บทที่ 839 ศพดิ้นได้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 839 ศพดิ้นได้ Ink Stone_Fantasy

การฆ่าสมาชิกที่กลัวตายคนหนึ่ง ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับสมาชิกทีมทำลายล้าง…แม้แต่ชายหนุ่มก็ยังมีน้ำเสียงที่เฉยชา มีเพียงตอนที่พูดถึงหลิงม่อเท่านั้น ที่น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย…

“รู้ทั้งรู้ว่าหากปล่อยให้ใครรอดข้อมูลอาจรั่วไหล แต่กลับยังทำอย่างนี้…” ชายหนุ่มครุ่นคิดเงียบๆ “คงเป็นเพราะอย่างนี้ ความลับของเขาถึงได้ถูกผู้บัญชาการหวังพบเข้า? เทียบกับการใช้ชีวิตพวกเขาไปบีบบังคับอวี่เหวินซวน สิ่งที่ผู้บัญชาการหวังสนใจจริงๆ คือความลับของเขาต่างหาก…”

แต่ในเสี้ยววินาทีที่กำลังจะเดินออกจากประตู ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ชะงักเท้า เขากวาดสายตามองไปตามทางเดินที่มืดมิดและเหยียดยาวนี้ ในใจสัมผัสได้ถึงอะไรแปลกๆ…

บนทางเดินมีแต่ความเงียบสงัด ไร้เงาผู้คน…

ความไม่สบายใจก่อนหน้านี้เด่นชัดขึ้นทันใด เขารู้สึกกระทั่งว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่แถวๆ นี้กำลังจดจ้องเขาอยู่

“รู้สึกเหมือน…มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง…” ชายหนุ่มก้มหน้าครุ่นคิด พลันหันกลับไปมองศพของชายหัวล้าน

“ไม่ สิ่งที่ผิดปกติไม่ใช่ศพนี้ เมื่อกี้คนคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทางน่าสงสัย…อย่างน้อยในวินาทีที่เขาตาย ฉันก็ไม่ได้รู้สึกถึงปัญหาอะไร ดังนั้น…”

สิ่งที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอย่างนี้จริงๆ น่าจะเป็นรายละเอียดบางอย่างที่เกี่ยวข้องมากกว่า…อะไรบางสิ่งที่เขาเห็น แต่กลับไม่ได้ให้ความสำคัญ…ความจริงแล้วความรู้สึกนี้มันเป็นความรู้สึกที่คลุมเครือไม่ชัดเจน แต่ทันทีที่เรารู้สึกได้ ก็จะไม่สามารถหยุดคิดได้อีก…

“เจ้าหัวล้าน ความสามารถพิเศษคือการระเบิด…ไม่น่าจะเกี่ยวกับที่เขาหัวล้าน ดังนั้นต้องเป็นข้อสองแน่นอน ทีมระเบิด…จะใช่ระเบิดหรือเปล่านะ? แต่ในตึกนี้มีแค่บริเวณพิเศษเท่านั้นที่จะถูกติดตั้งดินระเบิดไว้ ถึงแม้จะจุดระเบิดทั้งหมดแต่ที่นี่ก็ไม่มีทางถล่ม อีกอย่างหากคำนวณจากเวลา พวกนั้นก็ไม่น่ามีเวลามากพอที่จะติดตั้งระเบิดใหม่ด้วย…ถ้าอย่างนั้น มันคืออะไรกันแน่?”

“สาเหตุที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ มันคืออะไรกันแน่…”

ในตอนนี้เอง อยู่ๆ ชายหนุ่มก็นิ่งอึ้งไป…

เขาคิดออกแล้ว!

“อ๊ะ!”

เสียงร้องดังมาจากด้านหลังเขา เสียงนี้ฟังดูแปลกประหลาดมาก เหมือนถูกหักคอทันทีที่เปล่งเสียงออกจากลำคอ…เสียง “โครม” ดังตามมาติดๆ เมื่อชายหนุ่มหันกลับไปมองอย่างเร่งรีบ ก็มีร่างคนนอนล้มอยู่บนพื้นเพิ่มอีกหนึ่งคน

เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากท้องของชายคนนั้น และในมือของคนที่ยืนอยู่ข้างเขา ก็กำลังถือกริชเปื้อนเลือดไว้ เลือดสดๆ ไหลดัง “ติ๋ง ติ๋ง” จนกลายเป็นกองเลือดอยู่ข้างเท้าเขาอย่างรวดเร็ว…หน้าของเขาซีดเผือด ท่าทางหวาดกลัว จนกระทั่งผ่านไปหลายวินาที เขาจึงเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา แล้วโยนกริชในมือทิ้งไป “เคร้ง”

“รอ…รองหัวหน้าเซี่ย…” ชายคนที่ยืนอยู่ก็คือสมาชิกที่ฆ่าชายหัวล้านเมื่อกี้นั่นเอง และคนที่ถูกแทงจนได้รับบาดเจ็บ ก็คือสมาชิกอีกคนของทีมทำลายล้าง…

สมาชิกที่เป็นคนลงมือยืนเซ เขาถอยหลังไปช้าๆ พลางมองกลับไปกลับมาระหว่างเพื่อนร่วมทีมที่ได้รับบาดเจ็บกับชายหนุ่ม ปากก็พูดอย่างตื่นตระหนกว่า “ไม่ ผมไม่ได้ตั้งใจ…ผม…ผมไม่ได้จะฆ่าเขา…” สมาชิกคนนี้พยายามอธิบาย พลางยื่นมือไปลูบบริเวณเอวของตัวเอง

หน้าผากเขาอาบไปด้วยชั้นเหงื่อมากมาย สีหน้าดูสับสนยุ่งเหยิง เรื่องนี้ประหลาดเกินไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ฆ่าคนไปแล้ว…ถึงแม้อีกฝ่ายจะยังนอนกระตุกอยู่บนพื้น แต่แค่ดูจากปริมาณเลือดที่เสียไป ก็รู้แล้วเขาคงไม่รอดแน่…

“รองหัวหน้าเซี่ย คุณต้องเชื่อผม ผมไม่มีทางคิดฆ่าเพื่อนร่วมทีม คุณรู้ดี…” แววตาดุดันฉายผ่านดวงตาของสมาชิกคนนี้ มือที่ลูบคลำเอวของเขาสัมผัสถูกด้ามมีดเย็นๆ แล้ว…ถ้าหากชายหนุ่มคนนี้ไม่เชื่อเขา เขาก็คงทำได้เพียง…

“เมื่อกี้นายมองเห็นอะไร?” อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามขึ้น ช่วงเวลาสั้นเพียงไม่กี่อึดใจ เขาได้ใจเย็นลงจากอาการตื่นตะลึงอย่างรวดเร็ว

ตามคาด ความรู้สึกไม่สบายใจนั่นไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดไปเอง แต่ไม่คิดว่า มันจะมาในรูปแบบนี้…

เวลานี้ สมาชิกชายคนนั้นได้เงยหน้าขึ้น เขาเหลือบมองศพนั้นด้วยหางตา พลันสูดหายใจลึก แล้วสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว “มะ…เมื่อกี้…เขาขยับตัว…”

“บอกมาให้ละเอียดหน่อย” ท่าทางของชายหนุ่มเริ่มเย็นชา…

“ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกไป ผมเห็นมันยิ้มให้ผม…” สมาชิกทีมคนนั้นทำหน้าหวาดกลัวเหมือนเห็นผี และเสียงพูดของเขาก็ฟังดูวังเวง เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดอย่างนี้…

“ผมนึกว่าตัวเองตาฝาด ก็เลยหันไปมองข้างหลังอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่พอผมหันกลับไป ก็พบว่ามันหายตัวไปแล้ว…ทั้งที่ถูกแทงและบิดหัวใจจนเละ แต่กลับยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง! ผมตกใจ และรีบหันไปมองทางประตูห้อง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…มันกลับโผล่มายืนอยู่ข้างหลังผม! ผมตกใจมากเพราะหันหน้ามาเจอมันอย่างกะทันหัน…แต่มันกลับยิ้ม แล้วถามผมอีกว่า นายเป็นอะไรไป?”

เสียงของสมาชิกคนนี้เริ่มกระตุกสั่น เขาพูดต่อว่า “ตอนที่มันพูด บาดแผลและปากของมันมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สภาพแบบนั้นจะเป็นคนเป็นๆ ไปได้ยังไงล่ะ? ผมก็เลย…ผมเลยลงมือ มันเป็นการกระทำตามจิตใต้สำนึกเท่านั้น! แต่ใครจะรู้…หลังจากที่มันถูกแทง มันกลับกลายเป็น…เป็นอย่างนี้…” เขาหอบหายใจถี่ แล้วตะโกนขึ้นว่า “รองหัวหน้าเซี่ย! ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ! คุณต้องเชื่อผมนะ!”

ชายหนุ่มก้มหน้ามองสมาชิกคนนั้นที่นอนล้มอยู่บนพื้น แล้วพึมพำว่า “ไม่ถูกต้อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา…” เขาเงยหน้ามองสมาชิกทีมคนนั้นที่ยังคงตะโกนลั่น แล้วจู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้น “นาย…”

“นายเป็นใครกันแน่?”

………….

ท่ามกลางห้องที่มืดมิด กลิ่นคาวเลือดเริ่มตลบอบอวลไปทั่วทุกอณูของอากาศช้าๆ…

เมื่อคำถามของชายหนุ่มหลุดออกจากปาก บรรยากาศในห้องก็เริ่มตึงเครียดขึ้น

สมาชิกคนนั่นชะงัก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงฝืนหัวเราะแห้งๆ ออกมา แล้วถามย้อน “รองหน้าเซี่ย คุณหมายความว่ายังไง? ผมก็ต้องเป็นผมสิ จะเป็นใครไปได้…” ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างตกใจ “หรือคุณคิดว่าจิตผมมีปัญหา? ไม่ ผมก็แค่…บางทีผมอาจจะแค่เห็นภาพลวงตา…”

“ไม่ใช่ภาพลวงตา ที่นี่ไม่มีพลังงานทางจิตหลงเหลืออยู่” ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สีหน้าเขาเคร่งเครียด เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ “สิ่งผิดปกติเดียวที่มีอยู่ ก็คือนาย…”

สมาชิกทีมคนนั้นรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น เขาก้าวถอยไปข้างหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วบอกว่า “ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด…”

“พูดให้ถูกก็คือ นายถูกความคิดอื่นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว” ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นช้างบนเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือชี้ไปที่ศีรษะของสมาชิกทีม “ในโลกแห่งดวงจิตของนาย มีบางสิ่งที่มาจากภายนอก…”

เขาชี้ไปที่หน้าผากของสมาชิก สายตาเขาประกายชั่วขณะ แล้วเปลี่ยนเป็นคมปลาบทันที “แต่แค่นี้ ยังไม่ถือเป็นปัญหา…”

“ไม่…รองหัวหน้าเซี่ย…” สมาชิกทีมพูดอย่างหวาดกลัว พลางชักมีดออกมาจากเอว เขาเบิกตากว้างจ้องนิ้วมือของชายหนุ่ม แล้วอ้าปากตะโกนเสียงดังก้อง “เซี่ยเหวินซู! นายคิดว่าฉันกลัวนายจริงๆ หรอ! นายใช้พลังพิเศษกับฉัน ก็เท่ากับฆ่าฉัน!”

พูดไปเขาก็ยกมีดขึ้น กล้ามเนื้อทั่วร่างตึงเกร็งไปทั้งตัว

แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาเขย่งเท้าหมายจะกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่ม นิ้วมือของชายหนุ่มก็กดลงข้างล่างทันที

สมาชิกชายคนนั้นที่กำลังกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็วดั่งพายุพลันสายตาเลื่อนลอย ร่างกายเขาล้มไปข้างหน้าตามแรงโน้มถ่วง ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย

“จุดที่ผิดปกติจริงๆ ความจริงก็คือพวกที่รอดมาได้พวกนี้…เขาปล่อยคนพวกนี้ไว้ เพื่อให้พวกเราสอบถามข้อมูลจากปากพวกเขา ตอนที่พวกเราพุ่งเป้าความสนใจทั้งหมดไปที่เจ้าหัวล้านนี่ คือช่วงเวลาที่เขาจะเคลื่อนไหว!” ชายหนุ่มใช้นิ้วกดหน้าผากของสมาชิกทีมคนนั้น เมื่อดวงตาเขาประกายขึ้น ร่างกายของสมาชิกทีมคนนี้ก็กระตุกสั่น…

“แต่ว่า เขาทำได้ยังไงกันแน่…”

ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มกลับเหลือบมองไปที่ข้างหลังตัวเอง

ความรู้สึกที่เหมือนถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนเข็มอันเยือกเย็นที่ทิ่มแทงอยู่บนแผ่นหลังเขา

ถึงแม้ไม่ได้หันกลับไป แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่า ในความมืดหลังบานประตู มีบางสิ่งอยู่แน่นอน…

—————————————————————————–