“แผนที่ของทะเลสาปมรณะมีราคา 10,000 หยวน และ 100,000 หยวน ไม่ทราบว่าท่านลูกค้าต้องการแบบไหน?
พนักงานถามอย่างจริงจัง
“มันต่างกันตรงไหน?”
เยู่เทียนถาม
“10,000 หยวนจะระบุข้อมูลภูมิประเทศและบริเวณสัตว์อสูรคร่าวๆ เท่านั้น แต่แผนที่100,000 หยวนจะละเอียดกว่ามาก มีข้อมูลอธิบายถึงสายพันธุ์และจุดอ่อนของสัตว์อสูรในทะเลสาบมรณะ” พนักงานหญิงสาวตอบ
“งั้นเอาแผนที่ 100,000 หยวน!”
เย่เทียนกล่าว
แค่ 100,000 หยวน ไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับเขา การรู้จักทะเลสาปมรณะมากขึ้น ย่อมเป็นเรื่องดี มันช่วยให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายต่างๆได้
หลังจากจ่ายเงินไป 100,000 หยวน เย่เทียนก็ได้รับแผนที่ของทะเลสาบมรณะมา เขาซื้อยารักษาอาการบาดเจ็บอีกเล็กน้อย
ของเหลวธาตุบริสุทธิ์สามขวดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ถือว่าดีกว่าน้ํายารักษาอาการบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ใช้ไปแล้วหนึ่งขวด ที่เขามีอยู่ก็น่าจะเพียงพอ แต่น้ํายาที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เขายังจําเป็นต้องซื้อมัน เพราะหากใช้ของเหลวธาตุบริสุทธิ์ในการรักษาบาดแผลเล็กน้อย มันจะเป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไป
หลังจากซื้อของเสร็จ เย่เทียนก็กลับบ้านและกล่าวกําชับเย่หยูก่อนจะออกจากฐานหลินไห่ไป
การเดินทางระยะทาง 10 กิโลเมตรนั้นไม่ง่ายเลย เย่เทียนต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก ใช้เวลามากกว่าครึ่งวันกว่าจะมาถึงทะเลสาบมรณะ
ตูม!!!
ไม่ไกลนัก เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้น
“มีคนอยู่!”
เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทะเลสาบมรณะเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก และมันอยู่ไกลจากฐานหลินไห่ แม้แต่นักรบชั้นยอดก็ไม่จําเป็นต้องออกมาล่าสัตว์อสูรไกลขนาดนี้ ทําไมถึงมีนักรบมาปรากฏตัวที่นี่?
“ต้องระวังไว้ก่อน!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
นักรบสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในฐานหลินไห่ แต่ในป่าภายนอกก็ใช่ว่าจะไม่มีการต่อสู้ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพยากรเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
เย่เทียนก้าวเดินอย่างช้าๆ โดยแทบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เขาค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าใกล้บริเวณทะเลสาบมรณะ
ทะเลสาบมรณะมีภูมิประเทศที่แปลกประหลาดมันถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา และตรงกลางเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่ภูเขาโดยรอบไม่สูงมากอาจเรียกได้ว่าเป็นเนินเขาขนาดเล็ก
สําหรับเย่เทียนแล้ว ข้อดีเพียงอย่างเดียวคือบนเนินเขามีต้นไม้มากมาย และบริเวณที่มีดสลัวก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงเหมาะสําหรับเขาที่จะใช้พรสวรรค์เงาทมิฬ เพื่อซ่อนตัว
ไม่นานเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเยเทียน
เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดและสังเกตอย่างระมัดระวัง
“เป็นเธอ!”
เย่เทียนเห็นร่างอันงดงามของเย่วหลิงที่เขาเจอในหอยุทธ์
เย่วหลิงและคนอื่นๆ กําลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบมรณะ ภาพที่เขาเห็นการต่อสู้ของคนกลุ่มนี้รุนแรงอย่างมาก
“จระเข้ยักษ์!”
เย่เทียนตกใจเมื่อเห็นสัตว์อสูรตัวนั้นอย่างชัดเจน
สัตว์อสูรจระเข้ยักษ์อยู่ห่างออกไป 10 เมตร เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรระ ดับกลาง และยังมีจระเข้ยักษ์จ่าฝูงที่มีขนาดประมาณราว 20 เมตร ทันทีที่พวกมันเคลื่อนไหว แผ่นดินก็สั่นสะเทือน
เย่เทียนมั่นใจ 100% ว่าจ่าฝูงจระเข้ยักษ์ต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงอย่างแน่นอน มันเทียบเท่ากับนักรบระดับสูง
คนที่กําลังต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงคือชายชราคนหนึ่ง เขาสามารถต่อกรกับมันได้ อย่างสูสี ระดับการบ่มเพาะของชายชราคนนี้จะต้องอยู่ในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน
“นักรบชั้นยอด 10 คนและนักรบผู้เชี่ยวชาญ 1 คน นอกจากนี้นักรบทั้งหมดยังคอยปกป้องเย่วหลิง พวกเขาน่าจะเป็นผู้คุ้มกันของเย่วหลิง น่าแปลกที่ทีมที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาทําอะไรที่ทะเลสาบมรณะ? หรือว่าทะเลสาบมรณะจะมีสิ่งที่เย่วหลิงต้องการ? “เย่เทียนครุ่นคิด
เขายังคงซ่อนตัวสังเกตการณ์ต่อไป
ในตอนนั้นเอง ร่างๆหนึ่งก็พุ่งออกมาจากทะเลสาบมรณะ เป็นนักรบวัยกลางคนที่ ยืนอยู่บนผิวน้ําของทะเลสาบ โดยไม่มีวี่แววว่าที่จะจมลงไปอีกทั้งเสื้อผ้าของเขาก็แห้งสนิท
“พรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับน้ํา?”
เย่เทียนคาดเดา
พรสวรรค์เช่นนี้สะดวกมากเมื่ออยู่ในน้ํา แต่เย่เทียนไม่สนใจที่จะคัดลอก ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคัดลอกมากที่สุดคือพรสวรรค์ของแมงกะพรุนประภาคาร
“คุณหนู ได้มันมาแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
นักรบวัยกลางคนตะโกนอย่างตื่นตระหนก
ความเร็วของนักรบวัยกลางคนนั้นรวดเร็วอย่างมาก เขามาถึงชายฝั่งในพริบตา และรีบมอบของชิ้นหนึ่งให้กับเย่วหลิง
เนื่องจากความเร็วของเขา เย่เทียนที่อยู่ไกลออกไปจึงมองไม่เห็นว่าของชิ้นนั้น มันคืออะไร แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์ บางทีนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่เย่วหลิงและคนอื่นๆมาที่นี่
ทันใดนั้น
ทะเลสาปมรณะก็ไหลทะลักออกมาจระเข้ตัวใหญ่พุ่งออกมาจากทะเลสาป ร่างกายใหญ่โตของมันเหมือนกับจระเข้สายพันธุ์โบราณ แรงกดดันแผ่ขยายออกไปหลายพันเมตร แม้แต่เย่เทียนยังรู้สึกว่าอากาศโดยรอบเริ่มหนาวเหน็บ
“บ้าเอ๊ย พวกเขาไปยั่วยุสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่? นี่มันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับสูงจริงๆใช่ไหม?” เย่เทียนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
จระเข้ยักษ์สัตว์อสูรระดับสูงไม่ใช่จ่าฝูง มันเป็นเพียงหัวหน้าเท่านั้น จระเข้ยักษ์ที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นผู้นําที่แท้จริง
“คุณหนู มันเป็นสัตว์อสูรชั้นยอด พวกเราจะหยุดมันไว้ ท่านรีบหนีไปก่อน!”
สีหน้าของชายชราตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ไม่ เราต้องหนีไปด้วยกัน!”
เย่วหลิงกัดฟันและกล่าว
“ไม่ทันแล้ว!” ชายชรากล่าวอย่างหมดหวัง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ ที่นี่เป็นเพียงพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น แต่กลับมีสัตว์อสูรชั้นยอดปรากฏตัวขึ้น นี่คือสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่มีเพียงระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถต่อกรกับมันได้
เขาเป็นเพียงนักรบผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เขาจะต้านทานสัตว์อสูรตัวนี้ได้อย่างไร?
ยําากกกก!!!
นักรบชั้นยอดคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่จระเข้ยักษ์โดยไม่ลังเล และเริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับพร้อมสละชีวิต
ชายชราผลักเย่วหลิงไปให้ไกลที่สุด และรีดเค้นพลังปราณสร้างเกราะป้องกันด่านสุดท้ายเพื่อถ่วงเวลาให้เย่วหลิง
เย่วหลิงหันกลับไปมองและรู้ว่าเธอไม่สามารถช่วยคนอื่นได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบหนีไป มิฉะนั้นทุกคนจะตายเปล่าที่นี่
แต่ในขณะที่เย่วหลิงกําลังหนีไป จระเข้ตัวอื่นๆ ไม่ต้องการที่จะปล่อยเหยื่อของมันไป
จระเข้ยักษ์กลุ่มหนึ่งวิ่งไล่ตามเย่วหลิง เย่วหลิงไม่กล้าหยุดสู้ เธอพยายามวิ่งหนี อย่างสุดชีวิต
“เร็วมาก ทรงพลังมากเช่นกัน ระดับการบ่มเพาะของเย่วหลิงน่าจะอยู่ที่จุดสูงสุดของนักรบชั้นยอด สามารถฆ่าเราได้อย่างง่ายดาย” เย่เทียนพึมพํา
ไม่ว่าเย่วหลิงจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยากที่จะเอาชนะจระเข้ยักษ์กลุ่มนี้ได้ นอกจากนี้ผู้คุ้มกันของเธอก็ไม่สามารถหยุดสัตว์อสูรชั้นยอดได้ ดังนั้นเย่วหลิงจึงพยายามหนีอย่างสุดชีวิต
ตูม!!!
พลังที่แฝงอยู่ในร่างของเย่วหลิงระเบิดออกมา
เธอใช้ทักษะลับบังคับให้บรรลุถึงขั้นนักรบผู้เชี่ยวชาญชั่วคราว
นี่เป็นเพียงการเลื่อนระดับชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเวลาของทักษะนี้หมดลง เธอจะตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอ เมื่อถึงเวลานั้นเย่วหลิงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตาย!”
เย่วหลิงใช้ดาบแทงทะลุศีรษะของจระเข้ยักษ์และเตะมันจนกระเด็นออกไป
แต่จระเข้ยักษ์นั้นมีจํานวนมากเกินไป และไม่นานเธอก็ถูกจระเข้ยักษ์พุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บ
ในขณะนี้เธอทําได้เพียงมองหาโอกาสหลบหนีในขณะต่อสู้เท่านั้น
ไม่นานร่างของเย่วหลิงก็เต็มไปด้วยบาดแผล จํานวนจระเข้ยักษ์ที่ไล่ตามมาก็น้อยลงเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเธอหนีไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีจระเข้ยักษ์ที่อยู่ข้างหลังเธออีกต่อไป แต่อาการบาดเจ็บของเธอรุนแรงมาก
ทันใดนั้น
สีหน้าของเย่วหลิงเปลี่ยนไป “ไม่ดีแล้ว ทักษะลับหมดเวลาแล้ว! ”
เมื่อเป็นเช่นนั้น ความรู้สึกของเธอก็จมดิ่งลงในความสิ้นหวัง
ที่นี่คือป่า เธอยังไปไม่ถึงเขตปลอดภัย เมื่อเวลาของทักษะลับหมดลง เย่วหลิงรู้ดีว่าเธอจะตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอและหมดสติไป เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าสัตว์ร้ายตัวใดก็สามารถฆ่าเธอได้
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป สติของเธอค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ขณะที่เย่วหลิงกําลังหมดสติไป เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเธอ