ภาคที่ 1 บทที่ 224 โหมดไล่ฆ่าสิ้นสุด พวกเราชนะแล้ว!

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 224 โหมดไล่ฆ่าสิ้นสุด พวกเราชนะแล้ว!

สามกิโลเมตร…สองกิโลเมตร…หนึ่งกิโลเมตร

อาณาเขตเริ่มเล็กลงเรื่อย ๆ พื้นที่ที่พวกซูเย่สามารถขยับได้ก็น้อยลงเรื่อยๆ

“ฆ่ามัน!”

“ตายแล้วไงวะ!”

“ฮ่าฮ่า!! สะใจโว้ย!!” สามพันคนเผชิญหน้ากับศัตรูนับไม่ถ้วน ต่อให้ตนเองถูกโจมตีอย่างรุนแรง ต่อให้กระบวนทัพถูกตีพ่ายโดยศัตรูที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาก็ยังคงไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ยังคงเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ

ผู้เล่นธรรมดาเองก็หวังว่าตัวเองจะได้เลื่อนเลเวลอีกสักหนึ่งขั้น…

โดยเฉพาะเจ้าเวรกรรม ฆ่าเขาได้ก็จะได้รางวัลมากมายซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นทุกคนปรารถนา!

การเผชิญหน้าตั้งรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสามพันคนลึก ๆ ก็มีความกดดันอยู่

แม้กระทั่งซูเย่ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็รู้สึกกดดันไม่น้อย ชายหนุ่มคิดอยากจะปกป้องทุกคนให้สุดความสามารถ แต่คนที่บุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่งมันมีเยอะมากเกินไป ฆ่าไม่หมดสักที!

กระบวนทัพถูกตีแตกครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่าผู้กล้าล้มลงบนพื้นพร้อมรอยยิ้มอีกคนแล้วคนเล่า…

ห้านาที…สิบนาที…ยี่สิบนาทีผ่านไป…

ทุกคนยังคงยืดหยัด! ท่ามกลางกลุ่มคน เมื่อเห็นว่าฝ่ายของตัวเองมีคนตายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ล่ายังบุกทะลวงมาอย่างดุดัน ไป๋จือหรานใช้คำสั่งสุดท้าย

“ระบวนทัพโล่กลม!”

เมื่อเห็นคำสั่งบนท้องฟ้า ทุกคนก็ตั้งกระบวนทัพทันที ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้ากระบวนทัพอีกต่อไป ทุกคนรวมตัวกันทั้งหมด

ภายในเสี้ยววินาทีคนสองพันคนก็ตั้งกระบวนทัพรูปวงกลมเพื่อป้องกันซ้อนกันสองชั้น ผลัดเปลี่ยนกันตั้งรับศัตรูที่โจมตีมา ในขณะเดียวกันก็หาโอกาสบุกฆ่าไปด้วย

แต่ผู้ล่ามีจำนวนมากเกินไป จู่โจมไม่เว้นระยะเลยแม้แต่น้อย หลังจากฝืนทนกันได้ไม่นาน กระบวนทัพวงนอกก็ถูกตีแตก

“ทุกคนบุก!”

“อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น ตายก็ต้องตายอย่างกล้าหาญ!”

เมื่อเห็นกระบวนทัพถูกตีแตก คนที่เหลือหนึ่งพันคนไม่เพียงไม่ถอยกลับ แต่ยังโจมตีตอบโต้กลับไป…แต่ละคนโจมตีอย่างดุดันแบบไม่คิดชีวิต ฆ่าคนเพื่อยื้อเวลาให้สหายร่วมรบที่อยู่เบื้องหลัง

“พี่น้องเรา บุกไปด้วยกัน ฆ่าไม่เว้น!” เมื่อพันคนเห็นดังนั้นจึงบุกฆ่าขึ้นไป อย่างไม่สนใจกระบวนทัพอีกต่อไป

ห้านาทีหลังจากนั้น ในตอนที่อาณาเขตถูกย่อเหลือห้าสิบเมตรสุดท้าย สงครามที่ดุเดือดก็ถึงเวลาปิดฉากลง…

ผู้ที่ยืนอยู่ในเขตปลอดภัยจนถึงเวลาสุดท้ายมีเพียงหนึ่งพันคน!

มีประกาศเด้งขึ้นมาบนท้องฟ้า

“โหมดไล่ฆ่าสิ้นสุด!”

จบลงแล้ว?

ทุกคนหยุดทุกการกระทำทันที ผู้เล่นธรรมดาต่างมองไปที่คนที่เหลือพันคนอย่างเสียดาย อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง!

“สิ้นสุดแล้ว…”

“พวกเราชนะแล้ว? พวกเราชนะแล้ว!!!!!”

“ฮ่าๆๆๆ!! ฉันอยู่จนจบด้วยโว้ย!”

“มาสิ…แน่จริงก็เข้ามา…เข้ามาฆ่ากูดิ!”

ทุกคนกระโดดกอดกันอย่างดีใจ ดีใจที่ตัวเองยืนหยัดมาจนถึงตอนสุดท้าย ดีใจที่ยังมีชีวิตรอด ทุกคนล้วนแสดงความตื่นเต้นและความซาบซึ้งใจออกมา

ซูเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก…

ในยามนี้ มีประกาศหนึ่งฉบับเด้งขึ้นมาบนท้องฟ้า

“ผู้เล่นที่เคารพ เกมจะสิ้นสุดภายในห้านาที กรุณาเตรียมออฟไลน์ด้วย ขอให้เป็นวันที่ดี ”

ซูเย่กำมือคารวะทุกคนพลางกล่าว “ศึกครั้งนี้ ขอบคุณทุกคนมาก”

เมื่อได้ยิน

ไป๋จือหราน ไป๋จือเหยียน ซูชือ จินฟานและคนอื่น ๆ ต่างแย้มยิ้มแล้วคารวะตอบกลับ

“พวกเราต่างหากที่ควรขอบคุณนาย…”

“ถ้าไม่ใช่ในครั้งนี้…ชีวิตนี้ของพวกเราคงไม่ได้สัมผัสเลือดในกายที่เดือดพล่านและความเชื่อมั่นแบบนี้”

“ขอบคุณนายเหมือนกัน ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเรามาตลอด และชี้นำพวกเราไม่ให้หันหลังกลับ”

พวกเขาทุกคนขอบคุณซูเย่อย่างจริงใจ

ไม่มีการนำของคน ๆ นี้ พวกเขาคงไม่ได้มีความมุ่งมั่นกล้าหาญถึงเพียงนี้ พวกเขาได้พิสูจน์แล้วว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ วีรสตรี!

“ต่อไปถ้าถ้าต้องการความช่วยเหลือขอแค่เพียงส่งข้อความมาหาฉันก็พอ ไม่บ่ายเบี่ยงแน่นอน”

ซูเย่ทำมือคารวะให้ทุกคนอีกครั้งและกล่าวอย่างหนักแน่น

“เช่นกัน!”

ทุกคนเอ่ยตอบพร้อมกัน แล้วประสานมือคารวะตอบ

และหลังพูดคุยกันพร้อมรอยยิ้ม ทุกคนก็ออฟไลน์ลง

ที่เหนือท้องฟ้าขึ้นไป ณ ยอดเขาสูง

ทุกคนในเกมต่างก็ออฟไลน์ไปหมดแล้ว ผู้บัญชาการทั้งหกถึงได้ละสายตามาจากการสำรวจก่อนจะพยักหน้าให้กัน

“ความสามารถของผู้ถูกเลือกเหล่านี้ไม่ไหวเลย…แต่มีความสามัคคีกันดี” เจียงซานในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการเขตฮัวตงยิ้มแย้ม แล้วเอ่ยสรุป

“ไป๋จือหราน มีความเป็นผู้นำ ซูเย่มีความสามารถพิเศษ มีพลังต่อสู้ และกลยุทธ์ในการรับมือสงครามที่ดูเหมือนว่าจะงัดมาใช้ได้ไม่หมดไม่สิ้น เหนือความความหมายมากจริง ๆ”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“เขตฮัวตงของนายน่าสนใจดีนะ” ผู้บัญชาการเขตซีเป่ยถอดหายใจหัวเราแล้วกล่าวต่อ “แต่ว่า เด็กน้อยเขตซีเป่ยของฉันก็มีเข้าท่าอยู่บ้าง”

“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่ฉันขอเตือนทุกท่าน” หลานหลาน ผู้บัญชาการเขตซีหนานมุ่นคิ้วพลางกล่าว “พวกที่หันอาวุธใส่พวกเดียวกันเองจะต้องรีบกำจัดออกไป คนเหล่านี้เมื่อจวนตัว ใครก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าพวกเขาจะสร้างเรื่องอะไรอีก…เก็บไว้ก็รังแต่จะเป็นภัยร้าย…”

“ใช่แล้ว”

“ฉันเห็นด้วย”

“คนพวกนี้ไม่ควรเก็บไว้จริงๆ”

“ความเป็นคนสุดจะหยั่งรู้โดยแท้ พวกเขาผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่ใช่ผู้ที่เราต้องการ”

ผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะทำการออฟไลน์ เพื่อไปดำเนินเรื่องต่อ

……

บอร์ดเกม ทันทีที่ออฟไลน์ก็ระเบิดลงทันที

“ทำไมวะ?!”

“ทำไมถึงทนอยู่ต่ออีกห้านาทีไม่ได้ ทนอีกแค่ห้านาทีเจ้าเวรกรรมก็จะตายแล้ว!”

“น่าเสียดาย น่าเสียดายเกินไปแล้ว ต่อให้เจ้าเวรกรรมจะเก่งแค่ไหนก็ไม่รอดไปจากวงพิษที่ย่ออาณาเขต รอพวกมันใกล้ถูกพิษตาย ฉันค่อยแทงมันหนึ่งที รางวัลก็จะตกเป็นของฉันแล้วแท้ๆ!”

“ดาบพิชิตมังกรของฉัน กระบี่สวรรค์ของฉัน…!”

“ถ้าครั้งหน้ามีโอกาส ไม่มีทางให้มันถ่วงเวลาได้แน่ จะต้องฆ่ามันให้ได้!!”

“ใช่…ต่อไปมันจะไม่มีทางฆ่าเราได้แน่…”

ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยบ่นอยู่บนบอร์ด

“พวกนายก็อย่ามัวรำพึงรำพันอยู่เลย โหมดฆ่าทั้งสี่วันนี้ พวกนายได้เลื่อนไปตั้งกี่เลเวล ถึงแม้ว่าเจ้าเวรกรรมจะฆ่าไปหลายคน แต่ในตอนนี้เลเวลของเขาสูงสุดแล้ว นั่นก็หมายความว่าสี่วันนี้มานี้เขาไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยยังไงล่ะ พอเปรียบเทียบแบบนี้ เขาคือคนที่น่าสงสารที่สุดต่างหากล่ะ”

มีคนหนึ่งเขียนขึ้นมาบนบอร์ด

เมื่อทุกคนเห็นพลันชะงักค้าง เมื่อคิดว่าเป็นจริงตามที่พูด โหมดฆ่าทั้งสี่วัน เจ้าเวรกรรมโดนไล่ฆ่าไปสามวันเต็ม แม้ว่าเขาจะทำได้ดี พวกเขาไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่พอเทียบกับเจ้าเวรกรรม พวกเขาต่างหากที่ได้ผลประโยชน์ ฮ่า ๆๆๆๆ สบายใจขึ้นมาแล้ว…!

……

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หอพักชาย

“สะใจ…สะใจโคตร ๆ เลยโว้ย!!!”

“รู้สึกเหมือนว่ายังเล่นไม่พอ ยังอยากเล่นต่ออยู่เลย”

ตอนที่ซูชือและจินฟานถอดหมวดออก ก็กระโดดไปมาทำไม้ทำมืออยู่บนเตียงทันที

ซูเย่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ แล้วเอ่ยถาม “มีช่องทางการติดต่อผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยไหม?”

“มีสิ…ทำไมเหรอ?”

“โหมดไล่ฆ่าจบแล้ว อยากเลี้ยงข้าวทุกคนสักมื้อ”

“นายแน่ใจนะ?” ซูชือและจินฟานดวงตาเป็นประกาย เอ่ยถามพร้อมกัน

“แน่ใจสิ” ซูเย่พยักหน้า

“นายมีเงินเหรอ?”

“นั่นสิ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าไม่มีเงินหรอกเหรอ?”

จินฟานเอ่ย “เชิญทุกคนมากินข้าวด้วยกันคงจะเป็นเงินไม่น้อย ตั้ง 70 กว่าคนแน่ะ เราหารกันก็ได้นะ อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่บังคับ โอเคไหม?”

“ไม่เป็นไร” ซูเย่ส่ายหน้าพลางกล่าว “ฉันเลี้ยงเอง”

ทั้งสองคนเมื่อได้ฟังก็มองหน้ากัน ดูเหมือนว่าจะมีเงินแล้วสินะ!

“ฮ่า ๆๆๆ!!! ซูเย่คนจนเลี้ยงพวกเราด้วย ฮ่าฮ่า! ฉันไปบอกคนอื่น ๆ ก่อน…”

ตอนซูชือกำลังจะส่งข้อความก็นึกขึ้นมาได้ แล้วมองไปทางซูเย่ “ฉันไม่มีวีแชทของสองเทพธิดา…”

ซูเย่ตอบ “ฉันมี…”

ซูชือรอประโยคถัดไปอย่างใจจดใจจ่อ รออยู่นานก็ไม่มีวี่แวว

“นี่ ฉันรู้อยู่แล้วว่านายมี นายไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าฉันหมายถึงอะไร ส่งวีแชทเขามาให้ฉันสิ หรือไม่ก็ตั้งกลุ่ม!”

ซูชือมองไปทางซูเย่อย่างหมดคำจะพูด

“อ้อ…ได้” ซูเย่ส่งคอนแท็กของสองสาวให้ซูชือ ซูชือแอดเฟรนด์ไป แล้วก็ลากเข้าแชทกลุ่มพรรคถูโช่วจย้าเทียน

ในยามนี้ ผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัย

ทุกคนได้รับข้อความที่ส่งมาจากซูชือ

“คืนนี้ซูเย่เลี้ยงข้าว ไปลงชื่อเร็ว!” เมื่อเห็นข้อความ ทุกคนดวงตาพลันเป็นประกายทันที

ซูเย่เลี้ยงทั้งที ไม่ไปได้ไง!

“ฉันฉันฉัน!”

“ฉันด้วย!”

ห้าโมงเย็น

ผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัย สมาชิกพรรคถูโช่วจย้าเทียนที่เข้าร่วมศึก มารวมตัวกันหน้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

“ขึ้นรถเถอะ” ซูเย่ ซูชือและจินฟานพาทุกคนขึ้นรถบัสที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

“นี่พวกเราจะไปไหนกันเหรอ” เพิ่งขึ้นมาบนรถ ไป๋จือเหยียนก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

ไป๋จือหรานก็มองไปทางซูเย่ สองพี่น้องยังคงสวมหน้ากากไว้

“ภัตตาคารหมิงหู” ซูเย่ตอบ

เมื่อได้ยิน ทุกคนบนรถบัสพลันตกตะลึงระคนดีใจ

“ภัตตาคารหมิงหู?”

“ได้ยินมาว่า ภัตตาคารหมิงหูช่วงนี้กำลังเป็นกระแสโด่งดังไปทั่ว”

“ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน เหมือนว่าดังเพราะขายกระหล่ำปลี ราคาแพงหูฉี่ แต่มันอร่อยจริงๆ!”

“ภัตตาคารหมิงหูก่อนหน้านี้เกือบจะเจ๊งไปแล้ว ต่อมาไม่รู้ว่าทำไม มีผัดเผ็ดกระหล่ำปลีราคาแพงโผล่มา ไม่น่าเชื่อว่าจะดังไปทั่ว ตอนนี้ก็ยังเป็นกระแสอยู่เลย ได้ยินมาว่าจะไปกินข้าวที่นั่นจะต้องจองเอาไว้ก่อน”

“เจ๋งขนาดนั้นเลย?”

“พวกเราต้องไปต่อแถวรอหรือเปล่า?”

ทุกคนมองไปทางซูเย่ ซูชือและจินฟานก็เช่นกัน

พวกเขารู้ว่าซูเย่จองภัตตาคารหมิงหูก็ตกใจมากแล้ว

“วางใจเถอะ ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” ซูเย่ยิ้มพลางเอ่ยตอบ

“ได้ยินมาว่าภัตตาคารหมิงหูแพงมาก แค่โต๊ะเดียวก็กระเป๋าแบนแล้ว นายเลี้ยงพวกเราตั้งหลายคนมันจะฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า?”

ไป๋จือหรานมองไปทางซูเย่แล้วเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไร…” ซูเย่ยิ้มตอบ

“ดูเหมือนว่าซูเย่เพื่อนเราจะกระเป๋าหนักไม่เบา” ทุกคนต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“ฉันมีเงินที่ไหนล่ะ” ซูเย่ยิ้มขืน ๆ พลางกล่าว “เป็นเงินที่ออมไว้น่ะ”

ทุกคนแสดงออกว่าไม่เชื่อ ใครมันจะไปออมเงินได้เยอะขนาดนี้?

ในเมื่อไม่เชื่อ ซูเย่ก็หมดหนทาง…

ทุกคนต่างสรวลเสเฮฮากันอย่างมีความสุข ไม่นานก็มาถึงภัตตาคารหมิงหู

เมื่อลงรถ ก็มองเห็นผู้คนสัญจรผ่านหน้าร้านไปมาเพื่อสอบถามว่าวันนี้ร้านไม่เปิดหรือ?

เมื่อหันไปมองที่ประตูใหญ่ก็พบว่ามันปิดอยู่…

ด้านข้างยังมีป้ายขนาดใหญ่วางอยู่ บนป้ายเขียนตัวอักษรสี่ตัว ‘ปิดร้านชั่วคราว’

สี่ตัวอักษรนี้ ทำให้ทุกคนหยุดฝีเท้าลงทันที

ร้านปิด แล้วจะกินอะไร?!

ทุกคนมองไปทางซูเย่อย่างสงสัย

“เข้ามาสิ” เมื่อเห็นว่าทุกคนหยุดฝีเท้าลง ซูเย่ก็เดินขึ้นหน้าไปพลางกล่าว “ยืนงงอะไรกัน?”