ส่วนที่ 9 ภาคอุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี ตอนที่ 9 อุ้มท้องหนีรักมหาเศรษฐี (9)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ถึงยามราตรี แต่ทั้งเมืองเยียนจิงกลับเต็มไปด้วยแสงไฟนีออน 

 

 

บนตึกระฟ้าที่มีความสูงถึง 68 ชั้น ตู้เฉินนั่งอยู่บนโซฟาที่ชั้นบนสุด เมื่อมองขึ้นไปสามารถเห็นดาวบนท้องฟ้าผ่านหลังคาโปร่งนี้ 

 

 

“ตู้เฉินนายจะรักฉันตลอดไปไหม?” 

 

 

วันนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเป็นครั้งแรกที่เขาได้จับมือเล็กๆ ของคนที่เขารัก 

 

 

หญิงสาวใสซื่อกระพริบตาใสๆ เธอมองเขาด้วยความกังวล น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความกลัวและความกังวลที่มาจากส่วนลึกในใจของเธอ 

 

 

พวกเขามาจากชนชั้นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับความรักครั้งนี้ เธอรู้สึกแย่กับตัวเองมาโดยตลอด 

 

 

“ซูหว่านฉันรักเธอ ฉันจะรักไปทั้งทั้งชีวิต ไม่มีวันเปลี่ยนใจ! ” 

 

 

ไม่มี วัน เปลี่ยน ใจ 

 

 

ตู้เฉินกระซิบออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก พวกคนหนุ่มสาวมักจะไม่ค่อยพูดคำว่ารักเท่าไหร่ ในปีนั้นดวงตาคู่ไหนกันที่ทำให้เราใจเต้นที่ลืมไม่ลง?  หรือว่ารอยยิ้มใสซื่อใต้แสงดาวกันนะ? 

 

 

เห็นๆ อยู่ว่าลืมไปเยอะแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าตัวเองจะไม่กลับไปรักเธอแล้ว แต่ทำไม… 

 

 

จู่ๆ กลับเจ็บแปลบที่หัวใจ? 

 

 

คุณชายตู้ ขอโทษด้วยนะ เป็นความบกพร่องของพวกเราเอง จริงๆ แล้ว…ซูหว่านเคยฆ่าตัวแทนมาแล้วครั้งนึง ในปีนั้นทั้งครอบครัวของเขาขึ้นรถไฟไปออกจากเยียนจิง เพราะสถานที่ที่เกิดเหตุค่อนข้างพิเศษ เวลาห่างกันค่อยข้างนาน ดังนั้นเป็นครั้งแรกที่พวกเราตรวจสอบหาไม่เจอ 

 

 

เมื่อนึกถึงเสียงของนักสืบเอกชนอีกครั้ง ตู้เฉินใช้มือทั้งสองข้างลูบหน้าผากของตัวเองอย่างหงุดหงิด เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทั้งหมดกลับกลายเป็นใบหน้าเดียว 

 

 

“หลังจากย้ายบ้าน ฉันก็กลายเป็นคนเก็บตัว ขี้อายมาก ไม่ชอบคลุกคลีกับใคร ฉันกลัวว่า ตระกูลตู้จะหาพวกเราเจอ แต่ฉันก็หวังว่าตู้เฉินจะตามหาฉัน แต่ว่าในตอนนี้ตู้เฉินกำลังทำอะไร? เขา หลิงชีเย่ว์แต่งงานกับแล้ว! ” 

 

 

ซูหว่าน ซูหว่าน ยังคงเป็นซูหว่าน! 

 

 

ตอนนี้ทั้งหัวของเขาเต็มไปด้วยซูหว่าน ตู้เฉินรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นบ้าเพราะเธอแล้ว ไม่ได้ เขาจะต้องกลับบ้าน เข้าจะต้องกลับบ้าน! 

 

 

ตู้เฉินลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมของตัวเอง แล้วออกไปนอกห้องอย่างรีบร้อน 

 

 

“บูส! ” 

 

 

อวี๋เฟิงที่คอยเฝ้าประตู เมื่อเห็นเงาของตู้เฉิน ก็รีบเดินไปหา “บูส นายจะไปไหน? ” 

 

 

“กลับบ้าน” 

 

 

ตู้เฉินพูดออกมาสองคำอย่างเย็นชา เมื่อได้ยินคำพูดของเขาอวี๋เฟิงที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะเดินไปบังทางเดินของตู้เฉิน “บูส ตอนนี้ทุกทางเข้าออกของบริษัทและบ้านพักตากอากาศของตระกูลตู้มีคนดูแลอยู่ด้านนอก ถ้านายออกไปเกรงว่า…” 

 

 

“ฉันกลัวอะไรอย่างนั้นเหรอ? ” 

 

 

ดวงตาของตู้เฉินเพิ่มความเย็นชามากยิ่งขึ้น ในปีนั้นเกิดเรื่องขึ้นกับพ่อแม่ของเขา ราชวงศ์ตระกูลตู้ที่ยิ่งใหญ่ยังผ่านการสนับสนุนของเขาไม่ใช่เหรอ? เขาจะกลัวอะไร? ใต้โลกใบนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ตู้เฉินกลัว 

 

 

บ้านพักตากอากาศตระกูลตู้ 

 

 

เนื่องจากการสัมภาษณ์ที่ออกอากาศตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทำให้บรรยากาศของตระกูลตู้ แปลกไปเล็กน้อย เอาล่ะเนื่องจากที่หลิงชีเย่ว์บุกเข้ามาพร้อมกับลูกชายของเธอกลับมาด้วย ยิ่งทำให้บรรยากาศทั้งห้องโถงดูแปลกไปกันใหญ่ 

 

 

ในเวลานี้หลิงชีเย่ว์กำลังมองไปที่ลูกชายของเธอด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เทียนเทียน ลูกมีอะไรอยากจะพูดกับป้าซูอีก? ” 

 

 

เทียนเทียน “….” 

 

 

“หลิงลี่! ” 

 

 

 เมื่อเห็นลูกชายของเธอก้มหน้าและทำปากเบะ แสร้งทำเป็นน่าสงสาร ความโกรธของหลิงชีเย่ว์ก็เพิ่มขึ้นทันที เมื่อช่วงสายเธอเห็นการสัมภาษณ์ที่ออกอากาศหมดแแล้ว เธอไม่เชื่อว่าลูกชายของเธอจะเป็นเด็กแบบนั้น 

 

 

ในเวลานั้นปฏิกิริยาแรกของหลิงชีเย่ว์ คือซูหว่านที่แสร้งทำตัวเป็นคนดี เพื่อล้างชื่อเสียงมลทินของเธอ และในขณะเดียวกันก็เส่นสกปรกโยนความผิดให้ลูกตัวเอง 

 

 

แต่เมื่อหลิงชีเย่ว์รีบไปที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อไปหาลูกชายของเธอ เธอก็ได้เห็นว่าลูกชายของเธอกำลังอยู่กับกลุ่มอันธพาลและหลิงชีเย่ว์ก็จำได้ว่าตอนนั้นพ่อแม่ของซูหว่านเป็นหนี้จำนวนมาก พวกที่เก็บหนี้อันธพาลพวกนี้ก็อาละวาด วางอำนาจในเยียนจิง อีกทั้งยังหยิ่งผยองมาก 

 

 

ทุกอย่าง ไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ อีกแล้ว… 

 

 

หลิงชีเย่ว์รู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอควรทำคือพาลูกไปต่างประเทศ และไม่กลับมาอีกเลย แต่ว่าอย่างไรก็ตามเธอเป็นแม่ เสี่ยวเทียนเทียนเป็นลูกที่เธอเลี้ยงดูมาเองด้วยความยากลำบาก เธอไม่อยากเห็นลูกตัวเองต้องลำบากตั้งแต่ยังเด็ก 

 

 

ดังนั้นเธอจึงพาลูกตัวเองไปยังตระกูลตู้ เธอจัดการเรื่องทุกอย่างให้จบตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากนั้นหย่าร้างกับตู้เฉิน แล้วก็ไปจากที่นี่ตลอดไป… 

 

 

“แกล้งทำเป็นใบ้ให้ได้อะไร? ” 

 

 

เมื่อเห็นหลิงลี่ไม่พูดอะไร ซูเสี่ยวซูที่อยู่ด้านข้างก็ตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็เกินไปด้านหน้าหลิงลี่แล้วใช้แรงดึงแก้มทั้งสองข้างของเขา “โถ่ๆ พี่สาวฉันรู้หรอกนะว่าเธอก้มหน้าแต่มีแผนอะไรอยู่ในใจ แสร้งทำเป็นน่าสงสาร! ป้ารีบมาดูเร็ว น้องชายเทียนเทียนไม่มีน้ำตาสักหยด เขาไม่ได้สำผิดเลยสักนิด พี่ต้องตีตูดเขาแรงๆ เลยนะ! ” 

 

 

“หลีกไป! ” 

 

 

ถูกซูเสี่ยวซูตำหนิ หลิงลี่อดไม่ได้ที่จะมองเธอตาขวาง มือขาวคู่เล็กพยายามดึงซูเสี่ยวซูออกไป 

 

 

แต่ว่าซูเสี่ยวซูเป็นหุ่นอะไร? หุ่นยนต์!  

 

 

ดังนั้น หลิงลี่จึงเริ่มงอแง ทั้งสองคนไปๆ มาๆ สุดท้ายทั้งสองก็ล้มลงและกลิ้งกับพื้นบนพรม 

 

 

 “ปล่อยมือฉัน! ” 

 

 

“ฉันไม่ปล่อย! ” 

 

 

“ปล่อยมือฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะกัดเธอ! ” 

 

 

“เธอจะกัด เธอก็กัดสิ แต่ฉันไม่รู้สึกเจ็บหรอก! ” 

 

 

เมื่อเห็นเด็กั้งสองกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องโถง ยิ่งทำให้หลิงชีเย่ว์โกรธมากขึ้นไป เธอกำลังจะง้างมือตีเด็กผู้โชคร้ายคนนั้น แต่ถูกซูหว่านห้ามไว้ก่อน “ชีเย่ว์เธอไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว เทียนเทียน…ยังเด็กอยู่ ฉันไม่โกรธเขาจริงๆ หรอก วันนี้…เรื่องที่ฉันทำวันนี้ก็อยากจะขอโทษเขา” 

 

 

ไม่ว่าจะอัจฉริยะหรือจะใสซื่อแค่ไหน สุดท้ายเด็กก็ได้รับการให้อภัยเสมอ 

 

 

อีกทั้ง… 

 

 

“ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นของเขา” 

 

 

ซูหว่านมองไปที่หลิงชีเย่ว์อย่างจริงจัง “เขาไปกับเธอตั้งแต่ยังเด็ก เด็กแบบนี้โดยปกติแล้วจะฉลาดมาก ฉันคิดว่า…ในใจของเขาต้องการพ่อสักคน ดังนั้น…เขาเข้าใจฉันผิด อยากให้ฉันไป ไม่แน่อาจจะรู้สึกว่าฉันจะแย่งพ่อของเขาไป ไม่ว่าเด็กคนไหนถ้าถูกแย่งของเล่นที่รักไปต่างก็จะต่อต้านทั้งนั้น เพราะฉะนั้น…ถ้าเป็นพ่อของเขาคงไม่ต้องพูดถึง” 

 

 

“ซูหว่าน! ” 

 

 

หลิงชีเย่ว์มองไปที่ซูหว่านอย่างจริงจัง สิ่งที่ยอมรับไม่ได้คือ เพราะว่าทุกวันลูกของเขาเอาแต่พูดเรื่องไม่ดีของซูหว่าน เดิมทีหลิงชีเย่ว์เองก็มีภาพจำของซูหว่านที่ไม่ค่อนดีนัก แต่ว่าตอนนี้ เธอเริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว  

 

 

เมื่อได้เห็นหญิงใหญ่มองหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกผิด ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เธอ 

 

 

ถูกต้องแล้ว ฉันมาเพื่อแยกผู้ชายห่วยๆ กับเธอเอง เธอไม่ต้องขอบคุณฉัน โปรดเรียกฉันว่าเหลยเฟิง~ 

 

 

เมื่อได้เห็นคุณแม่ทั้งสองกลายเป็น “เพื่อนรักกัน”ซูเสี่ยวซูที่กลิ้งอยู่บนพื้นเริ่มเหนื่อยแล้ว สุดท้ายก็ลุกขึ้นหน้าคิ้วขมวด “ไม่เล่นกับเธอแล้ว ฉันใกล้จะแบตหมดแล้ว ต้องไปชาร์ตแบตแล้ว” 

 

 

หลิงลี่ “ชาร์ตแบตคือยังไง? แล้วใครเล่นกับเธอ? เธอมีเรื่องอะไรบอกฉัน กลับมานี่นะ~ ดูฉันไม่…อืม สรุปว่า ต้องมีสักวันที่ฉันชนะเธอทัน~” 

 

 

ไม่พูดไม่ได้ ในชั่วชีวิตที่โดยความร้ายครอบงำของหลิงลี่ ในฐานะผู้ชนะในชีวิต มีสิ่งเดียวที่เขาเอาชนะไม่ได้คือซูเสี่ยวซู 

 

 

เมื่อตอนยังเด็กเอาชนะไม่ได้ 

 

 

พอโตขึ้น…ตัดใจไม่ลง? 

 

 

หลิงลี่ “ตัดใจไม่ลงคืออะไร? อัจฉริยะไม่มีคำว่าตัดใจไม่ลง ไม่มี~”