เล่มที่ 9 บทที่ 266 ความวุ่นวายในตำหนักหยาเสวียน

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ยังไม่ทันที่หลินเมิ้งหยาจะเดินถึงตำหนักหยาเสวียนก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังออกมาจากภายในตำหนัก

ดูเหมือนตำหนักหยาเสวียนกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก

หน้าประตูตำหนักมีผอจื่อเอวกลมกลึงสองคนยืนเฝ้า ดังนั้นจึงมีคนที่สนใจใครรู้เรื่องนี้จำนวนมากถูกรั้งเอาไว้

“มัวยืนทำอะไรกันอยู่ที่นี่ ออกไปให้หมด”

หลินเมิ้งหยาส่งเสียงเรียบ เหล่าผู้คนที่เข้ามามุงดูต่างพากันถอยออกไป

แต่พวกเขารู้ดี ที่ใดมีหลินเมิ้งหยาอยู่ ที่นั่นไม่มีทางสงบสุขอย่างแน่นอน

ในสวนของตำหนักหยาเสวียนมีคนยืนออกันเป็นจำนวนมาก มีทั้งข้าทาสที่คอยรับใช้พระสนมเต๋อเฟยและคนรับใช้ที่ไม่คุ้นหน้า หลินเมิ้งหยาสวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหรา อีกทั้งยังมีท่วงท่าสง่างาม ดังนั้นเหล่าคนที่ไม่รู้จักหลินเมิ้งหยาจึงพอจะเดาได้ว่านางคือชายาอวี้

เหตุเพราะใบหน้างดงามของหลินเมิ้งหยา คนเหล่านั้นจึงอยู่ในอาการตกตะลึง ก่อนจะเข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดอ๋องอวี้จึงไม่พึงใจเจียงหรูฉิน

จะมีคนโง่ที่ไหนทิ้งขว้างภรรยาที่งดงามขนาดนี้ไปได้

“ฮือ ฮือ ข้าไม่ได้ทำเจ้าค่ะท่านป้า ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ”

ภายในห้องโถง เจียงหรูฉินร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร หากมิใช่เพราะเพิ่งถูกลากลงจากเตียงในหอนางโลมแล้วล่ะก็ ท่าทางของนางในเวลานี้คงดูน่าสงสารไม่น้อย

น่าเสียดาย คราวนี้นางคงมิอาจเอาตัวรอดได้

“หุบปาก! พระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียง กระหม่อมเห็นมาเองกับตา คนที่กระหม่อมพามาด้วยล้วนเป็นพยานในครั้งนี้ได้ แม้สกุลชุ่ยของพวกเราจะมิรุ่งเรืองดั่งเช่นสกุลเจียง แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็มิเคยทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้”

เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น แม้เสียงของเขาจะระคนไว้ซึ่งความโกรธ ลมหายใจติดขัด แต่ถึงอย่างนั้นหลินเมิ้งหยาก็พอจะฟังออกถึงการตัดสินอันเด็ดขาดของเขา

เรื่องแบบนี้ถ้ายังทนได้สิแปลก

ระหว่างทางที่เข้ามา ไม่มีใครกล้าเหนี่ยวรั้งหลินเมิ้งหยาเอาไว้ เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถง นางได้เห็นเจียงหรูฉินซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยคุกเข่าลงบนพื้นพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

หากตอนแรกนางไม่พยายามตะเกียกตะกายปีนขึ้นเตียงของหลงเทียนอวี้และถูกคนหลอกใช้ประโยชน์แล้วล่ะก็ ตอนนี้นางก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลอันเกิดมาจากการกระทำของนางเอง กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง

พระสนมเต๋อเฟยนั่งอยู่บนตั่ง สีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครมองออกว่านางกำลังคิดสิ่งใด ทว่าสายตากลับเย็นชา บางทีนางอาจกำลังคิดว่าเจียงหรูฉินทำเรื่องงามหน้าลงไปแล้ว

“เรื่องนี้สกุลเจียงจะให้คำอธิบายแก่สกุลชุ่ยอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องต่ำช้า หากยังเอะอะโวยวายต่อไป เกรงว่าจะไม่ส่งผลดีต่อสกุลชุ่ยเช่นเดียวกัน เช่นนั้นเชิญคุณชายชุ่ยกลับไปก่อนเถิด เปิ่นกงไม่มีทางเข้าข้างหรูฉินอย่างแน่นอน”

เมื่อพระสนมเต๋อเฟยรับสั่งเช่นนี้ คุณชายชุ่ยจึงมิกล้าต่อปากต่อคำอีกต่อไป

เขาครุ่นคิด ก่อนจะเห็นว่าพระสนมเต๋อเฟยพูดมีเหตุผล ตระกูลของเขาสืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามเสมอมา แม้ตอนนี้เขาจะยังมิได้แต่งงานกับเจียงหรูฉิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มิควรปล่อยให้นางทำให้สกุลชุ่ยต้องอับอาย

“พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงรับสั่งเช่นนี้ เช่นนั้นกระหม่อมก็วางใจ แม้สกุลชุ่ยจะมิได้มีความสำคัญอันใดมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นท่านพ่อของกระหม่อมก็เป็นถึงขุนนางในราชสำนักที่มีคนนับหน้าถือตา กระหม่อมหวังว่าเหนียงเหนียงจะเห็นใจและมอบความบริสุทธิ์ให้แก่สกุลชุ่ยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ตอบเสียงเฉยชา หลินเมิ้งหยาลอบสำรวจคุณชายสกุลชุ่ยสองครั้ง แม้ใบหน้าของเขาจะมิได้หล่อเหลาน่ามอง แต่ถึงอย่างนั้นท่าทางก็สง่างามน่าเลื่อมใส

นับว่าเป็นผู้ชายซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่เขาได้มีคู่หมั้นอย่างเจียงหรูฉิน

“ได้ เปิ่นกงจะหาคำอธิบายให้แก่เจ้าอย่างแน่นอน หยุนลั่ว ส่งแขก”

พระสนมเต๋อเฟยแสดงท่าทางไร้มารยาท ถึงอย่างไรวันนี้เจียงหรูฉินก็ทำให้นางอับอายขายขี้หน้าคนทั้งเมืองแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สกุลชุ่ยเลื่องชื่อในเรื่องความมีเหตุผล เกรงว่าคราวนี้จะรับมือได้ยากเสียแล้ว

“ขอบพระทัยเหนียงเหนียง กระหม่อมขอทูลลา”

คนของสกุลชุ่ยล้วนตรงไปตรงมา เกรงว่าพระสนมเต๋อเฟยจะเจอตอเข้าเสียแล้ว

เจียงหรูฉินเป็นถึงหลานสาวแท้ๆ ของพระสนมเต๋อเฟย หากมิเป็นเช่นนั้น สกุลชุ่ยคงไม่ยอมกลับไปหลังจากได้สนทนากันเพียงไม่กี่ประโยคอย่างแน่นอน

สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเคร่งขรึม สายตาคมกริบไร้เยื่อใยหันไปมองทางเจียงหรูฉิน น่าเสียดายที่เรื่องราวมิอาจเปลี่ยนได้อีกแล้ว

หันไปเห็นหลินเมิ้งหยาอย่างไม่ตั้งใจ ครุ่นคิดในใจ นางรู้จักอุปนิสัยใจคอของฉินเอ๋อร์ดี แม้ปกตินางจะเป็นคนหยิ่งผยองและทำเรื่องผิดกฎระเบียบอยู่หลายครั้ง แต่เรื่องที่จะไปเกี้ยวพาราสีกับผู้ชายเช่นนั้น เด็กคนนี้ไม่มีทางกล้าทำอย่างแน่นอน

หรือจะเป็นแผนการของหลินเมิ้งหยา?

ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมีใบหน้าเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีเสมือนคนกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ส่วนสาวใช้ทั้งสี่ ยกเว้นป๋ายจื่อที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อีกสามคนที่เหลือก็พากันก้มหน้าลงอย่างสงบเสงี่ยม

หากมิใช่เพราะไหวพริบของพวกนางที่ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมา เช่นนั้นก็หมายความว่าหลินเมิ้งหยาไม่รู้เรื่องจริงๆ

“หมู่เฟย ลูกสะใภ้พาสาวใช้มาถวายพระพรเพคะ อีกไม่นานจะถึงวันสิ้นปีแล้ว ไม่ทราบว่าพระองค์ต้องการให้จัดสรรสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่?”

หลินเมิ้งหยาเป็นคนฉลาด อีกทั้งยังมีเหตุผล

หากนางเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเจียงหรูฉิน เช่นนั้นคนอื่นๆ จะมองนางไม่ดี ดังนั้นนางจึงถามไถ่พระสนมเต๋อเฟยด้วยความเป็นห่วงแทน หนึ่งก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่านางรู้ข่าวแล้วจึงมาดูสถานการณ์ สองก็เพื่อมาแสดงความจริงใจ พระสนมเต๋อเฟยจะได้ไม่สงสัยในตัวนาง

ผลปรากฏว่าพระสนมเต๋อเฟยทำเพียงเหลือบมองนาง ก่อนจะเอื้อมมือไปยกแก้วชาขึ้นจิบ

“เข้ามา นำตัวเด็กคนนี้ไปขัง ส่งคนไปที่บ้านตระกูลของเปิ่นกงเพื่อปรึกษาเรื่องการลงโทษนาง!”

เห็นได้ชัดว่าพระสนมเต๋อเฟยไม่อยากให้หลินเมิ้งหยาได้ดูละครสนุกๆ ฟรี

ทว่าจะให้ทำเช่นไรเล่า? สุดท้ายความซวยก็ต้องตกอยู่ที่เจียงหรูฉินอยู่ดี

“ไม่ ไม่ ท่านป้า ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำนะเจ้าคะ”

หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกจากดวงตาของเจียงหรูฉิน

นางคิดไม่ถึงเลยว่านางจะตื่นนอนบนเตียงของคณิกาชาย

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มาลากนางลงจากเตียงยังเป็นคู่หมั้นสกุลชุ่ย

จะต้องมีคนใส่ร้ายนางอย่างแน่นอน

หันหน้าไปมองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ใช่แล้ว ต้องเป็นนาง! คนที่สามารถทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น

“เจ้านั่นแหละ! หลินเมิ้งหยา เจ้าเป็นคนทำร้ายข้า! เจ้าโกรธที่ข้าด่าพี่ชายของเจ้า เจ้าแค้นข้า! ใช่หรือไม่! ทั้งหมดต้องเป็นฝีมือของเจ้า! เจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้นะ พูดสิ!”

เสียงแผดร้องดังขึ้น หลินเมิ้งหยากลับส่ายหน้าโดยไร้ซึ่งความกระวนกระวาย แววตาเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย

“เจียงหรูฉิน ใช่แล้ว ข้ายอมรับว่าข้าเกลียดเจ้า แต่เจ้าลองคิดดูเถิดว่าข้าเป็นคนต่ำทรามเช่นนั้นหรือ? เจ้าไม่เพียงหว่านเสน่ห์ใส่ท่านอ๋อง แต่เจ้ายังด่าว่าพี่ชายของข้า แน่นอนว่าเหตุผลเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้ข้าทำเรื่องเช่นนั้น แต่เจ้าเคยคิดดูหรือไม่ว่า หากข้าทำมันจริงๆ ข้าจะเลือกวิธีการเช่นนี้หรือ? หมู่เฟยรู้ดีที่สุด เมื่อวานหม่อมฉันแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใส่เจียงหรูฉินจริง แน่นอนว่าทุกคนจะต้องสงสัยในตัวหม่อมฉันต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจียงหรูฉินในวันนี้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะเสนอหน้ามาที่นี่เพื่อบอกเล่าความชั่วช้าของตนเองอย่างนั้นหรือเพคะ?”

พระสนมเต๋อเฟยมองหลินเมิ้งหยา ในใจเชื่อนางไปแล้วเกินครึ่ง

นางรู้จักหลินเมิ้งหยาและมองออกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กฉลาด เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ย่อมมีคนสงสัยในตัวนาง

แต่มันก็แสดงออกอย่างชัดเจนเกินไป หากหลินเมิ้งหยาทำจริง นางคงไม่แสดงท่าทางหยิ่งผยองเช่นนี้ หรือจะมีคนตั้งใจใส่ร้ายกันแน่?

หลินเมิ้งหยาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“หมู่เฟยเองก็รู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรมาหม่อมฉันให้ความสำคัญกับจวนอวี้มากเพียงไหน แต่เพราะเหตุใดเรื่องของเจียงหรูฉินและท่านอ๋องจึงถูกแพร่งพรายออกไปได้ หากหม่อมฉันทำเช่นนั้นจริง นั่นแสดงว่าหม่อมฉันช่างโง่เขลาเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดคุณชายชุ่ยจึงบังเอิญเป็นผู้พบเห็นเรื่องนี้ด้วยตนเองกันแน่? หมู่เฟยเพคะ คนที่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเจียงและสกุลชุ่ยที่สุดหาใช่หม่อมฉัน”

พระสนมเต๋อเฟยเข้าใจความหมายที่นางต้องการจะสื่อทันที

การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเจียงและสกุลชุ่ยในคราวนี้ก็เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ดั่งเช่นการแต่งการระหว่างหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้

หรือจะเป็นพวกเขา? ไม่ เป็นไปไม่ได้!

“หลินเมิ้งหยา เจ้าอย่าได้แก้ตัว! เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเจ้าอย่างแน่นอน! เจ้าต้องการทำลายข้า! เจ้ากลัวว่าหากข้าอยู่ที่จวนอวี้ต่อไป ท่านพี่อ๋องอวี้จะไม่กลายเป็นของเจ้าง่ายๆ ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้า!”

ใบหน้าของเจียงหรูฉินบิดเบี้ยว นิ้วเรียวยาวชี้มาทางหลินเมิ้งหยาด้วยความโกรธเกรี้ยว

ตอนนี้ชื่อเสียงของนางถูกทำลายจนป่นปี้ อย่าว่าแต่ท่านป้าเลย แม้แต่ท่านพ่อเองก็มิอาจปกป้องนางได้

ดังนั้นนางจึงคิดจะเอาชีวิตของหลินเมิ้งหยา

“พอแล้ว เจ้าจะโวยวายไปจนถึงเมื่อไหร่”

“เพล้ง” เสียงดังขึ้น แก้วชาในมือพระสนมเต๋อเฟยร่วงแตกลงเป็นเสี่ยงๆ

เจียงหรูฉินมองป้าของตนเองด้วยความตื่นตระหนก ไม่ นางจะถูกตัดสินโทษเช่นนี้ไม่ได้ นางยังไม่มีอนาคตอันแสนสดใส นางจะถูกทำลายเช่นนี้ไม่ได้

“ท่านป้า ฉินเอ๋อร์เป็นหลานสาวของท่าน หากข้าถูกทำลาย เช่นนั้นท่านมิสงสารข้าหรือ? ผู้หญิงคนนี้ต่างหาก นางเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ขอเพียงท่านจับตัวนางไปสอบสวน นางจะต้องพูดความจริงอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นฉินเอ๋อร์ก็จะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์”

หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ เจียงหรูฉินเอ๋ย ความน่าเวทนาที่สุดในชีวิตของนางหาใช่การต้องประมือกับหลินเมิ้งหยาคนนี้ แต่หากเป็นความโง่เขลาที่ยากจะมียารักษาของนางต่างหาก

ต่อให้ตอนนี้มีคนออกมาอธิบายเรื่องนี้แล้วอย่างไรเล่า คนภายนอกล้วนคิดว่าคนผู้นั้นคงออกมาเพียงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเจียงหรูฉินแต่เพียงเท่านั้น

เช่นนั้นข่าวลือของนางก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม สู้ปล่อยให้นางกลายเป็นหญิงหยำฉ่าไปเสียจะดีกว่า

พระสนมเต๋อเฟยครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียดาย ดูเหมือนจะไม่มีทางช่วยเด็กคนนี้ได้แล้ว

“พวกเจ้ามัวยืนนิ่งอยู่ทำไม ลากตัวนางออกไป”