เล่มที่ 9 บทที่ 265 ข่าวลืออื้อฉาว

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

นับตั้งแต่ตอนที่หลงเทียนอวี้ตื่นนอนในตอนเช้า เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

อย่างแรก เหล่าเสี่ยวซีที่คอยรับใช้เขาเริ่มถอนหายใจตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่เขามิได้หันไปมอง คนเหล่านั้นต่างพากันส่ายหน้า

อย่างที่สอง หลินเมิ้งหยาที่เคยตื่นนอนตั้งแต่ฟ้าสาง วันนี้กลับเลือกที่จะขลุกตัวอยู่ในห้อง

แม้งานในจวนจะเริ่มน้อยลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็มีน้อยครั้งนักที่นางจะนอนอุดอู้อยู่แต่ในห้อง ฉะนั้นหลงเทียนอวี้ที่คิดจะเตรียมตัวไปปรึกษาเรื่องสำคัญกับพวกขุนนางในราชสำนักจึงเลือกที่จะอยู่รับประทานอาหารเช้าที่นี่และยังคงอยู่ในตำหนักของนาง

แต่เพราะอากาศในตำหนักอุ่นเกินไป ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ย้ายกระดาษและหมึกทั้งหลายไปที่ศาลาเล็กในสวน ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งได้รู้ว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

บริเวณรอบๆ ศาลาเล็กล้วนมีธารน้ำไหลผ่านจากด้านนอก อุณหภูมิอันแสนอบอุ่นของน้ำทำให้อากาศเย็นของศาลาเล็กหายไป

เพราะเหตุนี้เมื่อหลายวันก่อนชิงหูและเสี่ยวอวี้จึงแอบไปอาบน้ำที่สระของเขาอย่างนั้นสินะ ที่แท้พวกเขาก็ต้องการทำเช่นนี้นี่เอง

ยิ่งไปกว่านั้น แม้หิมะจะตกแต่ดอกไม้ในสวนแห่งนี้กลับยังบานสะพรั่ง พวกเขาใส่ใจมากเลยทีเดียว

ยากมากที่จะละสายตาออกจากสวนในตำหนักของหลินเมิ้งหยา ตอนนี้เองที่สายตาพลันเหลือบไปเห็นศีรษะเล็กๆ โผล่ออกมา

เขารู้จักเจ้าของศีรษะนั้นดี นางคือสาวใช้ที่ไม่เคยออกห่างหลินเมิ้งหยา ดูเหมือนป๋ายจื่อจะกำลังมองมาที่เขา

หลงเทียนอวี้แสร้งไม่ใส่ใจ ก่อนจะพลิกอ่านเอกสารในมือ ทั้งที่จริงแล้วความสนใจของเขาตอนนี้อยู่ที่ประตูห้องของหลินเมิ้งหยา

นางคิดจะทำอะไรกันแน่?

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านอ๋องกำลังอ่านหนังสืออยู่ในศาลาเล็ก พระองค์ไม่มีเวลามาสนใจพวกเราหรอก นายหญิงให้ข้าไปแอบดูดีหรือไม่เจ้าคะ?”

หลินเมิ้งหยาเพิ่งรู้ว่าสาวใช้ของตนก็หลงใหลในการนินทาเรื่องชาวบ้านเช่นเดียวกัน

เมื่อคืนนางเพียงแค่เอ่ยว่าวันนี้จะมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแต่เพียงเท่านั้น พวกนางกลับรีบรบเร้าไถ่ถามว่าเรื่องอะไร

หลินเมิ้งหยารู้สึกช่วยไม่ได้ เหตุใดพวกนางจึงไม่รู้จักคำว่ารอคอยกันบ้างนะ

“อย่าเลย เจ้าอยู่ที่นี่นั่นแหละ ข้าสั่งให้ผอจื่อของตำหนักเราไปรอท่าอยู่ที่หน้าประตูจวนแล้ว วางใจเถิด หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเราจะได้รู้เป็นคนแรกอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ความสนุกก็จะบังเกิด”

ป๋ายซ่าวเคาะหน้าผากป๋ายจื่อ พวกนางแสดงท่าทางกรุ้มกริ่มจนหลินเมิ้งหยาไม่มีกะจิตกะใจอ่านหนังสือ พวกนางคงไม่รู้หรอกว่าอันที่จริงหลินเมิ้งหยาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ชาและเมล็ดทานตะวันถูกตระเตรียมเอาไว้หมดแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอเวลาเท่านั้น

เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ผอจื่อที่ถูกส่งไปเฝ้าประตูก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา สีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจราวกับเก็บเงินเก็บทองได้อย่างไรอย่างนั้น

“ไอหยา แย่แล้ว ดีจริงๆ ที่นายหญิงไม่อยู่ วันนี้จวนของเราเกิดเรื่องน่าขายหน้าขึ้นแล้ว”

ผอจื่อไม่คาดคิดว่าหลงเทียนอวี้จะนั่งอยู่ในศาลา ดังนั้นเขาจึงได้ยินเสียงสนทนาจากภายในอย่างชัดเจน

“พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น วันนี้ข้าไปยืนเฝ้าประตูตามคำสั่งของแม่นางป๋ายซ่าว แต่เพียงข้าเดินไปถึง จู่ๆ คณิกาชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดเหมือนพวกโสเภณีก็วิ่งโร่เข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนก ตอนนั้นข้าคิดเพียงแค่ว่าจวนอวี้หาใช่สถานที่ที่คนนอกจะเข้ามาได้ ดังนั้นจึงสั่งให้เขาหยุด พวกเจ้าลองเดาเถิดว่าเขาพูดเช่นไร? เขาเล่าว่าเมื่อคืนคุณหนูเจียงไปหาคณิกาชายที่มีชื่อเสียงที่สุดในหอนางโลมของพวกเขา แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ใครจะรู้เล่าว่าว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหนูเจียงเองก็ชอบพอคณิกาชายคนนั้นอยู่ บังเอิญทั้งสองได้พบกันเมื่อคืน คิก คิก ได้ยินมาว่าตอนที่ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหนูเจียงเข้าไปเจอ ทั้งสองคนนั้นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ ไอหยา ไอหยา ทั้งสองคนก็เลยตบตีกัน พอเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คณิกาชายจากหอนางโลมก็เลยวิ่งแจ้นมาแจ้งข่าวให้ทราบ”

ภายในสวน ผอจื่อยังคงเล่าเสียงเจื้อยแจ้ว คนที่ได้ฟังปิดปากหัวเราะคิกคัก

หลินเมิ้งหยาพลิกหนังสือตรงหน้าของตนเอง แม้ใบหน้าจะยังคงสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

นางเป็นคนจัดการเรื่องเมื่อคืนเอง เพียงแต่นางจัดการอย่างลับๆ จึงไม่มีใครสงสัย

ในสายตาของคนภายนอก เจียงหรูฉินเสมือน “เข้าหา” ผู้ชายก่อน

ชิงหูเล่าว่าคณิกาชายคนนั้นเป็นคนที่มีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งนัก แต่น่าเสียดาย แม้นางจะไม่อยากปล่อยเจียงหรูฉินไป ทว่านางก็ไม่อาจทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ได้

แต่แน่นอนว่าจะต้องมีฉากกอดรัดฟัดเหวี่ยงให้เห็น นางอุตส่าห์เสียเงินเสียทองไปมากมายเพื่อซื้อตัวเขาหนึ่งคืนเต็ม เช่นนั้นก็ต้องใช้งานให้คุ้มค่าหน่อยมิใช่หรือ?

ข่าวลืออื้อฉาวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนในเมืองหลวงกินอาหารเช้าเสร็จ ข่าวนี้ก็แพร่ไปจนรู้กันอย่างถ้วนทั่ว

คนที่หลินเมิ้งหยาส่งไปเองก็ได้รับข่าวใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

อันที่จริงนางเพียงแค่ส่งตัวเจียงหรูฉินไปหาคณิกาชายคนนั้น ก่อนจะส่งข่าวลอยๆ ไปหาว่าที่เจ้าบ่าวของเจียงหรูฉิน สุดท้ายเหตุการณ์จับชู้บนเตียงจึงเริ่มต้นขึ้น

ส่วนคณิกาชายเลื่องชื่อคนดังกล่าวเองก็ฉลาดเจ้าเล่ห์มิต่างอะไรจากชิงหู ฝีมือร้ายกาจพอสมควร เมื่อเหตุการณ์เริ่มชุลมุน เขาโยนความผิดทุกอย่างให้เจียงหรูฉินทันที

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการทำธุรกิจร่วมกันเท่านั้น

ขณะที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดโพล่งขึ้นมาว่าเจียงหรูฉินเองก็เคยหว่านเสน่ห์ใส่อ๋องอวี้ เกรงว่าร่างกายของนางอาจจะมีมลทินไปตั้งนานแล้ว

วันนั้นมีคนเห็นเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของเจียงหรูฉินจำนวนมาก เมื่อเสียงเล่าลือถูกกล่าวอ้าง เจียงหรูฉินก็กลายเป็นหญิงหยำฉ่า ต่อให้เรื่องนี้เป็นเรื่องหลอกลวงแต่ใครจะเชื่อนางกัน?

“ท่านอ๋องอยู่ที่ตำหนักของพวกเรา นายหญิงไม่กลัวท่านอ๋อง….”

ป๋ายจีขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ชำเลืองมองทางศาลาเล็ก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างกังวล

“ไม่หรอก หากท่านอ๋องต้องการลงโทษ ข้าจะรับผิดเองแต่เพียงผู้เดียว”

หลินเมิ้งหยาไม่รู้สึกกังวลใจเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงนางเองก็อยากรู้ว่าหลงเทียนอวี้ยังสนใจญาติผู้น้องคนนั้นอยู่หรือไม่

คนนอกไม่มีทางรู้หรอกว่านางเป็นคนลงมือ คนเดียวที่สามารถจับสังเกตได้ก็คือหลงเทียนอวี้ หากเขาคิดว่านางทำผิด เช่นนั้นนางเองก็พร้อมจะยืดอกยอมรับในการกระทำ

ท่านพี่พูดถูก หากนางเข้าวังย่อมเผชิญอันตรายอยู่รอบด้าน ยิ่งไปกว่านั้นนางอาจต้องตัดสินใจบางอย่างด้วยตนเอง ดังนั้นนางจึงอยากรู้ว่าหลงเทียนอวี้เชื่อใจนางมากขนาดไหน

ไม่นานเรื่องของเจียงหรูฉินก็ถูกแพร่งพรายออกไป

หลงเทียนอวี้นั่งอยู่ในศาลา สายตาทอดยาว

“ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อย…”

หลินขุยยืนข้างกายเขาตลอดเวลา ดังนั้นจึงเอ่ยถาม

“ไม่ต้อง อีกเดี๋ยวเจ้าจงไปยั้งปากของพวกเขา ข้าไม่อยากให้ใครพูดถึงพระชายาในทางที่ไม่ดี”

หลินขุยพยักหน้า รู้สึกวางใจ

หลงเทียนอวี้อ่านเอกสารทางราชการต่อ ทว่าในใจของเขารู้สึกสนใจไม่น้อย

อันที่จริงเขารู้เรื่องการมาเยือนของหลินหนานเซิงและการปะทะคารมกับหมู่เฟยและเจียงหรูฉินแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าชายาของตนเป็นแมวน้อยที่ข่วนเจ็บขนาดไหน

หากคิดจะประมือกับนาง เช่นนั้นต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเชื่อใจหลินเมิ้งหยา อันที่จริงเจียงหรูฉินคงไม่ได้กระทำเรื่องเสื่อมทรามเช่นนั้นอย่างแน่นอน แต่ทว่าหากนางคิดอยากจะแต่งงานออกเรือนอีกครั้ง เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว เมื่อใดที่เรื่องนี้สงบลง เมื่อนั้นนางคงได้แต่งงานกับชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น

สกุลเจียงกำลังสั่นคลอน หากการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์กับขุนนางในราชวงศ์สำเร็จ เช่นนั้นสกุลซ่างกวนจะต้องเงื้อดาบฟาดฟันอย่างแน่นอน

มิรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจกันแน่

แทะเมล็ดทานตะวันตลอดช่วงเช้าและสดับรับฟังเรื่องฉาวโฉ่ที่กำลังแพร่สะพัดในเมืองหลวง ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็รู้สึกว่าถึงเวลาต้องทำอะไรบางอย่าง

เหตุเพราะตอนนี้เจียงหรูฉินพำนักอยู่ในจวนอวี้ ดังนั้นพวกเขาจึงพาตัวนางมาส่งที่นี่

ตอนนี้ทั้งตำหนักหยาเสวียนกำลังวุ่นวาย อ๋องอวี้ไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางที่เป็นชายาคงไม่อาจเพิกเฉยได้

แม้พระสนมเต๋อเฟยพยายามยับยั้งข่าวฉาวในคราวนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าว่าที่เจ้าบ่าวของเจียงหรูฉินจะไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ อีกทั้งยังต้องการคำอธิบายจากสกุลเจียง

แน่นอนว่าหลินเมิ้งหยาไม่ยอมพลาดที่จะปาหินใส่คนที่ตกบ่อน้ำอย่างแน่นอน

“ไป…ไปตำหนักหยาเสวียน”

สาวใช้ทั้งสี่เดินตามหลังหลินเมิ้งหยาออกจากตำหนักหลิวซิน

ด้านหลัง ดวงตาคู่หนึ่งมองตามนางด้วยความกังวล

“หลินขุยจงตามไปดู”

เขารู้จักอุปนิสัยใจคอของหมู่เฟยดี ช่วงนี้นางมักจะสร้างเรื่องวุ่นวายเสมอ

การที่หลินเมิ้งหยาเดินหน้าไปหาหมู่เฟยเช่นนี้ เขากลัวว่านางจะต้องเจ็บตัวเพราะความโกรธเกรี้ยวของหมู่เฟย

หลินขุยพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะแอบตามพวกหลินเมิ้งหยาไป

หลงเทียนอวี้อ่านเอกสารในมือ ทว่าเขากลับรู้สึกหมดอารมณ์ คราวก่อนนางส่งป๋ายจื่อมาเชิญเขา แต่เพราะครั้งนั้นเขายังมีเรื่องให้ต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่อาจกลับมาทันเวลา

คราวนี้เขาอยากจะเห็นกับตาตัวเองว่าชายาของเขาจะใช้วาทศิลป์อะไรมาจัดการกับศัตรูของตนเอง

รอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

ระหว่างทางที่เดินไป เหล่าคนรับใช้ต่างพากันซุบซิบนินทาเรื่องเจียงหรูฉินไม่หยุดปาก แน่นอนว่ายิ่งเรื่องราวถูกเล่าขานออกไปมากเท่าไร เนื้อเรื่องก็ย่อมเปลี่ยนไปตามปากของคนเล่า

เรื่องที่นางได้ยินในเวลานี้และพอจะจับใจความได้ก็คืออันที่จริงเจียงหรูฉินไปที่นั่นก็เพื่อเรียนรู้เสน่ห์ที่จะจับผู้ชาย

เรื่องเล่าเริ่มสกปรกโสมมมากขึ้นเรื่อยๆ