บทที่ 493 สอนบทเรียนแก่แม่ดอกไม้ขาว
เซียวฉีเทียนแตะคาง ท่าทางกำลังคิดไม่ตก
หยางซู่อวิ๋นหวาดกลัวยิ่งนัก พวกคนตรงหน้านางช่างชั่วร้าย ถ้านางรู้อย่างนี้นางคงทำตัวว่าง่ายไม่มางานนี้
ดูจากความสัมพันธ์ของหยางเล่อเล่อกับเจ้าของสถานที่แห่งนี้ นางคิดว่าถ้าตนอยากมาย่อมมาได้ ไม่เห็นมีอะไรให้น่ากังวล
หยางซู่อวิ๋นเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่งยวดที่คิดเช่นนั้น
ขณะที่หยางซู่อวิ๋นกำลังสำนึกเสียใจ เซียวฉีเทียนก็หรี่ตามองนาง ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“เมื่อครู่เจ้าใช้สายตายั่วยวนเทียนช่างใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ควักตาออกมาแล้วกัน” เซียวฉีเทียนกล่าว
ชิงซวงผงกศีรษะ “ข้ากำลังขาดลูกตาไว้ทดลองพอดีเชียว”
“ข้าจะช่วยเจ้าควักออกมา” เสียงหนานอวี่ดังขึ้น
เซียวฉีเทียนส่ายศีรษะอย่างอับจนวาจา “ข้ารับใช้แสนดีของภรรยาอีกหนึ่งรายแล้ว”
“เจ้าไม่ใช่หรืออย่างไร” มู่เสวี่ยเลิกคิ้วมองเซียวฉีเทียน
เซียวฉีเทียนแตะจมูกตัวเองแล้วเสมองไปทางอื่น อันที่จริงเขาก็เชื่อฟังภรรยาเป็นอย่างดีเช่นกัน
ถ้าเมื่อครู่หยางซู่อวิ๋นนึกหวาดกลัวขึ้นมา ตอนนี้นางหวาดผวาจับใจแล้ว ชายคนนั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งหมดนี้ทำให้นางอกสั่นขวัญแขวน
“ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่บังอาจทำอีก ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หยางซู่อวิ๋นลุกขึ้น อยากจะวิ่งหนีไป
ชิงซวงแสยะยิ้ม “เราบอกให้เจ้าไปได้แล้วหรือ”
หยางซู่อวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวจนขยับไม่ออก นางไม่กล้าคิดว่าเป็นเพราะเหล่าคนตรงหน้านางหรือไม่
พวกเขาโผล่มาห้อมล้อมหยางซู่อวิ๋นเอาไว้
กล่าวตามจริงแล้ว สตรีนางนี้หน้าตาสะสวยทีเดียว แต่นางคิดไม่ซื่อ ถ้านางไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรนาง เพราะพวกเขาย่อมกล่าวโทษอะไรนางไม่ได้ถ้านางไม่รู้
แต่นางตั้งใจ ไม่เพียงเท่านั้น นางยังพยายามจะอ่อยนายน้อยต่อหน้าคนจำนวนมาก นี่ถือเป็นการหาเรื่องให้ตนเองเลยไม่ใช่หรือ
หยางซู่อวิ๋นอยากจะส่ายศีรษะทว่ากระทั่งศีรษะนางเองยังไม่ยอมขยับ นางทำได้แต่มองพวกเขาอย่างหวาดวิตก
“เจ้าคิดว่าเพราะเจ้ารับผิด ทุกอย่างก็จะจบลงหรือ”
ชิงซวงหยิบยาออกมาแล้วเดินเข้าไปหาหยางซู่อวิ๋น ในแววตาหยางซู่อวิ๋นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางเป็นลมล้มพับไปเมื่อชิงซวงเข้ามาใกล้
ชิงซวงมองร่างบนพื้น จากนั้นก็นำยายัดใส่ปากหญิงสาว “ขี้ขลาดแล้วยังจะกล้ามายั่วยวนชายอื่น”
“อย่าให้นางนอนเกะกะขวางทางตรงนี้เลย โยนตัวนางออกไปให้ไกล คนอื่นจะได้ไม่ต้องทนมองนาง” เซียวฉีเทียนสั่ง เขากับมู่เสวี่ยเดินกลับไป
ชิงซวงนำร่างหญิงสาวไปที่ตีนเขาแล้วโยนนางทิ้งไว้ใต้ต้นไม้เล็กๆ ยากจะบอกว่านางจะตื่นเมื่อไร
ภายในบ้าน ตระกูลของหยางจู้ขอโทษหนานกงเยี่ยนอย่างกระอักกระอ่วน นางหยางนึกเสียใจที่ไปสัญญากับพี่ชายว่าจะช่วยหยางซู่อวิ๋นหางาน ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว พวกเขาควรจะลืมไปได้เลย
ตระกูลหยางกล่าวขอโทษจากใจจริง และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหนิงเมิ่งเหยาหนานกงเยี่ยนจึงไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป งานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
เหตุขัดข้องเล็กน้อยไม่ได้หยุดบรรยากาศรื่นเริงของพวกเขา ผู้คนคลาคล่ำและสนุกสนานกันดี
บางคนกำลังช่วยงาน บางคนกำลังพูดคุยกัน ทุกคนล้วนมีความสุข
สุราและอาหารในงานเลี้ยงล้วนเป็นของแปลกตา พอเห็นอาหารหน้าตาสวยงาม ชาวบ้านจากหมู่บ้านไป๋ซานถึงขั้นลังเลไม่กล้ากิน
ทุกคนกลับออกไปหลังได้กินอิ่มและสนุกกันเต็มที่
ตระกูลของนางหยางกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย ตอนกำลังจะไป พวกเขายังคงขอโทษหนิงเมิ่งเหยาไม่หยุด โดยเฉพาะหยางเล่อเล่อนั่นเอง
“เหยาเหยา ข้าขอโทษด้วยจริงๆ เป็นความผิดของข้าเอง” ถ้านางระวังกว่านี้ คงไม่ปล่อยให้หยางซู่อวิ๋นแอบเข้ามาได้
หนิงเมิ่งเหยายิ้มแล้วส่ายศีรษะ “พวกเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องเลย พวกเจ้าไม่ได้พานางมา เจ้าลิงน้อยตัวนี้มีชีวิตที่ดีรออยู่”
แม้ในใจนางจะหัวเสีย แต่หนิงเมิ่งเหยาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลและบุตรของนางเพราะหยางซู่อวิ๋นใส่ชุดไว้ทุกข์มางาน
ทว่า หนิงเมิ่งเหยาคิดผิด
คืนนั้น บุตรของนางที่เลี้ยงง่ายกลับร้องไห้จ้า แม้จะหลับอยู่ ทั้งตัวก็สั่นเทาตลอดเวลา
พอนอนหลับได้ไม่นาน เขาก็จะร้องไห้ขึ้นมาอีก แล้วจะร้องไปอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม
เฉียวเทียนช่างและภรรยาของเขากังวลยิ่งนัก
โชคยังดีที่ท่านยายฉินมากประสบการณ์ นางนำชามกับตะเกียบสามแท่งออกมา แล้วบรรจงวางตะเกียบทั้งสามลงไปในชามที่ใส่น้ำจนเต็ม หลังจากลองอยู่สามครั้ง ตะเกียบทั้งสามก็ตั้งตรง
บทที่ 494 อย่าให้เข้าใกล้
ท่านยายฉินพึมพำบางอย่างที่สองสามีภรรยาไม่เข้าใจ จากนั้นนางก็นำเอาข้าวและเงินที่ทำจากกระดาษมาเผาแล้วเทลงไปในชาม นางเดินวนรอบเด็กน้อยสามครั้ง แล้วนำชามออกไปเทน้ำลงกับพื้น ชามโดนนำไปคว่ำไว้บนกำแพงโดยมีตะเกียบวางไว้ข้างบน
หลังจากท่านยายฉินทำทุกอย่างเสร็จ ก็ดูจะได้ผลจริง บุตรพวกเขาหยุดร้องไห้แล้ว เขาหลับตานอนในเวลาไม่นาน
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่านยายฉินเดินเข้ามา “ท่านยาย เกิดอะไรขึ้น”
“แม่นางผู้นั้นคงเพิ่งเสียสามีไปไม่นาน นางน่าจะเข้าช่วงไว้ทุกข์ได้ไม่ถึงปี และใช้เวลากับคนที่ตายไปอยู่นาน ถึงเขาจะถูกฝังไปนานแล้ว แต่ยังมีไอหยินอยู่ในร่างของนาง ที่ข้าทำเป็นธรรมเนียมจากตระกูลของเรา ได้ผลดีทีเดียว วันหน้าก็อย่าให้แม่นางผู้นั้นมาที่นี่อีก” ท่านยายฉินกล่าว รู้สึกไม่พอใจ
หนิงเมิ่งเหยารีบผงกศีรษะ นางจะกล้าให้หญิงนางนั้นมาอีกได้อย่างไรกัน ถ้านางมาอีก ได้กลัวจนหัวโกร๋นแน่
“นายท่านตัวน้อยไม่เป็นอะไรแล้ว คุณหนูกับนายน้อย พวกท่านเองก็ควรรีบพักผ่อนได้แล้ว” ท่านยายฉินเดินออกไปหลังจากพูดจบ
บรรดาคนที่อยู่ข้างนอกโล่งใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องแล้ว
พวกเขาล้วนไม่พอใจแม่นางผู้นั้น
หนิงเมิ่งเหยามองแก้มแดงเรื่อของบุตรชาย ในอกขมขื่น
“เราต้องไม่ให้นางเข้าใกล้ที่นี่เป็นอันขาด” หนิงเมิ่งเหยากล่าวอย่างโกรธเคือง
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “ต้องเป็นเช่นนั้น”
เพราะบุตรร้องไห้มาจนถึงกลางดึก เฉียวเทียนช่างจึงไม่วางเขาลงในเปล แต่ให้นอนเตียงพวกเขาแล้วหลับตรงขอบเตียง
ตระกูลหยางเล่อเล่อเสียงดังวุ่นวายยิ่งนัก พวกนางก็ยังไม่ได้นอนจนดึกดื่น
หลังจากพวกนางกลับมาจากงานเลี้ยง หยางซู่อวิ๋นก็ฟ้องว่าข้ารับใช้ของเฉียวเทียนช่างรังแกนางอย่างไรบ้าง นางต้องการให้นางหยางช่วยร้องทุกข์ให้ นางอยากให้นางหยางช่วยร้องทุกข์ให้! สมองนางเพี้ยนไปแล้วหรือ
“ซูอวิ๋น เจ้ากลับไปเสียจะดีกว่า ท่านพ่อของเจ้าอยากให้ข้าช่วยหางานให้เจ้า ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้” นางหยางนวดหน้าผาก พูดอย่างอับจนหนทาง
“ท่านแม่ ท่านควรไปบอกท่านลุงและท่านป้าด้วยตัวเองจะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมีปัญหาหากคนอื่นไปบอกพวกเขาว่าเราไม่ช่วย และเอาแต่ดูลูกสาวพวกเขาโดนรังแก” หยางเล่อเล่อกล่าวอย่างฉุนเฉียว
สีหน้าหยางซู่อวิ๋นเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว ดูน่าเกลียดยิ่ง นางคิดจะฟ้องตระกูลของนางเรื่องนั้นจริง แต่กลับรู้สึกอึดอัดใจพอโดนหยางเล่อเล่อแฉ
นางหยางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ก็ได้ ข้าจะไปอธิบายเรื่องนี้ให้ท่านลุงของเจ้าและคนอื่นฟัง”
วันรุ่งขึ้น หยางเล่อเล่อไปบ้านของหนิงเมิ่งเหยา เมื่อนางได้ข่าวว่าเด็กคนนั้นร้องไห้กลางดึก แล้วอาการดีขึ้นตอนท่านยายฉินใช้วิธีที่สืบทอดมาในตระกูล นางก็ยิ่งไม่พอใจหยางซู่อวิ๋น
หยางเล่อเล่อกำหมัดแน่นแล้วลุกขึ้นยืน กล่าวอย่างเดือดดาล “ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่”
หยางเล่อเล่อวิ่งออกไปโดยไม่รอให้หนิงเมิ่งเหยาพูดอะไรอีก
ตอนนางกลับถึงบ้าน หยางซู่อวิ๋นกำลังอ้อนวอนนางหยางไม่ให้ส่งนางกลับ บอกว่านางยังอยากทำงานหาเงินด้วยตัวเอง
หยางเล่อเล่อไม่สนใจหยางซู่อวิ๋น นางมองนางหยางและคนอื่นๆ “ท่านแม่ หลังจากแม่นี่ออกไปเมื่อวาน เสี่ยวโม่เอ๋อร์ร้องไห้อยู่ค่อนคืน พอท่านยายฉินใช้เคล็ดที่สืบทอดในตระกูล เขาถึงอาการดีขึ้น ถ้านางยังอยู่ที่นี่ต่อ เราจะทำเช่นไรถ้านางทำให้เสี่ยวโม่เอ๋อร์เป็นอะไรไป”
เฉียวโม่ซางเป็นสมบัติล้ำค่าของคนพวกนั้น พอเห็นพวกเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด นางก็รู้ว่าพวกเขาไม่ต้อนรับหญิงนางนี้ ไม่ต้องพูดถึงโรงงานใหญ่ หยางซู่อวิ๋นเลิกคิดเสียดีกว่าว่าจะไปทำงานในโรงงานและโรงกลั่นได้
นางหยางและคนอื่นต่างตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น สามีของหยางซู่อวิ๋นเพิ่งจากไปไม่กี่เดือนก่อน ตระกูลของเขาอนุญาตให้นางกลับมาเร็วก่อนกำหนดเพราะเมตตา
มีไอหยินในร่างนางย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ใครเล่าจะคิดจะว่าพลังหยินจะพุ่งตรงไปขู่เด็กน้อยคนนั้น
สีหน้าหยางซู่อวิ๋นซีดขาว ดูน่าเกลียดเหลือเกิน “เกี่ยวอะไรกับข้ากัน เด็กร้องไห้ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“เขาไม่เหมือนคนอื่น ตั้งแต่เกิดมา ขนาดตอนหิวหรือตอนขับถ่าย เขายังไม่เคยร้องไห้เลย”