บทที่ 837 หุ่นซอมบี้แบบใหม่

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 837 หุ่นซอมบี้แบบใหม่ Ink Stone_Fantasy

“ใช่แล้ว คนพวกนี้ไม่เพียงเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ แถมยังเป็นนักรบผู้มากประสบการณ์อีก…ภารกิจของพวกเขาไม่ใช่ช่วยเหลือพวกเรา แต่ในเมื่อพวกเขามาแล้ว ก็ย่อมไม่มีทางกลับไปมือเปล่า…พี่ชาย เรื่องที่ผมรู้ก็มีอยู่แค่นี้ ความจริงฐานะสมาชิกอย่างผม ไม่มีค่าให้เป็นตัวประกันสำหรับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!ดังนั้นถึงแม้จะเอาผมไปเจรจาต่อรองก็ไม่มีประโยชน์ สู้ทิ้งผมไว้ที่นี่ แล้วพวกพี่ก็รีบหนีไปดีกว่า…” จางเฉิงฮุยพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์

หลิงม่อเมินคำพูดท่อนท้ายๆ ของเขา พลางครุ่นคิดในใจ “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสามารถส่วนบุคคลของคนพวกนี้ แค่อาวุธจำนวนมากขนาดนั้นก็ถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงมาก…ไหนๆ ก็เผชิญหน้ากันแล้ว อย่างน้อยก็ต้องทำความเข้าใจอีกฝ่ายก่อนจะสู้กัน โดยเฉพาะเจ้าผู้มีพลังจิตนั่น ยิ่งสมควรต้องหยั่งเชิงพลังเขาก่อน…แต่ต้องถ่วงเวลาถึงสิบห้านาที ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ…”

“เอาเป็นว่า พวกเราไปรวมตัวกับทางสวี่ซูหานแล้วไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ขอเพียงเข้าสู่เขตป่ารกทึบ การไล่ล่าของพวกเขาก็จะมีอุปสรรคเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่ว่าจะสลัดพวกนั้นจนหลุด หรือต้องผลัดรับผลัดสู้ ก็ล้วนต้องทิ้งระยะห่างกับพวกเขาระดับหนึ่ง” หลิงม่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

เหล่าเจิ้งลังเลเล็กน้อย แล้วเขาก็ถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันไปหาพวกหวังหลิ่นก่อน…อีกเดี๋ยวเจอกัน”

หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว แล้วหันไปมองพวกเย่เลี่ยน บอกว่า “พวกเราก็ไปกันเถอะ”

“พี่ชาย จะไม่คิดดูอีกทีจริงๆ หรอ?! นี่ผมเป็นห่วงพวกพี่นะเนี่ย…” จางเฉิงฮุยน้ำตานองหน้า ตะโกนไล่หลังเขา

…………

ขณะเดียวกันนั้น ณ ถนนร้างอีกเส้นหนึ่งในตำบลเล็กๆ แห่งเดียวกัน

หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดเร่าร้อนคนหนึ่งกำลังแบกปืนยิงระเบิดที่ควันยังไม่ทันจางหายไปไว้บนไหล่ และค่อยๆ ลุกขึ้นยืนในขณะที่ตายังคงจ้องมองไปข้างหน้า เธอตัวเล็ก แต่กลับสามารถแบกปืนยิงระเบิดกระบอกนั้นไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็มีปืนพกอยู่ บริเวณเอวยังมีกริชยาวๆ เสียบไว้หนึ่งเล่ม เมื่อผสมผสานกับเสื้อผ้าสีแดงเพลิงบนตัวเธอ ทำให้ดูสะดุดตาไม่น้อย

เมื่อฝุ่นละอองค่อยๆ จางไป หมอกจางๆ ที่ปกคลุมถนนเส้นนี้ก็ราวกับถูกแหวกอออก ปรากฏเป็นช่องว่าง เมื่อหมอกควันม้วนตัวออกไปยังสองข้างทาง ช่องว่างนี้ก็ได้เผยให้เห็นสภาพเดิมของถนนอย่างช้าๆ

หลังแนวกำแพงที่พังไปครึ่งส่วน คือถนนรกร้างเส้นหนึ่ง…เมื่อมองไปตามถนนเส้นนี้ ก็จะพบว่าด้านหน้าเป็นที่ตั้งของตึกแห่งนั้นพอดี…

“วิธีนี้ได้ผลจริงๆ ด้วย” หญิงสาวหยักยิ้มมุมปาก พร้อมพูดขึ้น

ด้านหลังเธอ มีชายหนุ่มสวมชุดลำลองคนหนึ่งเดินออกมา คนคนนี้รักษาระยะห่างกับเธอโดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันก็ยกมือปัดฝุ่นบนไหล่เล็กน้อย พูดเสียงราบเรียบว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว! ธรรมชาติพื้นฐานของโลกมายาต้องอาศัยการมีอยู่ของความเป็นจริงอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับพวกเรา วิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ก็คือการใช้แรงกระทำจากภายนอกทำลายที่นี่ซะ…วิธีนี้ ใช้ได้กับพวกหลิงม่อเหมือนกัน”

“งั้นหรอ?” หญิงสาวพูดรัวเร็ว แล้วแสยะยิ้มอย่างเหม่อลอย อยู่ๆ ก็หรี่ตา แล้วบอกว่า “อืม…ดูเหมือนทางนั้นจะเกิดเรื่องแล้วนะ?”

กลางดึก ตึกหลังนั้นยังคงถูกฝุ่นและควันโขมงปกคลุม แต่ถ้าหากไม่ใช่คนที่มีความสามารถในการมองเห็นที่โดดเด่นเหนือผู้อื่น ก็ยากที่จะมองเห็นภาพนี้ชัดเจนจากที่ไกลๆ

“ไคลี่ อย่าลืมภารกิจของเราล่ะ อีกอย่าง เธอช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหม…”

ชายหนุ่มกวาดตามองเธอหนึ่งรอบ แต่หญิงสาวนามไคลี่กลับหัวเราะ “คิกคิก” สีหน้าเหม่อลอยในตอนแรกดูกระหายเลือดขึ้นมาทันที…เธอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากสีแดงชาด บอกว่า “โทษที ฉันก็แค่ตื่นเต้นไปหน่อย…แต่นายไม่เห็นต้องตื่นตูมเลยนี่ เอาเป็นว่าเป้าหมายของพวกเรา มีแค่หลิงม่อกับผู้หญิงของเขาสินะ? อีกอย่างหัวหน้าทีมก็บอกแล้ว ถ้าสุดวิสัยจริงๆ เก็บหลิงม่อไว้คนเดียวก็ได้ ขอให้เขายังพูดได้ก็พอ…”

“ท่าทีอย่างนี้ของเธอ ขออย่าให้มันกระทบถึงภารกิจเลย…ช่างเถอะๆ พูดกับเธอไปก็ไม่มีประโยชน์” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“หัวหน้าทีมยังไม่ว่าอะไรเลย ทำไมนายต้องคิดมากด้วย?” ไคลี่ว่า จากนั้นก็หันไปมองตึกหลังนั้นอีกครั้ง “คิดว่าฉันโหดร้ายน่าขยาดงั้นหรอ? แต่พูดกันตามจริง ทุกคนก็เหมือนกันหมดไม่ใช่หรอ? ในเรื่องนี้ ซอมบี้กลับซื่อสัตย์กว่ามนุษย์มาก พวกมันล่ามนุษย์ และก็ล่าพวกเดียวกันด้วย ดังนั้นพวกมันถึงได้วิวัฒนาการเร็วกว่าพวกเรา แต่มนุษย์ล่ะ? ทั้งๆ ที่กำลังทำเรื่องอย่างเดียวกัน แต่ปากกลับไม่ยอมรับ…”

“เธอเอาอีกแล้วนะ…เฮ้อ เอาเถอะ พวกเราไปดูหน่อยแล้วกัน ไม่แน่ว่าพวกนั้นอาจจะยังไม่ไปไหน” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักหน่วง แล้วพูดพร้อมส่ายหน้า

ส่วนไคลี่ เธอเงยหน้ามองไปยังทิศที่ตั้งของฟอลคอนที่ 2 แล้วลอบหัวเราะเงียบๆ พลางเดินตามชายหนุ่มไป

ด้านหลังพวกเขา คือสมาชิกทีมทำลายล้างอีกสิบแปดคนที่ไม่พูดไม่จา สำหรับบทสนทนาเมื่อกี้ของทั้งสองคน พวกเขาราวกับไม่ใส่ใจซักนิด…

…………

หลังจากที่พวกหลิงม่อแยกตัวกันได้ไม่นาน ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากร้านค้าข้างทาง

เงาร่างนั้นค่อมตัวเล็กน้อย ศีรษะเอนเอียงไปด้านข้าง เพียงขยับตัวเล็กน้อย เสียง “กร๊อบแกร๊บๆๆ” ก็ดังไม่หยุด ร่างกายที่แขนขาดไปหนึ่งข้างดูโงนเงนเล็กน้อย แต่เมื่อเงาร่างนั้นเงยหน้ามองไปข้างหน้า ก็เผยให้เห็นดวงตาเหลือกขาวที่กลายเป็นสีแดงก่ำน่าสะพรึงกลัวคู่นั้น…หลังจากที่ก้มหน้ามองบาดแผลตัวเองอย่างติดๆ ขัดๆ เขาก็ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อครึ่งหนึ่งออก เผยให้เห็นบาดแผลที่ต้นแขนชัดเจน

บาดแผลยังไม่หายดี แต่เลือดกลับหยุดไหลแล้ว แต่เนื้อส่วนนั้นยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง เหมือนมีบางสิ่งกำลังค่อยๆ มุดเข้าไปในส่วนลึกของร่างกาย แขนที่เหลือครึ่งท่อนของเขาเริ่มมีหลอดเลือดสีแดงเข้มยื่นออกมาทีละเส้นๆ และลามจากแขนไปทั่วร่างกาย ทุกครั้งที่บาดแผลหดตัว ร่างกายทั้งร่างของเขาก็จะถูกหลอดเลือดปกคลุม ราวกับมีเส้นอะไรบางอย่างเลื้อยขึ้นลงทั่วร่างเขา…

“เจี๊ยบ”

ประกายแสงสีแดงพุ่งออกมาจากเส้นผมของเขา จากนั้นก็ค่อยปีนป่ายจากใบหน้าเขาไปจนถึงไหล่

“อึกอึก…” หลังจากที่เงาร่างนั้นนิ่งไปหลายวินาที ในที่สุดเขาก็อ้าปาก จากนั้นก็ค่อยๆ หันไปมองยังทิศที่ตั้งของตึกหลังนั้น ในเสี้ยววินาทีที่หลอดเลือดปรากฏ ส้นเท้าของเงาร่างนั้นก็สัมผัสกับพื้น แล้วมันก็ไปปรากฏตัวในจุดที่ห่างออกไปห้าเมตร…

“ตามคาด…ถ้าเอาก้อนไวรัสเหนียวหนืดมาใช้ทั้งแบบกินและแบบใช้ภายนอก ก็จะสามารถเร่งการกลายพันธุ์ได้ อาจเป็นเพราะไม่มีจิตใต้สำนึกของตัวเอง ดังนั้นจึงกลายพันธุ์ได้เร็วกว่าที่เราคิดไว้มาก แต่ผลข้างเคียงก็ยังเห็นได้ชัดมาก ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ร่างกายร่างนี้ก็คงจะแหลกสลายเพราะวิวัฒนาการเร็วเกินไป…และในระหว่างที่เน่าสลาย มันก็จะเริ่มต้นจากข้างใน”

เงาร่างนั้นพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พลางยกมือนวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

หนวดสัมผัสทางจิตเส้นหนึ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่ออกไปจากตรงนี้ จากนั้นก็สอดเข้าไปในตัวเจ้ามาสเตอร์บอล…หลังจากที่ร่างกายนี้ของชายแว่นดำผ่านการปรับโครงสร้าง มันก็ได้กลายเป็นหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อ แต่เมื่อเทียบกับหุ่นซอมบี้ทั่วไปแล้ว หุ่นซอมบี้ตัวนี้กลับมีลักษณะเด่นที่ต่างออกไป…

“ฟอลคอนสนใจเรามากกว่า…แต่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่?” หลิงม่ออดไม่ได้ที่จะคิดใคร่ครวญหาคำตอบ

สองนาทีต่อมา มันได้กลับมาอยู่บริเวณใกล้ๆ ตึกหลังนั้น…

………..

“อืม…กลิ่นหลังระเบิด” ด้านหน้าอาคาร ไคลี่สูดจมูกฟุดฟิด จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม “ข้างในมีกลิ่นหอมของเลือดและเนื้ออยู่ด้วย…ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ถูกระเบิดกระจุย น่าลุ้นจริงๆ เลย!” น้ำเสียงของเธอดูมีความสุขกว่าปกติ อารมณ์ก็ดูเหมือนจะพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วย

ชายหนุ่มมองเธอด้วยสีหน้าตึงเครียด บอกว่า “ไปเถอะ เข้าไปดูกัน”

ทว่าในตอนนั้นเอง เขากลับชะงักเท้า แล้วเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนของตึก

“เป็นอะไรไป?” ไคลี่ถามอย่างสงสัย

ชายหนุ่มจ้องมองหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วตอบว่า “ไม่มีอะไร อาจยังมีคนเหลือรอดอยู่”

“อะไรกัน น่าเบื่อจริง…” ไคลี่หมดสนุก เธอโบกมือนำกลุ่มคนเดินเข้าไป “ไปเถอะ เข้าไปดูเจ้าพวกโง่ที่ถูกกำจัดกัน แล้วก็…เข้าไปดูหน้าตาลูกสมุนของเหยื่อของพวกเรา”

—————————————————————————–