ตอนที่ 269 มุมานะไม่ท้อถอย

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

อันหลินกลับมายังที่พัก เริ่มสฤษฏ์กายบำเพ็ญเพียร

ขุมพลังสัตว์ภายในตัวเขาสว่างไสวขึ้นทุกวัน เป็นดั่งดวงตะวันสีทองอร่ามในทะเลปราณ

พลังงานที่แฝงอยู่ในขุมพลังสัตว์หนาแน่นอย่างยิ่ง จวนจะบรรลุขีดจำกัดแล้ว ขอเพียงทลายขีดจำกัดนี้ เขาก็จะทะลวงขั้นได้แล้ว!

เขาสามารถบรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปี ต้องขอบคุณวรยุทธ์ทั้งสองอย่างวิชาอมฤตนิมิตและปีกอัคคี มันทำการขัดเกลาชะล้างร่างกายอย่างใหญ่หลวง ซ้ำยังทำให้ทะเลปราณกว้างใหญ่มหาศาลกว่าเดิม

รากฐานมั่นคงแล้ว ฝีก้าวที่ย่างไปข้างหน้าก็จะรวดเร็วยิ่งขึ้น

วันต่อมา อันหลินมุ่งหน้าสู่ราชวังดุสิต ใช้บัตรกำนัลยาเซียนของจักรพรรดิจื่อเวย ให้ผู้รู้แจ้งหยินสี่ปรุงยาเซียนปัญจธาตุทลายปราณให้หนึ่งเม็ด มันเป็นยาเซียนขั้นหก สามารถสกัดพลังปัญจธาตุของนักพรตได้

พฤษธาตุอมตะ ปีกแห่งอัคคี วิชาอมฤตนิมิต พลังบงกชพสุธาที่อันหลินฝึก ล้วนเป็นวิชาปัญจธาตุ เขาคิดว่าใช้ยาปัญจธาตุทลายปราณสกัดพลังปัญจธาตุ เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้เขาทะลวงขั้นได้

เขาจึงกินยาเซียนเม็ดนี้ต่อหน้าหยินสี่ด้วยประการฉะนี้

นี่เป็นการทดลองของเขา แม้จะอาศัยสิ่งนี้ทะลวงขั้นไม่ได้ แต่สกัดพลังปัญจธาตุไปอีกขั้นก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ

เพียงครู่เดียว เหมือนจะสัมผัสได้ถึงฤทธิ์ของยาเซียน เลือดของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน

ของเหลวสีน้ำเงินเคลือบผิวหนัง ดอกบัวที่แฝงพลังฟ้าดินปรากฏกลางหว่างคิ้ว และมีขนเพลิงสีชาดห้อมล้อมรอบกาย วงแหวนสีเขียวก่อตัวเหนือศีรษะอีกครั้ง กระจายพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่

พลังทั้งสี่สำแดงเดช!

หยินสี่เบิกตากว้าง หายใจถี่กระชั้น “เอาแล้ว เอาอีกแล้ว นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงของยาเซียน!”

ครืน!

จู่ๆ พลังปราณก็โหมซัดกลางท้องฟ้า จากนั้น พลังปราณมหาศาลปานคลื่นใหญ่ท้วมท้นฟ้าก็มาบรรจบกันที่ศีรษะของเขา

กระแสวนสูงร้อยจั้งปกคลุมเกือบค่อนผืนฟ้า มีอานุภาพเกรียงไกรอย่างยิ่ง

สุดท้ายพลังปราณเหล่านี้ก็เป็นเหมือนมังกรศิโรราบ หลั่งไหลเข้าไปในตัวอันหลินอย่างบ้าคลั่ง ช่วยให้เขาแปรสภาพบางอย่างได้สำเร็จ

หยินสี่ตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า ปากอ้ากว้าง “นี่แหละยอดฝีมือผู้กินยาอย่างแท้จริง กินยาเซียนหนึ่งเม็ดไม่เพียงแต่กระตุ้นการแปรสภาพของกำลังภายใน แต่ยังทำให้ระดับพลังยุทธ์ของตัวเองบรรลุไปอีกขั้นอีกด้วย! มันช่างน่ากลัวน่าสะพรึงเหลือเกิน!”

พายุพลังปราณค่อยๆ สงบลง

อันหลินลุกขึ้นยืน นัยน์ตาสุกใส ซึมซับการก้าวกระโดดของพลังอย่างปลาบปลื้มใจ

นับจากนี้ เขาก็อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางแล้ว!

“ขอแสดงความยินดีกับสหายอันหลินที่ทะลวงขั้นได้สำเร็จ!”

หยินสี่รุดเข้ามาแสดงความยินดี ตาโตคิ้วดกจ้องอันหลินประหนึ่งมองไอดอล

“เป็นเพราะยาเซียนเม็ดนั้นที่ผู้อาวุโสหยินสี่ปรุงทั้งนั้น” อันหลินก็ยกมือขึ้นคำนับหยินสี่อย่างซาบซึ้งเช่นกัน

“หามิได้ๆ…เป็นเพราะท่วงท่าการกินยาของสหายไร้ผู้ใดเทียบต่างหาก…”

“เอ่อ…ไม่ทราบว่าสหายอันหลินจะช่วยชี้แนะข้าหน่อยได้ไหมว่า ควรจะกินยาเซียนอย่างไร…” หยินสี่เอ่ยปากอย่างเขินอาย

การเป็นฝ่ายถามผู้อื่นว่ากินยาอย่างไรนั้น แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ละลาบละล้วงมาก โดยเฉพาะการกินยาของอันหลินอาจจะผสานด้วยเคล็ดวิชาลับเฉพาะบางอย่างก็ได้ นี่เป็นความลับของนักพรต ปกติแล้วจะไม่เปิดเผยกับคนนอก

แต่ทักษะการกินยาที่อันหลินแสดงให้เห็นมันน่าตะลึงมากเหลือเกิน หยินสี่กลั้นความหุนหันพลันแล่นไว้ไม่ได้

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าจนพึงพอใจเลย!” ราวกับกลัวอันหลินจะปฏิเสธ หยินสี่จึงพูดต่อทันที

อันหลินเกาหัวด้วยสีหน้าฉงน นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน กินยาก็แค่กลืนลงท้องไป จากนั้นปล่อยให้มันย่อยไม่ใช่เหรอ

เสมือนจู่ๆ มีคนเข้ามาขอให้ชี้แนะว่าควรจะกินข้าวอย่างไร พับผ่าสิ เด็กสามขวบก็กินข้าวเป็นแล้ว ต้องชี้แนะด้วยเหรอ มันปัญญาอ่อนไม่ใช่หรือไง!

หยินสี่เห็นอากัปกิริยาฉงนสนเท่ห์ของอันหลิน และไม่มีท่าทีว่าจะต่อบทสนทนา เขาก็รู้ว่าหมดหวังแล้ว

เคล็ดลับส่วนตัว อันหลินไม่ยอมเปิดเผย มันเป็นเรื่องที่ปกติมาก

หลังหยินสี่เซื่องซึมอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็กลับมาเริงร่าอีกครั้ง วิธียกระดับการกินยาเซียน แม้อันหลินจะไม่บอก เขาก็ต้องอาศัยความแน่วแน่ของตัวเองไปค้นหาให้เจอ! นี่เป็นความภาคภูมิใจในฐานะศิษย์เอกของปรมาจารย์แห่งเต๋า ไม่มีเรื่องใดที่เขาทำไม่ได้!

อันหลินเห็นท่าทางของหยินสี่ประเดี๋ยวห่อเหี่ยว ประเดี๋ยวตื่นเต้น อีกเดี๋ยวก็ฮึกเหิม ก็คิดว่าไม่ควรอยู่ที่นี่นาน จึงลุกขึ้นกล่าวลาทันที

กลางนภา เขาเปิดดูระบบของตัวเองด้วยความวิตกกังวล

‘ตั้งใจบำเพ็ญเพียร ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน’ ของระบบเป็นปมในใจสำหรับเขามาก ยังดีที่ระยะนี้มีเรื่องโชคดีมากมาย ถึงได้บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางภายในเวลาหนึ่งปี

ตอนนี้พลังยุทธ์เปลี่ยนแล้ว เงื่อนไขภารกิจในแถบพลังยุทธ์ของระบบก็คงจะเปลี่ยนแปลงแล้วเช่นกัน

‘บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย บรรลุเงื่อนไข: สังหารปีศาจทะเลระดับจักรพรรดิหนึ่งตัว’

อันหลินชะงัก “นี่มัน…”

ปีศาจทะเลระดับจักรพรรดิเหมือนกับมารระดับจักรพรรดิในแดนมนุษย์ ต้องบรรลุระดับแปลงจิตเท่านั้นจึงจะเรียกว่าจักรพรรดิ

หากเป็นปีศาจทะเลละก็ มีทั้งในทะเลตะวันตกกับทะเลบูรพา ขอแค่ตั้งใจค้นหา ต้องเจอแน่นอน

แก่นแท้ของภารกิจนี้ก็คือ ให้ตนสู้ข้ามระดับ หากว่าต๋าอีกับต๋าเอ้อร์จัดการทะเลปีศาจจนสาหัสปางตาย จากนั้นตนก็ไปซ้ำมีด การสังหารในสถานการณ์แบบนี้ หากระบบก็นับเป็น ‘การฆ่าด้วยตัวเอง’ เช่นนั้นภารกิจก็ไม่มีความยากมากเท่าใดแล้ว

ยกระดับพลังยุทธ์ผ่านภารกิจของระบบ มิหนำซ้ำภารกิจนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่แน่นอน อันหลินไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด เพราะการบำเพ็ญเพียรตามความเป็นจริง ถ้าไม่โชคดี ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องใช้เวลาหลายปีในการทะลวงขั้น

อันหลินไม่ยอมเสียเวลามากมายปานนั้น แบบนั้นเขาจะตามฝีก้าวของสวีเสี่ยวหลานไม่ทัน

ในเมื่อเป็นแบบนี้… วันหยุดนี้ก็ไปล่าปีศาจทะเลที่ทะเลบูรพากันเถอะ!

ตัดสินใจแล้ว พูดปุ๊บไปปั๊บ!

พาสัตว์เลี้ยงอย่างเจ้าอัปลักษณ์และต้าไป๋ไปด้วย ออกเดินทางตอนรุ่งสางเลย!

เมื่ออันหลินวางแผนในใจเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป

“เอ๊ะ ทำไมข้ารู้สึกเหมือนว่าลืมใครไปเลยล่ะ” เขาขมวดคิ้ว

พาสัตว์เลี้ยงอย่าง…เจ้าอัปลักษณ์กับต้าไป๋…

“ให้ตายสิ! เสี่ยวหงของข้าล่ะ!” อันหลินสะดุ้งโหยง ตะโกนเสียงดัง

เขาพลันนึกถึงดอกไม้สีแดงดอกนั้นขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้าง

ต้าไป๋ได้ยินอันหลินตะโกนก็นึกขึ้นได้ทันใด “โฮ่ง! ข้าก็ว่าทำไมช่วงนี้รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ที่แท้ก็พี่หงไม่อยู่นี่เอง! นางยังหลบอยู่ในอกของสวีเสี่ยวหลาน ไม่ได้กลับมา!”

มุมปากอันหลินกระตุก “เหมือนว่าตั้งแต่มันซ่อนตัวในสาบเสื้อสวีเสี่ยวหลานในสุสานมังกรเหมันต์ ก็ไม่เคยโผล่ออกมาอีกเลย…หลายวันแล้ว พวกเรากลับลืมมันไปเสียอย่างนั้น…”

“ตัวตนของพี่หงลดลงทุกวัน ตอนนี้นางคงจะถูกสวีเสี่ยวหลานพาไปสำนักวิหคชาดแล้วกระมัง” เจ้าอัปลักษณ์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ

อันหลินกุมขมับถอนหายใจ “ช่างเถอะ ไม่สนมันแล้ว ให้มันไปสังเคราะห์แสงที่สำนักวิหคชาดแล้วกัน เวลากระชั้นชิด เราจะออกเดินทางไปทะเลบูรพาตอนนี้เลย!”

ต้าไป๋แลบลิ้น “ไม่หาพรรคพวกหน่อยหรือ โฮ่ง!”

“เสี่ยวหลานจะกลับไปเสริมสร้างมรดกของเสิ่นอิงให้แข็งแกร่งที่สำนัก ซูเฉี่ยนอวิ๋นอยู่กับฉางเอ๋อ พี่เฉิงกลับไปกักตัวบำเพ็ญที่สำนัก หากไม่บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย ไม่มีทางออกมาเด็ดขาด” พูดถึงเซวียนหยวนเฉิง อันหลินก็ระอาใจ

ตอนนี้ในห้องของพวกเขามีบุคคลระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายสองคนแล้ว ซูเฉี่ยนอวิ๋นเป็นพวกคลั่งวิชาสมชื่อ จดจ่อกับมรรค ก้าวหน้าอย่างองอาจ เป็นนักเรียนที่บรรลุระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายไวที่สุดในห้อง

ส่วนสวีเสี่ยวหลานกลับเป็นเพราะไปสุสานมังกรเหมันต์กับอันหลิน โชคดีอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ทะลวงขั้น

เมื่อเซวียนหยวนเฉิงทราบข่าวนี้ อาการก็แย่แล้ว เขาเป็นถึงนักเรียนที่ผู้เที่ยงแท้แนะนำเชียวนะ พลังยุทธ์ถูกนักเรียนร่วมห้องสองคนแซงไป มันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจอย่างยิ่ง

เซวียนหยวนเฉิงจึงตัดสินใจเช่นนี้ อันหลินไม่แปลกใจ กลับรู้สึกว่านี้ต่างหากพี่เฉิงที่ตนรู้จัก

“แค่ฆ่าทะเลปีศาจระดับจักรพรรดิตัวเดียว เราไปกันเองก็พอแล้ว!”

อันหลินเปี่ยมด้วยความมั่นใจและไม่สะทกสะท้าน แค่ปีศาจทะเลระดับแปลงจิตตัวเดียว เขาจะกลัวได้อย่างไร

“ไปกันเถอะ ต้าไป๋ เจ้าอัปลักษณ์ ไปทะเลบูรพากัน!”