ตอนที่ 710 มีแต่เรื่องสนุกโต้กันไปมา

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

แบบนี้หรอกถึงจะเป็นสไตล์ของอดีตหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา ซึ่งก็คือสามีอาจารย์ของเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

จูเต๋อซีหัวเราะ “เขาก็ไม่ได้พูดสวยหรูเหมือนที่ฉันพูดหรอก ฉันแค่ตกแต่งคำพูดเล็กน้อย แต่ความหมายก็ประมาณนั้นแหละ” 

 

 

ปกติเขาเถียงกับอวี๋หมิงหลางจนชิน แต่วันนี้จูเต๋อซีไม่ต่อปากต่อคำแล้ว ก่อนที่อวี๋หมิงหลางจะอ้าปากแซะเขา จูเต๋อซีหันไปมองชั้นหนังสือของอวี๋หมิงหลางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผูกพัน 

 

 

ดูพิเศษมาก เพราะบนนั้นไม่ได้วางอะไรเลย 

 

 

“ตรงนี้นายเอาไว้วางเกียรติประวัติของหน่วยเสินเจี้ยนใช่ไหม” จูเต๋อซีรู้จักอวี๋หมิงหลางดี เพราะถ้าเขาไม่ได้ออกจากหน่วย ถ้าเขายังเป็นคู่หูของอวี๋หมิงหลาง เขาเองก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน 

 

 

“สักวันหนึ่งตรงนั้นจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของทหารของฉัน” อวี๋หมิงหลางพูดเต็มปากเต็มคำ หน่วยเสินเจี้ยนของเขาจะต้องกลายเป็นหน่วยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทหารบก 

 

 

“แน่นอน ฉันเชื่อในตัวนาย นายทำได้แน่นอน” 

 

 

“นายไม่เถียงฉัน ฉันไม่ชินเลยว่ะ” 

 

 

“เถียงกันมาตั้งหลายปีถึงเวลาควรหยุดแล้ว One ฉันต้องไปแล้ว นายตั้งใจทำงานให้ดี เพราะนายไม่ใช่แค่ตำนานของทหารบก นายยังเป็นOneที่ไม่มีวันถอดสีในใจของฉันด้วย” 

 

 

“ขนลุก…” อวี๋หมิงหลางทำปากจู๋ จูเต๋อซีโบกมือให้เขา 

 

 

“ไม่ต้องส่งหรอก ยังไงอีกไม่กี่วันฉันก็ยังกลับมา ถึงตอนนั้นฉันกับสุ่ยเซียนก็คงต้องมาขอกินข้าวบ้านนาย อีกหน่อยยังมีโอกาสได้เจอกันอีก” 

 

 

แต่จูเต๋อซีรู้ว่า ต่อให้อีกหน่อยเขากับครอบครัวอวี๋หมิงหลางจะมีโอกาสได้เจอกันบ่อย แต่เขาก็ไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว และก็ไม่ใช่คู่หูของอวี๋หมิงหลางแล้วด้วย เขากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยบทบาทของสามีนักธุรกิจ 

 

 

ตอนออกไป จูเต๋อซีได้ยินอวี๋หมิงหลางคนที่ลับฝีปากกับเขามาหลายปีโดยไม่เคยไว้หน้าเขาสักนิดพูดลาอย่างเป็นทางการ 

 

 

“เพื่อนทหารเก่า ไว้กลับมาเยี่ยมบ่อยๆนะ” 

 

 

จูเต๋อซีแค่ส่งเสียง อืม ออกมา เขาไม่กล้าหันไปมอง กลัวว่าอวี๋หมิงหลางจะเห็นน้ำตาของเขา 

 

 

ลาก่อน กองทัพ 

 

 

… 

 

 

อาหารมื้อนี้เสี่ยวเชี่ยนกินอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน มีละครให้ดูให้ฟังตลอดมื้อ 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นการต่อกรกับอาเหม็ดหรือเผชิญหน้ากับครอบครัวแฟนของหลิวเหมยที่ตรรกะประหลาด สมองของเสี่ยวเชี่ยน ออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย 

 

 

หลังจากที่เธอเล่นต่อเพลงกับสุ่ยเซียน แกล้งทำเป็นบอกเบอร์อวี๋หมิงหลางให้อาเหม็ดได้รู้ อาเหม็ดก็หายไปนานเลยทีเดียว 

 

 

ไม่รู้ว่าไปซื้อโทรศัพท์ใหม่หรือสูบบุหรี่เพื่อสงบจิตสงบใจ 

 

 

กินข้าวเสร็จแล้วแต่เสี่ยวเชี่ยนกลับไม่รีบร้อนออกไป 

 

 

เธอสั่งน้ำชามาหนึ่งกาแล้วนั่งดื่มกับสุ่ยเซียนพลางฟังเสียงของครอบครัวพิลึกที่ดังลอยมา 

 

 

หลังจากที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนจัดไปหนึ่งชุดหน้าห้องน้ำ ครอบครัวนั้นก็ยังไม่รู้จักจำ กลับไปที่โต๊ะคุยเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าดูจงใจให้เสี่ยวเชี่ยนได้ยิน 

 

 

ประเด็นหลักๆก็คือเรื่องลูกชายที่แสนมีอนาคต มากความสามารถ ดูอยากล้างภาพที่เสี่ยวเชี่ยนดูถูกเรื่องไม่มีปัญญาซื้อบ้านเอง 

 

 

ชมลูกชายตัวเองอยู่สักพัก พอเห็นทางด้านเสี่ยวเชี่ยนไม่มีการเคลื่อนไหว ทางนั้นก็เลิกโม้เรื่องลูกชาย เปลี่ยนไปคุยเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้ 

 

 

ผลัดกันจับผิด วิจารณ์ฝ่ายหญิงเสียจนไม่มีชิ้นดี สรุปได้สั้นๆก็คือ ลูกชายของพวกเขาแต่งกับผู้หญิงคนนี้เสียเปรียบเป็นอย่างมาก 

 

 

สุ่ยเซียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา 

 

 

“แบบนี้ดูเหมือนสู้อาเหม็ดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” 

 

 

ถึงอาเหม็ดอยากใช้ประโยชน์จากกำลังทรัพย์ของครอบครัวเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักเก็บซ่อนความต้องการของตัวเองไว้ในใจ ปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดมาอยู่ข้างๆเธอ ตอนที่ความจริงเปิดเผยก็ยังรู้จักเก็บซ่อนอารมณ์ ถ้าประธานเชี่ยนไม่ขัดจังหวะบ่อยๆเขาก็คงพูดจาแต่งเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีอยู่บ้าง อย่างเช่น นับตั้งแต่เจอสุ่ยเซียน เขาก็เก็บไปฝันไม่หยุด ยอมเสียสละตัวเองมาเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัก—ในเงินของสุ่ยเซียน 

 

 

แต่ครอบครัวนี้แม้แต่ขั้นตอนแสร้งทำตัวเป็นคนดีก็ตัดทิ้ง ด้านหนึ่งอยากได้บ้านของหลิวเหมย อีกด้านก็เอาแต่ดูถูกหลิวเหมย สุ่ยเซียนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ 

 

 

“เชี่ยนเอ๋อ เธอลองวิเคราะห์ในมุมจิตวิทยาให้ฟังหน่อยว่าคนแบบนี้จิตใจเป็นแบบไหน” 

 

 

“ผู้ชายกับครอบครัวที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ไม่เคยคิดจะขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝ่ายหญิงนำมาให้ หรือถึงขนาดที่รู้สึกว่าฝ่ายหญิงต่ำต้อย ซึ่งสาเหตุของทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะคิดว่าผู้ชายมีเสน่ห์เกินไป มีความสามารถมากเกินไป หากจะใช้ความคิดของคนปกติมาสรุปความคนพวกนี้ล่ะก็คงได้สองแบบ หนึ่งคือน่าขยะแขยง สองคือ ไม่เข้าใจว่าทำไมโลกนี้มีคนแบบนี้อยู่ด้วย ดังนั้นยินดีด้วยนะที่เธอยังเป็นคนปกติ” 

 

 

คนที่น่ารังเกียจไม่มีทางหายไปเพียงเพราะคนอื่นเกลียดพวกเขา รอบตัวเรามักจะมีคนที่น่ารังเกียจเสมอ นี่แหละชีวิต 

 

 

ครอบครัวนี้คุยวนเวียนแค่สามเรื่องคือ บ้านจะเป็นของใคร ให้ผู้หญิงซื้อรถ ดูถูกฝ่ายหญิง ผู้หญิงที่ตกเป็นขี้ปากของคนพวกนี้ยังไม่ปรากฏตัว ครั้นแล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนอีกครั้ง 

 

 

“เสี่ยวชิง ต่อไปจะหาแฟนต้อเอาคนที่มีรถมีบ้านนะ อย่าให้เหมือนผู้หญิงที่พี่แกหามาคนนี้ อยากแต่งงานยังต้องให้พวกเราช่วยออกเงินอีก” หญิงสูงวัยพูด 

 

 

เอาว่าที่ลูกสะใภ้ไปเทียบลูกสาวตัวเองอย่างชัดเจน มองลูกสาวคนอื่นเป็นพวกไร้สมอง มีแค่ลูกสาวตัวเองเท่านั้นที่ฉลาด สุ่ยเซียนอดไม่ได้ที่จะอึ้งกับการวิเคราะห์คนของเสี่ยวเชี่ยนที่แม่นยำมาก เหมือนที่ประธานเชี่ยนพูดไว้ไม่มีผิด ประธานเชี่ยนแม่นยิ่งกว่าหมอดู 

 

 

ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนจิบชา มุมปากถูกยกขึ้นให้ความรู้สึกเหมือนประชด 

 

 

ไม่ใช่ว่าเธอดูคนแม่นอะไรหรอก แต่เป็นเพราะงานของเธอต้องเจอคนหลากหลายแบบ และหนึ่งในนั้นก็ย่อมมีคนแบบนี้เป็นปกติ 

 

 

หัวใจที่รู้จักตอบแทนใช่ว่าทุกคนจะมีหมด คนประเภทที่มีมากกว่าก็คือ ทำกับข้าวให้กิน พอวางชามก็ยังแว้งกลับมาด่า 

 

 

“นี่ตั้งกี่โมงแล้วทำไมยังไม่มาอีก เสี่ยวชิง แกออกไปโทรถามซิว่าไปตายอยู่ที่ไหน” หญิงสูงวัยกินอิ่มแล้ว พอเห็นฝ่ายหญิงยังไม่มาอีกก็โมโหยิ่งกว่าเดิม 

 

 

หรือไม่อยากเลี้ยงข้าวพวกเธอแล้ว แบบนี้ก็เกินไป ว่าที่แม่สามีมาหาวันแรก ไม่ไปรับที่สถานีรถไฟก็ว่าเกินไปแล้ว นี่มาเลี้ยงข้าวก็ยังมาช้าอีก 

 

 

“แบตมือถือหนูหมดแล้วแม่” 

 

 

สาวตาโปนที่ชื่อเสี่ยวชิงยืนขึ้นจะออกไปโทรศัพท์ ตอนที่เดินผ่านโต๊ะเสี่ยวเชี่ยน ประธานเชี่ยนที่รออยู่ตลอดยืนขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ 

 

 

“ใช้ของฉันโทรสิ” 

 

 

เสี่ยวชิงอึ้ง แต่ก็รับมาทันที 

 

 

อยู่ๆก็ยื่นมาให้ใช้เอง แต่ก็ไม่ขอบคุณ สาวตาโปนคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนแค่รู้สึกผิดที่เมื่อกี้ว่าเธอ—นี่คือความคิดของครอบครัวนี้จริงๆ 

 

 

เสี่ยวชิงหยิบสมุดโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์แล้วกด จากนั้นจอสีก็ขึ้นชื่อหลิวเหมยพร้อมรูป 

 

 

เสี่ยวชิงเห็นหน้าจอสีไม่เหมือนกับจอฟ้าของตัวเอง เธอคิดในใจว่าหรือนี่จะเป็นโทรศัพท์เทคโนโลยีขั้นสูงที่มองเห็นกันได้ ทำไมแค่ใส่เบอร์ก็ขึ้นชื่อกับรูปให้เลย 

 

 

โทรติดไวมาก 

 

 

“พี่สะใภ้ ตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอก มีอะไรเหรอคะ” เสียงของหลิวเหมยดังลอดมาตามสาย 

 

 

“เธอเรียกใครน่ะ ฉันเสี่ยวชิง” 

 

 

“เสี่ยวชิง” หลิวเหมยตกใจ โทรศัพท์ของพี่สะใภ้เธอทำไมไปอยู่กับเสี่ยวชิงได้ 

 

 

“แม่ถามเมื่อไรเธอจะมา พวกเรารอนานแล้วนะ” 

 

 

“ฉันใกล้จะถึงแล้ว ทำไมโทรศัพท์ของพี่สะใภ้ฉันไปอยู่กับเธอล่ะ” 

 

 

“พี่สะใภ้…” สาวตาโปนไม่เข้าใจ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโบกมือให้ “สวัสดีจ้ะ ฉันเป็นพี่สะใภ้ของหลิวเหมย ก็อยู่หลิวเหมยคนที่พวกเธอบอกว่าไม่มีอนาคต แต่งงานยังต้องใช้เงินคนอื่น พี่ชายเธอยอมแต่งด้วยก็นับเป็นเกียรติแห่งวงศ์ตระกูล คนที่โตมากับผู้ชายเป็นฝูงน่าสงสัยว่าจะไม่บริสุทธิ์ คนนั้นแหละจ้ะ” 

 

 

ทั้งโต๊ะนั่งกันตัวแข็ง