บทที่ 489 แม่บ้านผู้น่ารักและใจดี + บทที่ 490 งานฉลองหนึ่งเดือนของเด็กน้อย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 489 แม่บ้านผู้น่ารักและใจดี

เมื่อเหลยอันได้ยินชื่อของหยางเล่อเล่อ เขาจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ ก่อนจะรีบพูดขึ้นในทันที “นายท่านขอรับ อย่าได้กังวลเลย ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

เฉียวเทียนช่างมองอีกฝ่าย “เจ้าไม่ต้องทำเพื่อข้า แต่ทำเพื่อไม่ให้หยางเล่อเล่อต้องมาเป็นห่วงเจ้าต่างหาก เจ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ดังนั้น หากคิดจะทำอะไรเหมือนในอดีต โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ก็อย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย”

คำพูดของเฉียวเทียนช่างอาจจะฟังดูรุนแรง แต่มันก็เป็นความจริงทั้งสิ้น

เหลยอันเป็นคนมุทะลุ บางครั้ง เวลาที่เขาตัดสินใจทำอะไรแล้ว ต่อให้เอาวัวทั้งคอกมาฉุดรั้งเขาไว้ ก็เอาไม่อยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังจะแต่งงานแล้ว หากยังทำเหมือนว่าตัวคนเดียวอยู่เช่นนี้ ก็อย่าแต่งงานเลยจะดีกว่า หยางเล่อเล่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการต้องเจ็บปวดใจ

เหลยอันก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร เฉียวเทียนช่างจึงถอนหายใจ “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างอวี้เฟิงกับเหมยรั่วหลิน”

“นายท่าน ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไรขอรับ” เหลยอันคิดไตร่ตรองถึงคำพูดของอีกฝ่าย

สิ่งที่นายท่านพูดถูกต้อง เขากำลังจะแต่งงาน จึงต้องรับผิดชอบต่ออีกฝ่ายด้วย แล้วทำไมเขาจะต้องทำให้คนรักเสียใจด้วยเล่า

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ “ถ้าเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”

เรื่องนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเฉียวเทียนช่างเองก็ไม่มีเวลาสนใจเรื่องของคนอื่นมากนัก เพราะตอนนี้ ลูกชายของเขากำลังจะมีอายุครบหนึ่งเดือน[1]แล้ว

ผู้คนต่างรีบมุ่งหน้ามาหา ยกเว้นหนานชีและท่านปู่ไกว้ที่อยู่ในเหมียวเจียงที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่พวกเขาก็ส่งของเล่นน่าสนุกมาให้เป็นของขวัญจำนวนสองสามชิ้น

เซียวชวี่เฟิงมองลูกน้อยของเฉียวเทียนช่างร้องไห้ และไม่ว่าจะมองอย่างไร เขาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ

“เทียนช่าง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีวันนี้… วันที่เจ้าทำตัวราวกับเป็นแม่บ้านที่น่ารักและใจดี” ตอนนี้ ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังทำตัวเป็นแม่บ้านผู้น่ารักและใจดีอยู่มิใช่หรือ

ท่านแม่ทัพที่ถือดาบในสนามรบ ตอนนี้กำลังดูแลเด็กน้อยอยู่ที่บ้าน นอกจากจะอุ้มลูกน้อยแล้ว เขายังอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กน้อยคนนั้นอีกด้วย

หากในอดีต มีใครบอกเซียวชวี่เฟิงเรื่องนี้ เขาก็คงคิดว่าคนๆ นั้นเสียสติไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ มันคือความจริงที่เขาเห็นมันกับตา

เฉียวเทียนช่างมองผู้เป็นฮ่องเต้ แต่มิได้สนใจนัก ก่อนจะหันมามองลูกชายของตนเองต่อ “ลูกชาย ท่านลุงเขาแค่อิจฉา อย่าสนใจเลย”

เด็กทารกตัวน้อยเหลือบตาขึ้นมอง ก่อนจะยิ้มแบบไม่มีฟันให้กับเฉียวเทียนช่าง ราวกับรู้ว่าคนที่กำลังพูดอยู่ด้วยนั้นเป็นพ่อของตน

ดวงตากลมโตของเขาโค้งเป็นรอยยิ้ม ส่วนปากเล็กๆ นั้นก็อ้ากว้างเผยให้เห็นเหงือก พร้อมทั้งกำมือทั้งสองของตนแน่น ท่าทีของเขานั้นช่างน่ารักน่าชังเสียจริง

ทันใดนั้น เซียวชวี่เฟิงก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา “ทำไมจู่ๆ ข้าก็อยากจะขโมยลูกชายของเจ้านะ”

ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วขึ้นมอง “ท่านอยากโดนเตะหรืออย่างไร” หากฮ่องเต้กล้าขโมยลูกชายคนนี้ไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องเขา

เซียวชวี่เฟิงมองเฉียวโม่ซางที่อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ ก่อนจะถอนหายใจ “เมื่อไหร่ข้าจะมีลูกชายที่เชื่อฟังเช่นนี้บ้าง”

“รอไปเถอะ” เฉียวเทียนช่างพ่นลมออกทางจมูกอย่างเย้ยหยัน

เหตุผลที่เซียวชวี่เฟิงไม่มีลูกจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่มีนางสนมอยู่เลย แต่เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงเหล่านี้ให้กำเนิดลูกของเขาต่างหาก

“เจ้าควรจะภาคภูมิใจ” ในกลุ่มของพวกเขา มีเพียงเฉียวเทียนช่างคนเดียวที่มีลูก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะภูมิใจกับเรื่องนี้

ชายหนุ่มยิ้มและมองเซียวชวี่เฟิง “ส่วนท่านก็อิจฉาข้าได้เลย”

คนอื่นๆ มองดูเซียวฮ่องเต้และเฉียวเทียนช่างพูดจาข่มกัน โดยที่แววตาของพวกเขาเผยรอยยิ้มอยู่ภายใน

หากพูดกันตามตรงแล้ว ฮ่องเต้ผู้นี้มิได้ถือตัวว่าเป็นคนสูงส่งเลย เขากลับวางตัวเป็นคนธรรมดาติดดินเสียด้วยซ้ำ

หนิงเมิ่งเหยาได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก ก็รู้สึกเศร้าใจว่าทำไมทุกคนถึงอยู่ข้างนอก และไม่เข้ามาพูดคุยกับนางในห้อง

เฉียวเทียนช่างก้มหน้ามองลูกชายที่กำลังหลับตาและทำท่าเคี้ยวเหงือกอยู่ ท่าทีของเด็กน้อยต่างกับเมื่อครู่ที่ยังดูสดใสและมีชีวิตชีวาเหลือเกิน

ชายหนุ่มอุ้มเด็กน้อยก่อนลุกขึ้นยืน ทำให้เซียวชวี่เฟิงถามอย่างสงสัย “เจ้าจะไปไหนหรือ”

“เด็กคนนี้หิวและง่วงนอนแล้ว” เขาตอบก่อนเดินเข้าไปในห้อง

เซียวชวี่เฟิงมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง ก่อนจะหันมามองหนานกงเยี่ยนและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้าง “เทียนช่างเป็นอย่างนี้ตลอดเลยหรือ”

เซียวฉีเทียนผงกศีรษะ “ช่วงนี้ เทียนช่างจะดูแลลูกคนนี้ตลอดเวลา เมิ่งเหยายังบอกอีกว่า เขากลายเป็นทาสของเด็กคนนี้ไปแล้ว”

เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ “ดูเหมือนว่าจะพูดถูก”

“หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไหน่ป้า[2]” เหมยรั่วหลินนั่งข้างกับอวี้เฟิง และพูดเสริมอย่างเหน็บแนม

ไหน่ป้าหรือ หมายความว่าอย่างไร

“ไหน่ป้าก็หมายถึงชายหนุ่มที่เลี้ยงดูลูกน้อยนั่นเอง”

บทที่ 490 งานฉลองหนึ่งเดือนของเด็กน้อย

มุมปากของเซียวชวี่เฟิงกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนเอง ตอนนี้แม่ทัพใหญ่ของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หากผู้คนที่เคยร่วมรบกับเขาได้ยินเช่นนั้น ก็คงจะหัวเราะลั่น

เฉียวเทียนช่างอุ้มลูกน้อยเข้ามาในห้อง และเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังมองเขาอย่างขุ่นเคือง “เจ้าเป็นอะไรไป”

“ข้าเบื่อที่จะอยู่คนเดียวแล้ว” นางไม่ได้รับอนุญาตให้ทำบัญชี ถักเสื้อผ้าและรองเท้า หรือทำงานใดๆ เลย นอกจากนี้ สามีของนางมักจะออกไปรับรองแขกด้านนอกอีกด้วย

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปลูบศีรษะหญิงสาว

“อีกสองวันเจ้าก็จะออกจากบ้านได้แล้ว อดทนหน่อย”

“ตกลง” จริงๆ แล้ว หนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะเรียกร้องความสนใจจากชายหนุ่ม แต่เมื่อเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้ นางก็ไม่อาจทำตัวมีปัญหาได้อีกต่อไป

หญิงสาวปลอบใจตัวเองว่าสองวันนั้นจะผ่านไปในอีกไม่นาน

“ลูกน้อยหิวและง่วงนอนเล็กน้อย” ชายหนุ่มวางเด็กน้อยในอ้อมกอดของภรรยา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

“เจ้าไปอยู่กับเซียวชวี่เฟิงเถอะ ข้าอยู่กับลูกได้” เมื่อหญิงสาวเห็นเด็กน้อย นางก็รีบไล่สามีออกไปทันที

“พอมีลูก เจ้าก็ไม่ต้องการข้าแล้ว” เขาพูดพลางก้มหน้าลงไปกัดแก้มนุ่มๆ ของภรรยาเป็นการลงโทษ

หลังจากเห็นว่าหญิงสาวกำลังป้อนนมให้ลูกชาย เฉียวเทียนช่างจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไป

เซียวชวี่เฟิงมองชายหนุ่ม “ข้าคิดว่าเจ้าจะอยู่ข้างในตลอดไปเสียแล้ว”

“วันนี้เขาออกมาข้างนอกได้ เพราะเจ้ามาที่นี่น่ะสิ” หนานกงเยี่ยนหยิบถ้วยชาข้างๆ ขึ้นมาจิบ ก่อนจะพูดอธิบาย

เซียวชวี่เฟิงมองชายหนุ่ม “ข้าควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือ”

“หากเจ้าคิดเช่นนั้น ก็ตามใจเถอะ” ผิวหนังของเฉียวเทียนช่างนั้นด้านหนาผิดปกติ

เซียวชวี่เฟิงพูดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าหลังจากที่ชายผู้นี้มีลูก ผิวหนังของเขาก็ดูจะหนาขึ้น

สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งเดือนของเด็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ นั้นมิได้เชิญมาด้วย

ผู้คนในหมู่บ้านมาช่วยงานกันตั้งแต่เช้าตรู่ คนที่ไม่เคยเข้ามาในบ้านหลังนี้มาก่อน เห็นว่าที่แห่งนี้สวยงามอย่างมาก พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไร

ขณะเดียวกัน ในบ้านของตระกูลหยาง หยางเล่อเล่อกำลังมองหญิงสาวตรงหน้าของตนที่สวมชุดสีขาวเรียบประดับดอกไม้ นางขมวดคิ้วแน่นด้วยสีหน้าถมึงทึง “ท่านแม่ วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของโม่เอ๋อร์ แต่ญาติผู้พี่กลับแต่งชุดไว้ทุกข์เช่นนี้ และยังต้องการจะไปร่วมงานฉลองกับพวกเราอีก หมายความว่าอย่างไรกัน” นอกจากหยางเล่อเล่อแล้ว หยางจู้ หยางอี้ และภรรยาของเขาก็ต่างขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเช่นกัน

นางหยางรู้สึกไม่สบายใจนัก สามีของหลานสาวเพิ่งเสียชีวิตไม่ถึงปี และนางก็ถูกครอบครัวของสามีไล่ออกจากตระกูล จู่ๆ นางก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อวาน หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาจะไปร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ด้วย นางจึงขอไปด้วย

ปัญหามันมิได้อยู่ที่นางจะไปเข้าร่วมงานด้วย แต่ทว่าเสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้น มันราวกับการสาปแช่งคนอื่นมิใช่หรือ

“เจ้าไม่ไปร่วมงานที่นั่นน่าจะดีกว่า” หยางอี้เอ่ย

“ข้าเห็นด้วย” หยางจู้พยักหน้าเห็นด้วย

ทุกคนต่างรู้ดีว่าบ้านหลังนั้นมีคนชนชั้นสูงอยู่มากมาย แม้แต่ตาของเด็กน้อยก็อยู่ที่นั่น เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าสถานะของเขาไม่ธรรมดา หากพวกเขาเกิดการปะทะกับเหล่าคนสูงศักดิ์ที่นั่น คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่

หยางซู่อวิ๋นตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความว่างเปล่า

“ท่านอา ถ้าเช่นนั้น…ข้าไม่ไปก็ได้”

“ดี ถ้าเช่นนั้นก็อยู่ที่บ้านเถอะ” นางหยางโล่งอก เพราะไม่ต้องการให้หลานสาวคนนี้ทำเรื่องไม่เป็นมงคลในงานเลี้ยง

“ท่านแม่ ไปกันเถอะ เราต้องไปที่นั่นก่อนเวลา เพื่อช่วยงานของเหยาเหยา” หยางเล่อเล่อมองหยางซู่อวิ๋น นางจะทำตัวน่าสงสารทำไมกัน

“ท่านพี่ ไปกันเถอะ” นางเฉียวยิ้มก่อนจะพูดขึ้น และจับมือหยางอี้

หนิงเมิ่งเหยาสวมชุดคลุมสีแดงที่มีดอกไม้สวยงามประดับอยู่

ส่วนเฉียวเทียนช่างนั้นสวมชุดสีแดงเข้ม เขาอยู่กับภรรยาเพื่อช่วยต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน

เมื่อหยางเล่อเล่อเข้ามาถึง นางก็นำของขวัญมามอบให้ “เหยาเหยา ยินดีด้วยนะ”

“เจ้ามาร่วมงานก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องเอาของขวัญมาให้เลย” หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่ออย่างช่วยไม่ได้พลางพูดอย่างติดตลก

“ข้าเป็นน้าของโม่เอ๋อร์ มันผิดหรือที่ข้าจะเอาของขวัญมาให้เขา” หยางเล่อเล่อมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “ข้านำของขวัญมาให้หลาน มิใช่เอามาให้เจ้าสักหน่อย”

“ก็ได้ ดูเหมือนว่าข้าจะตกกระป๋องเสียแล้ว”

[1] ตามธรรมเนียมจีน เมื่อเด็กทารกอายุครบหนึ่งเดือน จะมีการจัดพิธีเพื่อฉลองหนึ่งเดือนแรกในชีวิตของเด็กน้อย โดยงานฉลองนั้นจะจัดขึ้นเพื่ออวยพรให้เด็กมีสุขภาพที่ดี

[2] ไหน่ป้า ( 奶爸) แปลตรงตัวว่าพ่อนม หมายถึงพ่อที่ดูแลลูก