บทที่ 491 ฉากตลก ณ งานเลี้ยง + บทที่ 492 ลากออกไปโยน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 491 ฉากตลก ณ งานเลี้ยง

นางหยางมองทุกคนที่กำลังหัวเราะ ใบหน้าพวกเขาเปี่ยมสุข นางก็โล่งใจ นับว่าดีแล้วที่นางไม่ได้พาหลานสาวนางมาด้วย มิเช่นนั้นจะไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเขาหรือ

หยางจู้เองก็คิดเช่นเดียวกัน ในตอนนั้นเอง เขากระซิบข้างหูนางหยาง “ดีแล้วที่นางไม่อยู่ที่นี่ด้วย”

พวกเขาเคยพบกับตาของเด็กคนนั้นมาก่อน ปกติแล้วเขาไม่ค่อยยิ้ม แต่วันนี้กลับยิ้มไม่หุบ แขนอุ้มเด็กน้อยไว้แล้วพอมีคนเดินมามอบคำอวยพร เขาก็ยิ่งสุขใจเข้าไปใหญ่ ถ้าวันนี้หยางซู่อวิ๋นมาด้วย คงจะเป็นปัญหาใหญ่

หยางเล่อเล่อคุยกับหนิงเมิ่งเหยาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลากหยางอี้หลบไปข้างๆ “ท่านพี่ ดีจริงที่เราไม่ให้นางตามมาด้วย”

“เจ้าจะว่าเช่นนั้นก็ได้” หยางอี้ขมวดคิ้ว เขาเข้าใจเจตนาของท่านลุง พวกเขาอยากหางานให้หยางซู่อวิ๋น แต่นี่ไม่ใช่วิธีที่ควรทำใช่หรือไม่ เมื่อรู้ว่านางยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แต่วนางก็ยังอยากจะมาแม้จะรู้ว่าทุกคนกำลังจัดงานเฉลิมฉลองกัน นางกำลังหาเรื่องให้ถูกหัวเราะเยาะ

สิ่งที่หยางเล่อเล่อและคนอื่นไม่รู้ก็คือ ตอนที่พวกนางออกไปแล้ว หยางซู่อวิ๋นแอบตามหลังพวกนางมาด้วย เมื่อมาถึงด้านนอกของบ้าน และได้เห็นทุกอย่างข้างในประตู นางก็ถูกภาพเบื้องหน้าดึงดูดโดยสมบูรณ์ นางวางมือลงกับอก พยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัว

แม้ชายที่นางแต่งงานด้วยจะมาจากตระกูลที่ดี แต่พอได้เห็นทุกอย่างเบื้องหน้า หยางซู่อวิ๋นรู้สึกว่าสิ่งที่นางเคยหลงคิดว่าเป็นสิ่งดีเลิศและความร่ำรวยมาก่อนช่างเป็นเรื่องน่าขำสิ้นดี

นางไม่รู้มาก่อนว่าบ้านหลังใหญ่เพียงใด แต่เมื่อได้เห็นจากตรงนี้แล้ว มันใหญ่ยิ่งนัก

เดิมนางควรจะเข้าไปได้ แต่ตอนนี้นางเข้าไปไม่ได้เพราะหยางเล่อเล่อ ทว่า ถ้าผู้นำตระกูลนี้ชอบนางขึ้นมาเล่า…

ต่อให้นางเป็นภรรยาไม่ได้ นางก็ยังเป็นอนุภรรยาได้

เมื่อคิดเช่นนั้น หยางซู่อวิ๋นจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

หยางเล่อเล่อที่กำลังคุยกับเหล่าหญิงสาวจากในหมู่บ้านแล้วเผอิญหันไปเห็นหยางซู่อวิ๋นกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม เหมือนตอนที่นางปรากฏตัวเมื่อวานเลยมิใช่หรือ

“ข้าจะไปหาตัวท่านแม่ พวกเจ้าคุยกันต่อไปก่อนเถิด”

หยางเล่อเล่อหานางหยางเจอแล้ว “ท่านแม่ หยางซู่อวิ๋นมาที่นี่ด้วยตัวเอง”

เมื่อนางหยางได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้ทันทีว่าไม่ดีแน่ นางเดินออกไปแล้วเห็นหยางซู่อวิ๋นลังเดินไปหาเฉียวเทียนช่างด้วยใบหน้าที่แดงราวกับดอกท้อ ไม่สนใจหนิงเมิ่งเหยาที่อยู่ข้างกายเขาสักนิดเดียว

ผู้คนกำลังรื่นเริงกัน ไม่ทันคาดคิดว่าจะมีสตรีในชุดไว้ทุกข์โผล่หน้ามาไม่ให้ทันตั้งตัว

สีหน้าหนานกงเยี่ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชา

นางหยางเห็นแล้วสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

“เหยาเอ๋อร์ อุ้มโม่ซางที ข้าอยากจะรู้ว่าใครบังอาจมาสร้างปัญหาให้งานฉลองของหลานข้า” สวมชุดไว้ทุกข์มางานรื่นเริงเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกัน

เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วเช่นกัน แม้เขาจะไม่เชื่อเรื่องโชคลาง แต่นี่เป็นงานเลี้ยงให้บุตรชายของเขา จะให้เขายิ้มแย้มรับก็คงแปลกเกินไป

หยางจู้และหยางอี้หน้าซีด พวกเขาตรงไปหาหนานกงเยี่ยนและเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่างและนายท่าน เราต้องขออภัยด้วย นางเป็นญาติที่ไม่รู้จักกาลเทศะของเราเอง”

“ท่านลุง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ท่านไม่ให้ข้ามาก็ไม่เป็นไร ข้าก็มาของข้าเอง แล้วพวกท่านยังพูดแบบนี้กับข้าอีกหรือ” หยางซู่อวิ๋นมองเฉียวเทียนช่างอย่างเศร้าสร้อย หวังให้เขาทวงความเป็นธรรมแก่นาง

เซียวฉีเทียนและคนอื่นโกรธยิ่งนักในตอนแรก แต่พอเห็นนางทำตัวเช่นนี้ พวกเขาก็นึกอยากจะหัวเราะขึ้นมา เป็นไปได้หรือไม่ว่าหญิงนางนี้มองสีหน้าดำทะมึนเป็นกระทะของเฉียวเทียนช่างไม่ออก

นางกล้าเดินหน้าต่อ ไม่เพียงเท่านั้น ยังพยายามยั่วเทียนช่างด้วย

นางหยางหน้าแดง “หยางซู่อวิ๋น เจ้ายังอยู่ในระหว่างไว้ทุกข์ วันนี้คนกำลังฉลองกัน เจ้ามาทำไม เจ้าพยายามจะแช่งใครหรือ”

หยางซู่อวิ๋นเพิ่งรู้ตัวว่าในตอนนั้น ผู้คนรอบด้านต่างชักสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด โดยเฉพาะบรรดาเศรษฐีและนายน้อยผู้เป็นที่นับหน้าถือตา โดยเฉพาะชายตรงหน้านาง

“ข้า…ข้า…”

“อะไรรึ เราบอกเจ้าแล้วว่าอย่ามา แล้วเจ้าแอบมาทำไมกัน หยางซู่อวิ๋น เจ้ามันเกินไปแล้วจริงๆ รีบไสหัวไปเสีย” หยางเล่อเล่อโกรธจัดจนหน้าซีด

ใส่ชุดไว้ทุกข์มางานเลี้ยงฉลองของผู้อื่น นางจะแช่งผู้อาวุโสของตระกูลหรือแช่งเด็กคนนี้หรืออย่างไร

บทที่ 492 ลากออกไปโยน

สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาถมึงทึง นางอุ้มบุตรแล้วเดินไปยืนข้างเฉียวเทียนช่างด้วยสีหน้าเย็นชา สายตามองรูปร่างแบบบางของหยางซู่อวิ๋น “หากผู้ที่มาเป็นแขก เราก็ไม่ควรปฏิเสธแขก”

หยางซู่อวิ๋นมีสีหน้าปิติยินดีเมื่อได้ยินหนิงเมิ่งเหยาพูดเช่นนั้น นางมองหยางเล่อเล่ออย่างย่ามใจ

“เหยาเหยา เจ้าจะให้นางอยู่ต่อไม่ได้นะ” หยางเล่อเล่อกล่าวอย่างวิตก

หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อเป็นนัยให้นางอดทนไว้ นางมองท่าทีของหยางซู่อวิ๋นแล้วอดแสยะยิ้มไม่ได้ “แต่สำหรับแขกอย่างเจ้า ก็ลืมไปเสียเถอะ เจ้ามาโดยไม่ได้รับเชิญแล้วยังมาในชุดไว้ทุกข์ เจ้ามางานเฉลิมฉลองขณะที่กำลังไว้ทุกข์ คุณหนู ไม่ทราบว่าบุตรของเราไปทำอะไรให้เจ้ากัน”

“จริงด้วย คุณหนูคนนี้น่ารังเกียจจริง”

เดิมทีหยางซู่อวิ๋นหลงคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะปกป้องนาง ไม่อยากเชื่อว่าจะโดนนางเย้ยหยัน

“เจ้า…”

หนานกงเยี่ยนรู้ว่าสตรีนางนี้เป็นญาติที่มาเยี่ยมเยียน และต้องการจะร่วมงานเลี้ยง แต่ผู้เป็นแม่ของตระกูลหยางไม่เห็นด้วย นางจึงแอบเข้ามา

นางคิดว่าตนไม่ควรกลับไป และยังคิดจะโปรยเสน่ห์ใส่เฉียวเทียนช่าง หวังให้เขาชอบนางเพื่อจะได้ยกสถานะตัวเองอีก

“เทียนช่าง จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ” หนานกงเยี่ยนโยนภาระนี้ให้เฉียวเทียนช่าง

ถ้าชายหนุ่มจัดการได้ไม่ดี เขาจะพาบุตรสาวและหลานชายกลับเมืองหลิงเดี๋ยวนี้เลย

เฉียวเทียนช่างมองสายตาคาดหวังของหยางซู่อวิ๋น แล้วใช้วาจาเสียดแทง “ชิงเสวี่ย ชิงซวง โยนนางออกไป ถ้านางสร้างความวุ่นวายหน้าทางเข้า พวกเจ้าจัดการได้ตามต้องการ”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ นายน้อย” ชิงเสวี่ยและชิงซวงมองหยางซู่อวิ๋นอย่างชั่วร้าย

พวกนางไม่ชอบใจต่อการมาของหญิงนางนี้เอาเสียเลย ดังนั้นพวกนางย่อมไม่ยั้งมือ

ทั้งสองลากแขนนางออกไปจนถึงประตูทางเข้า จากนั้นก็โยนนางออกไป

ชิงเสวี่ยกอดอกมองหญิงตรงหน้าอย่างถือดี “อย่าคิดเชียวว่าเจ้าจะมายั่วยวนนายน้อยของเราได้ เพียงเพราะเจ้าดูบอบบางเหมือนดอกไม้สีขาว”

“ถ้าเจ้ายังกล้ามายุ่งกับนายน้อยของเรา” ชิงซวงหยิบเอาเข็มเงินไม่กี่เล่มออกมา ตัวเข็มส่องประกายระยิบระยับใต้แสงตะวัน “ข้าจะทิ่มเจ้าจนตัวเจ้าซีกหนึ่งขยับไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็ลองดู” หยางซู่อวิ๋นขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายนางสั่นเทา หากมีบุรุษมาเห็นย่อมสงสาร แต่น่าเสียดายที่นางกำลังเผชิญหน้ากับสตรีสองคน

ชิงเสวี่ยมองหยางซู่อวิ๋นแล้วถอนหายใจแผ่วเบา “ชิงซวง ข้าไม่ชอบแม่นางคนนี้”

ชิงซวงพยักหน้า “ข้าก็เช่นกัน”

“เช่นนั้น…เราควรชี้แนะนางหน่อยไหม”

“ย่อมได้”

ชิงซวงใช้เข็มเงินทิ่มเข้าไปที่จุดฝังเข็มสร้างความเจ็บปวด หยางซู่อวิ๋นกรีดร้องออกมา ไม่อาจแสร้งทำเป็นหญิงงามผู้ป่วยกระเสาะกระแสะได้อีกต่อไป

เมื่อเห็นหยางซู่อวิ๋นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ชิงซวงก็ตะคอกอย่างเย็นชา

“นี่แค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้น ถ้าเจ้ายังกล้าทำตัวเช่นนี้อีก…”

หยางซู่อวิ๋นรีบส่ายศีรษะ น้ำตาคลอเบ้า “ข้ามิบังอาจ” แม้นางจะบอกว่านางไม่กล้าแล้ว สายตานางช่างเศร้าสลด ใครที่ไม่รู้จะคิดเอาได้ว่าชิงซวงและชิงเสวี่ยกำลังรุมรังแกนาง

เซียวฉีเทียนออกมาดูภาพตรงหน้าหันไปพูดกับมู่เสวี่ยที่อยู่ข้างกาย

“เสวี่ยเอ๋อร์ บอกข้าที ไยเรามีคนหน้าไม่อายอยู่ข้างนอกนี้อีก”

“เพราะหน้านางหนานัก” นางจะก่อเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรถ้าหน้าไม่หนาพอ ไม่อย่างนั้นนางคงไปที่อื่นนานแล้วถ้ารู้ตัวดี

“คารวะ คุณหนูมู่ องค์ชายฉี”

“พวกเจ้าสองคนพอเถิด สำหรับพวกที่ดื้อรั้นเจ้าต้องใช้ไม้แข็งกว่านี้” เซียวฉีเทียนกล่าวเสียงเย็น

หยางซู่อวิ๋นคิดว่าชายที่เดินมาจะนึกสงสารนางเหมือนบรรดาคนก่อนๆ แล้วช่วยเหลือนาง แต่เขากลับพูดจาโหดร้าย

“พวกเจ้า…”

“ชิงซวง จัดอะไรที่ทำให้ครั้งหน้าที่เห็นเทียนช่าง นางต้องอยู่ห่างเขาสักสามฉื่อ” เซียวฉีเทียนแสยะยิ้ม

กล้ามาคิดแย่งคนของเมิ่งเหยา นางคิดว่านางสวยนักหรือ แล้วยังกล้ามาก่อปัญหาในงานเลี้ยงสำหรับเสี่ยวโม่ซาง นางช่างรนหาที่ตายโดยแท้

ชิงซวงมองหยางซู่อวิ๋นอย่างเหยียดหยาม “นางน่ะหรือ ยาเม็ดเดียวก็ปลิดชีพนางได้แล้ว”

“นั่นก็จริง ยาที่เจ้ากับหนานอวี่คิดค้นขึ้นมานั้นค่อนข้างพิลึกและไม่มียารักษาได้”