“นี่..เรายังไม่ตาย?”
เย่วหลิงค่อยๆฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า ความคิดแรกของเธอคือความสงสัยจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้เธอควรตายไปแล้ว
ตอนนี้ยังมีสติแสดงว่าเธอได้รับการช่วยเหลือ
“หรือว่าผู้คุ้มกันของเรารอดมาได้?” เย่วหลิงกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ทันใดนั้นเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายชั้นยอด เหล่าผู้คุ้มกันของเธอไม่น่าที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้
เธอเปิดตาของเธอ จะพบว่ารอบตัวเธอมีแต่ความมืดมิด แต่เพราะสัมผัสที่เฉียบคมของนักรบทําให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆเธอ
“คุณตื่นแล้ว!”
เสียงอ่อนเยาว์ดังขึ้น
แม้ว่าเย่วหลิงจะมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนี้ แต่จากน้าเสียงของเขา เธอก็รู้ว่าเป็นใคร”เย่เทียน คุณเป็นคนช่วยฉันไว้หรือ? ”
เธออยากจะลุกขึ้น แต่ร่างกายของเธอตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป เธอทําได้เพียงผืนดันตัวลุกขึ้นนั่งเท่านั้น
“ใช่แล้ว ผมเห็นคุณกําลังหมดสติพอดี ผมจึงพาคุณมาที่ถ้ํานี้!”
เย่เทียนกล่าว
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้!” เย่วหลิงกล่าวขอบคุณ
“ไม่มีอะไรต้องคิดมา เพียงแค่เรื่องบังเอิญ!” เย่เทียนยิ้มบางๆ
ในความเป็นจริง เขาเองก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะไม่ช่วยเย่วหลิง และอาจขโมยสมบัติเงินทองจากเย่วหลิงได้ แต่หากทําเช่นนั้น มันย่อมเป็นการขัดกับความตั้งใจของเขา
นอกจากนี้ เย่วหลิงไม่ได้เลวร้ายอะไร จากที่ตอนเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมหอยุทธ์และอีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงใดๆ
หากเป็นโม่เน่าเป่ย เขาไม่เพียงแต่จะไม่ช่วย แต่เขาจะโยนมันลงเหวอีกด้วย
ทันใดนั้น
แสงอ่อนๆส่องออกมาจากมือของเย่วหลิง มันเป็นหินก้อนหนึ่ง แต่มันเหมือนกับหลอดไฟที่ทําให้ถที่มืดมิดสว่างขึ้น
“นี่คือ…”
เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาอุ้มเย่วหลิงเข้าไปในถ้โดยที่ไม่พบหินก้อนนี้เลย เขาควรรู้ว่าเธอมีมันอยู่
“นี่คือหินแสง มันหายากมาก แม้แต่ในฐานทัพใหญ่ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองมัน”เย่วหลิงไม่ได้ปิดบังและกล่าวอธิบาย
เธอไม่กลัวว่าเย่เทียนจะโลภเพราะหินแสงก้อนเดียว ถึงแม้ของชิ้นนี้จะหายากแต่มันไม่มีค่าอะไรที่ดึงดูดความต้องการของเย่เทียนแล้วเธอก็ไม่รังเกียจที่จะมอบให้เขา
เย่วหลิงวางหินแสงลงบนหินก้อนหนึ่ง จากนั้นขวดยารักษาก็ปรากฏขึ้นบนมือของนาง
หลังจากดื่มยารักษาเข้าไปเย่วหลิง ก็ก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเธออย่าเงียบๆ
“จู่ๆ ก็โผล่มา!”
เย่เทียนมั่นใจว่าเย่วหลิงหยิบขวดยารักษาออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งเย่วหลิงต้องมีอุปกรณ์เก็บของในตํานานอยู่กับตัว
นอกจากนี้ ระดับน้ายารักษาของเย่วหลิงยังสูงกว่าของเหลวธาตุบริสุทธิ์ของเขามาก
เขาให้เย่วหลิงดื่มเหลวธาตุบริสุทธิ์ไปขวดหนึ่งในขณะที่เธอหมดสติ แต่ยารักษาของเย่วหลิงกลับฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังของเธอด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เย่วหลิงยิ้มและพูดว่า “คุณคงไม่เคยเห็นถุงเก็บของมาก่อนใช่ไหม? สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากกระเป๋ามิติของจิงโจ้มิติ และถูกหลอมโดยนักรบที่มีพรสวรรค์ด้านมิติ”
“จิงโจ้มิติคืออะไร?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย
หลังจากเย่วหลิงอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจที่มาของจิงโจ้มิติมันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีความเร็วและทรงพลัง มากด้วยสติปัญญามันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่ล่าได้ยากมาก
กระเป๋าของจิงโจ้มิติมีคุณสมบัติห้วงมิติ มันสามารถเก็บสิ่งของได้มากมาย และถูกเรียกว่ากระเป๋ามิติ เมื่อฆ่าจิงโจ้มิติแล้ว นักรบที่มีพรสวรรค์ด้านมิติจะสามารถหลอมกระเป๋ามิติเพื่อสร้างถุงเก็บของขึ้นมาได้
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่กระเป๋ามิติเท่านั้นที่สามารถนํามาหลอมเป็นถุงเก็บของได้สิ่งของที่มีคุณสมบัติพิเศษของมิติทั้งหมดก็สามารถทําได้เช่นกัน เพียงแต่กระเป๋ามิติของจิงโจ้มิตินั้นมีประโยชน์มากที่สุดและยังเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายที่สุดอีกด้วย
“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย”
เย่เทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ช่วยไม่ได้ที่เย่เทียนจะไม่รู้ เพราะยังไงเขาก็มาจากฐานเล็กๆ อย่างฐานหลินไห่ไม่มีทางเทียบความรู้กับเย่วหลิงที่มาจากฐานใหญ่ได้
2 วันผ่านไป เย่เทียนยังอยู่กับเย่วหลิงเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเย่วหลิงยังไม่หายดีดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปตามหาแมงกะพรุนที่เป็นเป้าหมายของเขาได้
แม้ว่าเขาจะเสียเวลาไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังได้กําไร เขาได้เรียนรู้ความรู้มากมายจากเย่วหลิง
ยกตัวอย่างเช่น ระดับพลังที่เหนือกว่าขั้นนักรบผู้เชี่ยวชาญ
ในฐานหลินไห่ นักรบผู้เชี่ยวชาญคือผู้แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้นในฐานหลิงไห่ถึงจะมีบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแต่จํานวนก็น้อยมากสา
มารถนับได้ด้วยนิ้วมือ แต่ในฐานทัพขนาดไหญ่นักรบผู้เชี่ยวชาญสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นกลางเท่านั้น ระดับที่อยู่เหนือนักรบผู้เชี่ยวชาญเรียกว่าจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์
ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์สามารถกวาดล้างกลุ่มนักรบผู้เชี่ยวชาญได้ด้วยตัวคนเดียวนอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ยังมีอายุขัยที่สูงกว่าคนทั่วไปพวกเขาสามารถมีชีวิตได้ถึง 200 ปี
เมื่อเย่เทียนรู้ว่ายอดฝีมือระดับปรมาจารย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 200 ปี เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ดังนั้นเขาจึงมีเป้าหมายเพิ่มอีกเป้าหมาย นั้นคือทะลวงสู่ขอบเขตปรมาจารย์
น่าเสียดายที่การจะเป็นปรมาจารย์ได้นั้นหนทางยากลําบากแม้แต่คนที่มี พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงก็มีโอกาสไม่ถึง 10%ที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์มีเพียงผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะชั้นยอดเท่านั้นที่จะมีโอกาสกลายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์ได้ 100%
“เย่เทียน ฉันกําลังจะกลับไปที่ฐานแล้ว!”
หลังจากอาการบาดเจ็บของเย่วหลิงหายดีแล้ว เธอก็กล่าวออกมา
“งั้นคุณต้องระวังตลอดการเดินทาง!” เย่เทียนกล่าว
ก่อนจากไป เย่วหลิงมอบห่อผ้าให้กับเย่เทียน
“ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องการมัน นี่เป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตฉันไว้!”
เย่เทียนไม่ทันได้ปฏิเสธ เย่วหลังจากไปโดยที่เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่เทียนก็ทําได้เพียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
เขาเปิดห่อผ้าและพบว่าในนั้นมีตําราลับ เลือดสัตว์อสูรสิบขวด และบัตรทองสิบใบ!
“บ้าเอ้ย เทคนิครวบรวมลมปราณขั้นกลาง เลือดสัตว์อสูรขั้นสูงสิบขวด และบัตรทองอีกสิบใบที่มีมูลค่าเท่ากับสิบล้านหยวน ของขวัญชิ้นนี้มากเกินไป!” เย่เทียน ตกใจมาก
สิ่งล้ําค่าที่สุดก็คือเทคนิครวมลมปราณขั้นกลาง เขาไม่รู้ว่าตระกูลใหญ่ของฐานหลินไห่ครอบครองมันหรือไม่ แต่นักรบธรรมดาที่ไม่มีพื้นหลังไม่มีทางที่จะครอบครองมันแม้จะมีเงินมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้
“ด้วยเทคนิครวบรวมลมปราณระดับกลาง บวกกับเลือดสัตว์อสูรระดับสูงสิบขวดภายในสามเดือนมั่นใจได้เลยว่าเราจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบชั้นยอด!”
เย่เทียนมั่นใจมาก
เดิมที่เขาวางแผนที่จะไปยังทะเลสาบมรณะเพื่อตามหาแมงกะพรุนประภาคารแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว เขาวางแผนที่จะรอให้ตัวเขานั้นเลื่อนขั้นเป็นนักรบชั้นยอดก่อนที่จะไปที่ทะเลสาบมรณะ
ในความเป็นจริงมันไม่เหมาะที่จะไปที่ทะเลสาบมรณะในตอนนี้เพราะเย่วหลิงและคนอื่น ๆ ได้สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในทะเลสาบ บางทีสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจจะเฝ้าระวังมนุษย์อยู่ตลอดเวลาการไปยังที่นั้นตอนนี้เท่ากับการรนหาที่ตาย
สามเดือนอาจจะเพียงพอที่จะทําให้ทะเลสาบมรณะสงบลงและไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ดังนั้นเย่เทียนจึงเตรียมตัวกลับไปที่ฐานหลินไห่