บทที่ 23 ของขวัญจากเย่วหลิง!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“นี่..เรายังไม่ตาย?”

เย่วหลิงค่อยๆฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า ความคิดแรกของเธอคือความสงสัยจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้เธอควรตายไปแล้ว

ตอนนี้ยังมีสติแสดงว่าเธอได้รับการช่วยเหลือ

“หรือว่าผู้คุ้มกันของเรารอดมาได้?” เย่วหลิงกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว

แต่ทันใดนั้นเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายชั้นยอด เหล่าผู้คุ้มกันของเธอไม่น่าที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้

เธอเปิดตาของเธอ จะพบว่ารอบตัวเธอมีแต่ความมืดมิด แต่เพราะสัมผัสที่เฉียบคมของนักรบทําให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆเธอ

“คุณตื่นแล้ว!”

เสียงอ่อนเยาว์ดังขึ้น

แม้ว่าเย่วหลิงจะมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนี้ แต่จากน้าเสียงของเขา เธอก็รู้ว่าเป็นใคร”เย่เทียน คุณเป็นคนช่วยฉันไว้หรือ? ”

เธออยากจะลุกขึ้น แต่ร่างกายของเธอตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป เธอทําได้เพียงผืนดันตัวลุกขึ้นนั่งเท่านั้น

“ใช่แล้ว ผมเห็นคุณกําลังหมดสติพอดี ผมจึงพาคุณมาที่ถ้ํานี้!”

เย่เทียนกล่าว

“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” เย่วหลิงกล่าวขอบคุณ

“ไม่มีอะไรต้องคิดมา เพียงแค่เรื่องบังเอิญ!” เย่เทียนยิ้มบางๆ

ในความเป็นจริง เขาเองก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะไม่ช่วยเย่วหลิง และอาจขโมยสมบัติเงินทองจากเย่วหลิงได้ แต่หากทําเช่นนั้น มันย่อมเป็นการขัดกับความตั้งใจของเขา

นอกจากนี้ เย่วหลิงไม่ได้เลวร้ายอะไร จากที่ตอนเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมหอยุทธ์และอีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงใดๆ

หากเป็นโม่เน่าเป่ย เขาไม่เพียงแต่จะไม่ช่วย แต่เขาจะโยนมันลงเหวอีกด้วย

ทันใดนั้น

แสงอ่อนๆส่องออกมาจากมือของเย่วหลิง มันเป็นหินก้อนหนึ่ง แต่มันเหมือนกับหลอดไฟที่ทําให้ถที่มืดมิดสว่างขึ้น

“นี่คือ…”

เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เขาอุ้มเย่วหลิงเข้าไปในถ้โดยที่ไม่พบหินก้อนนี้เลย เขาควรรู้ว่าเธอมีมันอยู่

“นี่คือหินแสง มันหายากมาก แม้แต่ในฐานทัพใหญ่ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองมัน”เย่วหลิงไม่ได้ปิดบังและกล่าวอธิบาย

เธอไม่กลัวว่าเย่เทียนจะโลภเพราะหินแสงก้อนเดียว ถึงแม้ของชิ้นนี้จะหายากแต่มันไม่มีค่าอะไรที่ดึงดูดความต้องการของเย่เทียนแล้วเธอก็ไม่รังเกียจที่จะมอบให้เขา

เย่วหลิงวางหินแสงลงบนหินก้อนหนึ่ง จากนั้นขวดยารักษาก็ปรากฏขึ้นบนมือของนาง

หลังจากดื่มยารักษาเข้าไปเย่วหลิง ก็ก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเธออย่าเงียบๆ

“จู่ๆ ก็โผล่มา!”

เย่เทียนมั่นใจว่าเย่วหลิงหยิบขวดยารักษาออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย

กล่าวอีกนัยหนึ่งเย่วหลิงต้องมีอุปกรณ์เก็บของในตํานานอยู่กับตัว

นอกจากนี้ ระดับน้ายารักษาของเย่วหลิงยังสูงกว่าของเหลวธาตุบริสุทธิ์ของเขามาก

เขาให้เย่วหลิงดื่มเหลวธาตุบริสุทธิ์ไปขวดหนึ่งในขณะที่เธอหมดสติ แต่ยารักษาของเย่วหลิงกลับฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังของเธอด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เย่วหลิงยิ้มและพูดว่า “คุณคงไม่เคยเห็นถุงเก็บของมาก่อนใช่ไหม? สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากกระเป๋ามิติของจิงโจ้มิติ และถูกหลอมโดยนักรบที่มีพรสวรรค์ด้านมิติ”

“จิงโจ้มิติคืออะไร?”

เย่เทียนถามด้วยความสงสัย

หลังจากเย่วหลิงอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจที่มาของจิงโจ้มิติมันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความเร็วและทรงพลัง มากด้วยสติปัญญามันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่ล่าได้ยากมาก

กระเป๋าของจิงโจ้มิติมีคุณสมบัติห้วงมิติ มันสามารถเก็บสิ่งของได้มากมาย และถูกเรียกว่ากระเป๋ามิติ เมื่อฆ่าจิงโจ้มิติแล้ว นักรบที่มีพรสวรรค์ด้านมิติจะสามารถหลอมกระเป๋ามิติเพื่อสร้างถุงเก็บของขึ้นมาได้

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่กระเป๋ามิติเท่านั้นที่สามารถนํามาหลอมเป็นถุงเก็บของได้สิ่งของที่มีคุณสมบัติพิเศษของมิติทั้งหมดก็สามารถทําได้เช่นกัน เพียงแต่กระเป๋ามิติของจิงโจ้มิตินั้นมีประโยชน์มากที่สุดและยังเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายที่สุดอีกด้วย

“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”

เย่เทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ช่วยไม่ได้ที่เย่เทียนจะไม่รู้ เพราะยังไงเขาก็มาจากฐานเล็กๆ อย่างฐานหลินไห่ไม่มีทางเทียบความรู้กับเย่วหลิงที่มาจากฐานใหญ่ได้

2 วันผ่านไป เย่เทียนยังอยู่กับเย่วหลิงเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเย่วหลิงยังไม่หายดีดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปตามหาแมงกะพรุนที่เป็นเป้าหมายของเขาได้

แม้ว่าเขาจะเสียเวลาไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังได้กําไร เขาได้เรียนรู้ความรู้มากมายจากเย่วหลิง

ยกตัวอย่างเช่น ระดับพลังที่เหนือกว่าขั้นนักรบผู้เชี่ยวชาญ

ในฐานหลินไห่ นักรบผู้เชี่ยวชาญคือผู้แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้นในฐานหลิงไห่ถึงจะมีบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแต่จํานวนก็น้อยมากสา

มารถนับได้ด้วยนิ้วมือ แต่ในฐานทัพขนาดไหญ่นักรบผู้เชี่ยวชาญสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นกลางเท่านั้น ระดับที่อยู่เหนือนักรบผู้เชี่ยวชาญเรียกว่าจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์

ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์สามารถกวาดล้างกลุ่มนักรบผู้เชี่ยวชาญได้ด้วยตัวคนเดียวนอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ยังมีอายุขัยที่สูงกว่าคนทั่วไปพวกเขาสามารถมีชีวิตได้ถึง 200 ปี

เมื่อเย่เทียนรู้ว่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 200 ปี เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

ดังนั้นเขาจึงมีเป้าหมายเพิ่มอีกเป้าหมาย นั้นคือทะลวงสู่ขอบเขตปรมาจารย์

น่าเสียดายที่การจะเป็นปรมาจารย์ได้นั้นหนทางยากลําบากแม้แต่คนที่มี พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงก็มีโอกาสไม่ถึง 10%ที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะชั้นยอดเท่านั้นที่จะมีโอกาสกลายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ได้ 100%

“เย่เทียน ฉันกําลังจะกลับไปที่ฐานแล้ว!”

หลังจากอาการบาดเจ็บของเย่วหลิงหายดีแล้ว เธอก็กล่าวออกมา
“งั้นคุณต้องระวังตลอดการเดินทาง!” เย่เทียนกล่าว

ก่อนจากไป เย่วหลิงมอบห่อผ้าให้กับเย่เทียน

“ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องการมัน นี่เป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตฉันไว้!”

เย่เทียนไม่ทันได้ปฏิเสธ เย่วหลังจากไปโดยที่เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง

เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เทียนก็ทําได้เพียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

เขาเปิดห่อผ้าและพบว่าในนั้นมีตําราลับ เลือดสัตว์อสูรสิบขวด และบัตรทองสิบใบ!

“บ้าเอ้ย เทคนิครวบรวมลมปราณขั้นกลาง เลือดสัตว์อสูรขั้นสูงสิบขวด และบัตรทองอีกสิบใบที่มีมูลค่าเท่ากับสิบล้านหยวน ของขวัญชิ้นนี้มากเกินไป!” เย่เทียน ตกใจมาก

สิ่งล้ําค่าที่สุดก็คือเทคนิครวมลมปราณขั้นกลาง เขาไม่รู้ว่าตระกูลใหญ่ของฐานหลินไห่ครอบครองมันหรือไม่ แต่นักรบธรรมดาที่ไม่มีพื้นหลังไม่มีทางที่จะครอบครองมันแม้จะมีเงินมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้

“ด้วยเทคนิครวบรวมลมปราณระดับกลาง บวกกับเลือดสัตว์อสูรระดับสูงสิบขวดภายในสามเดือนมั่นใจได้เลยว่าเราจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบชั้นยอด!”

เย่เทียนมั่นใจมาก
เดิมที่เขาวางแผนที่จะไปยังทะเลสาบมรณะเพื่อตามหาแมงกะพรุนประภาคารแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว เขาวางแผนที่จะรอให้ตัวเขานั้นเลื่อนขั้นเป็นนักรบชั้นยอดก่อนที่จะไปที่ทะเลสาบมรณะ

ในความเป็นจริงมันไม่เหมาะที่จะไปที่ทะเลสาบมรณะในตอนนี้เพราะเย่วหลิงและคนอื่น ๆ ได้สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในทะเลสาบ บางทีสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจจะเฝ้าระวังมนุษย์อยู่ตลอดเวลาการไปยังที่นั้นตอนนี้เท่ากับการรนหาที่ตาย

สามเดือนอาจจะเพียงพอที่จะทําให้ทะเลสาบมรณะสงบลงและไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ดังนั้นเย่เทียนจึงเตรียมตัวกลับไปที่ฐานหลินไห่