หากยังกล้าเปล่งเสียงแม้แต่ประโยคเดียว ก็อย่าโทษที่ลูกคิดบัญชีกับบิดา หลายปีมานี้แม้จะได้เงินจากร้านค้า นางก็ต้องคิดจากเขาทุกสลึงทุกตำลึง!
ถึงเวลาที่ท่านจะใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำจริงๆ แล้ว เป็นเวลาหกปีที่ทำงานไปอย่างเปล่าประโยชน์!
อวิ๋นเสวียนฉั่งตาเบิกโพลง คาดไม่ถึงว่าเปลือกนอกของบุตรสาวที่แสนอ่อนโยนกตัญญูดุจกวางดาว แท้จริงองอาจประหนึ่งพยัคฆ์ลงจากเขา หลังจากถลึงตามองกิริยาท่าทางของบุตรสาว ก็นำโฉนดร้านค้าใส่ในกล่อง แล้วเดินออกจากเรือนหลัก
หลังจากอวิ๋นหว่านชิ่นนำหนังสือโฉนดร้านค้ากลับมา ก็พินิจดูนิดหน่อย นอกจากร้านฮุ่ยเหยียนไจที่อยู่ข้างๆ ปราสาทเขาโย่วเสียน ยังมีโรงน้ำชาหนึ่งหลัง โรงเตี๊ยมสำหรับพักผ่อนและทานอาหาร ตลอดจนร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ก็เป็นร้านค้าทั้งสามที่อวิ๋นเสวียนฉั่งที่ไม่ปล่อยให้หลุดมือมาโดยตลอด
ช่วงเริ่มต้น ทำมากสิ่งไม่สู้ทำได้ดี อวิ๋นหว่านชิ่นที่ทำการค้าขาย ตอนนี้ก็ยังต้องคิด สถานการณ์ปัจจุบันนี้ยังมีร้านเซียงหยิงซิ่ว ถ้าดูแลร้านค้าอื่นด้วยคงต้องฟุ้งซ่านแน่ พิจารณาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ร้านฮุ่ยเหลียนไจค้าขายครีมบำรุงแป้งน้ำ เป็นแนวหลังใหญ่ผู้จัดหาของให้ร้านเซียงหยิงซิ่ว ย่อมต้องเก็บไว้อยู่แล้ว กิจการโรงเตี๊ยมดีที่สุด มีขนาดใหญ่ และเจริญงอกงาม ไม่ต้องจัดการอะไร ก็สามารถทำกำไรได้อย่างไม่ติดขัดแล้ว
ส่วนอีกสองร้าน โรงน้ำชาและร้านตัดเย็บเสื้อผ้า กิจการก็ธรรมดา เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ก็แค่พอถูไถไม่ให้ขาดทุนเท่านั้นเอง ยังต้องรับมือกับภาษีการค้าที่เพิ่มขึ้นในทุกปี อีกทั้งอวิ๋นเสวียนฉั่งยังดูแลอย่างจับแพะชนแกะในหลายปีนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นจึงตัดสินใจขายทิ้งไม่ก็ให้เช่าไป จะได้ลดความพะว้าพะวังลง
ในวันต่อไป อวิ๋นหว่านชิ่นมอบงานให้ชูซย่าไปหาหยาหัง จัดทำตามกระบวนการ หาไปเรื่อยๆ ไม่เกินสิบวันร้านตัดเสื้อผ้าและโรงน้ำชาก็มีคนรับซื้อไป อวิ๋นหว่านชิ่นส่งหงเหลียนไปทำสัญญาแทนตน พอได้เงินวางมัดจำแล้ว ก็เสร็จสิ้นงานใหญ่ๆ ได้ชั่วคราว
พอจัดการเรื่องร้านค้าเรียบร้อย ก็จะเหลือแค่งานสบายแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการอยู่การกินประจำวัน งานประเภทเย็บปักถักร้อย และเรื่องเงินทองเสื้อผ้าอาภรณ์ ที่แบ่งตามหมวดหมู่ก็ใช่ได้แล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นคงต้องขอร้องต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินสอดให้พาชูซย่าไปด้วย ส่วนสิ่งอื่นๆ จะอย่างไรก็ได้ อย่างมากสุดก็ตามแผนที่อวิ๋นเสวียนฉั่งได้วางไว้
วันนี้ อากาศเย็นขึ้นเล็กน้อย พอเช้าก็มีน้ำค้างแล้ว หายใจเพียงครั้งเดียวที่ด้านนอกก็สามารถเกิดน้ำค้างสีขาวขึ้นได้ แต่ละคนต่างทำธุระเสร็จสรรพแล้ว คนในตระกูลอวิ๋นก็ต่างพากันกลับห้องตนเอง ยกเว้นฮุ่ยหลานที่อยู่เรือนหยิงฝูอย่างเช่นเคย คอยตรวจสอบใบรายการสินสอดกับคุณหนูใหญ่ แล้วค่อยนำใบรายการออกไป กำชับบ่าวบรรจุลง**บและประทับตราตามลำดับ รอจนก่อนถึงวันแต่งงานแล้วค่อยส่งไปที่จวนฉินอ๋อง
ยุ่งวุ่นวายมาหลายวัน ในที่สุดอวิ๋นหว่านชิ่นก็สะสางใบรายการใบสุดท้ายเสร็จ โดยเบื้องต้นเป็นเครื่องเรือนภายในห้อง เมื่อวางพู่กันลงบนที่วางพู่กัน ก็ถูมือที่เย็นเฉียบ แล้วยกขึ้นมาประกบที่ปากและเป่าลมอุ่นใส่
ชูซย่ารินน้ำร้อนลงโถน้ำร้อนทองเหลืองลายเถาวัลย์จนเต็มส่งให้บนมือคุณหนูใหญ่ แล้วถือใบรายการขึ้นตรวจสอบดูอีกครั้ง “…เตียงหกเสาแกะสลักลายม้วนกระดาษรูปหญ้าหนึ่งหลัง แหย่งไม้แดงหอมหนึ่งตัว ม้านั่งยาวแบบแคร่สองตัว กระโถนจื่อซุนหนึ่งใบ ชามจื่อซุนหนึ่งชุด โต๊ะเครื่องแป้งแบบมีสามที่กั้นเคลือบสีแดงลายนกอินทรีสีทองหนึ่งตัว โต๊ะซานโต้ววางหน้าห้องสองตัว ตู้สี่ขาเคลือบสีแดงหนึ่งหลัง ตำราเครื่องสำอางและภาชนะข้าวของเครื่องใช้สาม**บ…”
ฮุ่ยหลานที่ได้ยินมาถึงด้านนอกม่านกันลมก็ตกใจเบาๆ รู้นานแล้วว่าคุณหนูใหญ่มีฝีมืออยู่บ้าง แม้แต่เหล่าไท่ไท่ก็ชมอย่างไม่ขาดปาก บอกให้ใช้ที่แช่เท้าน้ำร้อนของนาง เท้าที่หนาวมานานก็สบายขึ้นมาก ไม่คาดว่าแท้จริงแล้วจะอ่านตำรามากมายเช่นนี้ สินสอดรอบนี้ยังเอาไปเสียหมด มีไม่น้อยกว่าสาม**บ อดไม่ได้ที่เม้มปากยิ้มกริ่ม “คุณหนูใหญ่ไปจวนอ๋องก็อย่าอ่านตำราจนเพลินนะเจ้าคะ” เดิมทีนางไม่ค่อยพูดจา เพราะหลายวันมานี้ตระเตรียมงานแต่ง วิ่งเข้าวิ่งออกเรือนหยิงฝูตลอดวัน คงติดเชื้อนิสัยของคุณหนูใหญ่มาไม่มากก็น้อย นิสัยจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง เริ่มเอ่ยวาจาหยอกเย้าอย่างหาได้ยาก
“อนุสามพูดเช่นนี้แล้ว” ชูซย่าเดินออกมาจากด้านนอกม่านลูกปัด ยิ้มพลางส่งใบรายการให้ฮุ่ยหลาน “หากว่าที่ลูกเขยไม่สามารถยกโทษต่อเรื่องนี้ได้ ไหนเลยคุณหนูใหญ่ของพวกเราจะชื่นชมเล่า! เอาละ ก็ตามใบรายการนี้ รบกวนอนุสามให้บ่าวบรรจุใส่เอาเถิด”
“ได้สิ เชี่ยเซินผู้นี้จะไปจัดการให้เอง” ฮุ่ยหลานรับใบรายการมา พร้อมกับพยักศีรษะขานตอบ
การเรียงลำดับใบรายการอย่างดีทุกครั้งในสองสามวันมานี้ ก็ได้ฮุ่ยหลานรับผิดชอบบรรจุใส่ทั้งนั้น ทำได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ละเอียดเป็นอย่างยิ่ง ช่วงแรกอวิ๋นหว่านชิ่นเคยให้ชูซย่าแอบตรวจดู ฮุ่ยหลานผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่โดยแท้จริง สินสอดราคาแพงผ่านมือนางมามากมาย เข้ามาเท่าไร ออกไปเท่าไร ล้วนไม่เคยตบตาเอาเปรียบแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ทุกครั้งยามที่ปิดบรรจุของมีค่าราคาแพง นางก็จะยืนข้างๆ ตรวจสอบควบคุมด้วยตัวเอง ไม่ละสายตาแม้แต่ชั่วครู่เดียว และไม่ยืมมือผู้อื่นทำเพื่อตนเองแม้แต่น้อย
ในขณะนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นฮุ่ยหลานจะเดินไป จึงพูดว่า “แม่เล็กรอเดี๋ยวก่อน”
ฮุ่ยหลานคิดว่าคงยังมีคำสั่งอื่นๆ จึงยืนนิ่งไม่ขยับ
อวิ๋นหว่านชิ่นหยิบสร้อยข้อมือลูกปัดอำพันสีทองรูปพระสังกัจจายน์เส้นหนึ่งจากกล่องใส่สินติดตัวเจ้าสาว แล้วเดินออกมานอกม่านลูกปัด คว้ามือนางขึ้นมา สวมใส่ให้นางด้วยตนเอง ฮุ่ยหลานสะดุ้งโหยง ดึงสร้อยข้อมือทองออกอย่างรีบร้อน “คุณหนูใหญ่จะทำอะไร”
อวิ๋นหว่านชิ่นถอนใจ นิสัยคนก็ยังต่างราวกับฟ้าดิน บางคนเป็นพวกโลภมากลาภหาย ไม่ใช่ของตัวเองก็ยังจะปล้นมา บางคนก็กลับเป็นผู้มีจิตใจดีงามมากไปหน่อย อาจจะแค่บ่นอู้อี้ยามทำงานบ้าง สวัสดิการนิดหน่อยก็ไม่ต้องการ ไยคนซื่อสัตย์จะต้องทนทุกข์ด้วย ไยพวกประจบสอพลอชอบเลียแข้งเลียขาถึงได้ดี! นางเพียรพยามจะทำลายวงจนอุบาทนี้! อย่างน้อยก็ในที่ของนาง!
ชูซย่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อนุสาม หลายวันมานี้เจ้าช่วยคุณหนูใหญ่เตรียมงานแต่ง รบกวนแล้ว นี่เป็นของขวัญที่คุณหนูมอบให้เจ้า เจ้าก็รับไว้อย่างสบายใจเถิด”
ฮุ่ยหลานถึงกับงงงัน อวิ๋นหว่านชิ่นใช้โอกาสนี้ คล้องสร้อยข้อมือให้ พอสวมเสร็จแล้วฮุ่ยหลานก็คิดจะรีบถอดออกทันที “คุณหนูใหญ่ เรื่องการตระเตรียมพิธีสมรสเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจี้ยนเชี่ย เหตุใดถึงมอบสร้อยมือราคาแพงแก่เชี่ยเซินเล่า ตระกูลอวิ๋นซื้อเชี่ยเซินมา ให้เชี่ยเซินมีฐานะ อยู่ดีกินดี ไม่ต้องผ่านพ้นวันที่ไม่มีบ้าน เชี่ยเซินรู้จักพอในสิ่งที่มีแล้ว ไหนเลยจะของขวัญได้รับอีก! ไม่ได้การแล้ว ชูซย่า เจ้ารีบมาช่วยข้าถอดออก ยังต้องให้คุณหนูใหญ่…”
อวิ๋นหว่านชิ่นส่ายศีรษะ ยิ้มพูดว่า “หากจะดึงออกก็ขาดเลย นี่คือสร้อยข้อมือทอง หาใช่ทำจากเหล็กไม่”