ว “ราชากะพรุนพันอัสนี…ท่าทางหนนี้จักรพรรดิปีศาจสีชาดจะจัดการเมืองริ้วคลื่นของเราได้แน่…”
ราชามุกดามีระดับพลังยุทธ์เพียงหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลาง ใกล้เคียงกับหมึกยักษ์ทะเลลึกกับเต่ายักษ์น้ำดำ แต่ราชากะพรุนพันอัสนีเป็นบุคคลระดับสุดยอดของหล่อเลี้ยงวิญญาณ หากมันระเบิดพลังโดยไม่คิดชีวิตจริง อาจจิกหัวตนลงจากประตูเมืองได้เลยทันที
“ข้าให้เวลาเจ้าใคร่ครวญสิบวินาที เปิดประตูเมือง พวกข้าได้ตัวไข่มุกมาหนึ่งพันตัวแล้วจะไปทันที ไม่อย่างนั้นก็ฆ่ายกเมือง!” เสียงของราชากะพรุนประดุจอัสนีบาต ความดังของเสียงทะลุเข้าไปในเมืองริ้วคลื่นแล้ว
ประชาชนในเมืองริ้วคลื่นต่างก็ตื่นตกใจ ด้านนอกเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ประตูเมืองดังกึกก้อง ราชาปีศาจสามตัวบุกเมืองพร้อมกัน ราชามุกดาตนเดียวจะต้านได้อย่างไร
ราชากะพรุนเริ่มนับถอยหลังแล้ว ประชาชนในเมืองตามท้องถนนพากันหนีกระเจิดกระเจิง มองจากบนเวหา จะเห็นกลุ่มไข่มุกกลิ้งไปกลิ้งมา โกลาหลอลหม่านยิ่งนัก
“หมดเวลาแล้ว ท่าทางราชามุกดาจะชอบการถูกฆ่ายกเมืองมากกว่า” สายฟ้าของราชากะพรุนสว่างโชติช่วง หัวเราะอย่างชั่วร้าย
ทหารไข่มุกบนกำแพงเมืองกำลังใช้คาถาโจมตีกองทัพปีศาจทะเลเบื้องล่างไม่หยุด
โครมๆ ๆ แรงชนประตูเมืองของเต่ายักษ์น้ำดำทวีความน่ากลัวขึ้น มีใยแมงมุมปรากฏตามประตูเมืองเป็นระยะๆ
“ราชามุกดา ค่ายกลคุ้มกันเมืองต้านทานไม่ไหว…ประตูเมืองจะพังแล้ว!” ไข่มุกตัวหนึ่งตะโกนลั่น
ใบหน้าของราชามุกดาฉายความคิดอยากสละชีวิต กลายเป็นแสงสีขาวพุ่งใส่เต่ายักษ์น้ำดำ
“หึๆ รอเจ้าออกโรงอยู่พอดี!” ราชาแมงกะพรุนหัวเราะเยาะ กลายเป็นเป็นกระแสไฟพุ่งไปหาลำแสงสีขาว
เปรี้ยง! ทั้งคู่ปะทะกัน ชั่ววินาทีที่สายฟ้าระเบิด มีร่างหนึ่งถูกชนจนถอยกรูด
ร่างสีขาวกระแทกกำแพงเมืองทันใดกำแพงเมืองแข็งแกร่งก็ยุบตัวลงมา
“ราชามุกดา!” ทหารบนกำแพงเมืองตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นฉากนี้
ร่างที่ถูกโจมตีจนล่าถอย ชัดเจนว่าเป็นราชามุกดา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกมัน
เหล่าทหารกล้าทำหน้าสิ้นหวัง แม้แต่ราชามุกดาก็ต้านการโจมตีของแมงกะพรุนไม่ได้ เมืองริ้วคลื่นจะพินาศแล้วจริงหรือ
เสียงกึกก้องดังขึ้นอีกครั้ง ประตูเมืองถูกเต่ายักษ์น้ำดำชนจนเกิดรูใหญ่
กองทัพทะเลปีศาจเริ่มกู่ร้อง พากันกรูกันเข้ามาทางช่องนั้น
“ฮ่าๆ ๆ… ไข่มุกภายในเมืองหนีไม่รอดแม้แต่ตัวเดียว!”
ราชาแมงกะพรุนฮึกเหิมยิ่ง เริ่มกระโจนใส่กำแพงเมือง เตรียมตัวจะสังหารทหารรักษาเมืองให้สิ้นซาก
“คิดจะรังแกไข่มุกที่น่ารัก ถามความเห็นข้าหรือยัง” จู่ๆ เสียงเรียบเฉยก็ดังขึ้น
หมัดอัสนีสีทองขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า กระแทกราชากะพรุนเข้าอย่างจัง แสงสว่างปกคลุมกว่าครึ่งผืนฟ้า
ตูม!
ราชากะพรุนผู้ไร้เทียมทานถูกหมัดสีทองที่รายล้อมด้วยสายฟ้าอัดเข้ากับพื้น พลังน่ากลัวระเบิดม้วนตัวไปทั่วทุกหนแห่ง ฉีกทึ้งปีศาจทะเลหลายสิบตัวในบริเวณนี้
ร่างใหญ่ทะมึนขี่สุนัขสีขาวปรากฏตัวเหนือนภา ประหนึ่งผู้พิทักษ์โลกอย่างไรอย่างนั้น เข้าสู่ครรลองสายตาของเหล่าไข่มุก
เซียนกระบี่อันหลินออกโรงอย่างเกรียงไกร!